- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 July 2020 12:57
- Hits: 1694
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-7-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดในกรอบ 1,350-1,365 จุด และปิดบวกเล็กน้อย 2.61 จุด ณ สิ้นวัน ตลาดรอติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นฝ่ายละกว่า 2 พันลบ. (ต่างชาติยัง Short Index Futures อีก 5.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวลงทดสอบระดับ 1,345-1,350 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ โดยถูกกดดันจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.42 ล้านคนซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดและยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติอย่างมี่นัยยะ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื่อ COVID-19 ยังไม่มีสัญญาณลดลง นอกจากนี้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังสร้างความกังวลและมีโอกาสรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯช่วงต้นเดือน พ.ย. 20 ส่วนปัจจัยในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนโดยต้องจับตาการปรับครม.โดยเฉพาะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ รวมถึงผลประกอบการฝั่ง Real Sector ที่อาจแย่กว่าคาดหลังกลุ่มธนาคารส่งสัญญาณเป็นลบ โดยจากปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประเด็น ระยะสั้นจึงยังเน้นให้เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ที่อยู่อาศัย โรงไฟฟ้า เป็นต้น และหากดัชนีมีจังหวะปรับฐานลงใกล้ระดับ 1,300 จุด เรายังมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : BDMS, BEM, CK, DOHOME, OSP
หุ้นเด่นวันนี้: GULF
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2021 ที่ 47 บาท
- เรามองบวกกับการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) สัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 30 บาท แม้จะเกิด Dilution 10% แต่สามารถชดเชยได้จากกำไรสุทธิปี 2021 ที่จะสูงขึ้น 20% จากการลงทุนถือหุ้น 50% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนี 450MW และโครงการนำเข้า LNG
- เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนราว 3.2 หมื่นลบ.จะถูกใช้ในการลงทุนโครงการใหม่ๆทั้งโรงไฟฟ้าลมในเยอรมนี เวียดนาม รวมถึงธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆทั้งมอเตอร์เวย์ ท่าเรือมาบตาพุดและแหลมฉบังเฟส 3 ซึ่งคาดว่าใช้เงินลงทุนรวม 1 แสนลบ. โดยเงินส่วนที่เหลือจะมาจากการกู้ในอัตรา D/E ที่ 3:1
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเร่งตัวขึ้นเป็น US$582 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีใต้ US$360 ล้านและ US$128 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยไหลออก US$65 ล้าน มากสุดในกลุ่ม TIPS และไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกโดยยังกังวลต่อสถานกาณร์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่สูงกว่าคาด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) หุ้นที่คาดมีกำไร 2Q20 แข็งแกร่ง AP BCH CBG CPF DRT ICHI MTC PRM SC SMT STGT TACC XO
(0) จับตาตัวเลขส่งออกไทยเดือน มิ.ย. ตลาดคาด -15% Y-Y ดีกว่าเดือน พ.ค.ที่ -22.5% Y-Y ทยอยฟื้นตัวขึ้นตามการ Reopen Economy หากตัวเลขออกมาตามคาด มูลค่าส่งออก 1H20 จะ -5.7% Y-Y (ธปท.คาดทั้งปี -8.8%) ล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนค่าลงราว 2.5% ในเดือน ก.ค. ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของภาคส่งออกในระยะถัดไป เรายังชอบกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เราชอบ CBG CPF SAPPE TU XO รวมถึง STGT
(0) ติดตามการปรับครม. นายกฯระบุว่าปรับเฉพาะตำแหน่งที่ว่างลง ได้แก่ รองนายกฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ รมว.คลัง รมว.อดมศึกษาฯ รมว.แรงงาน และรมว.พลังงาน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางเดือน ส.ค. เราแนะนำให้จับตาดูรายชื่อทีมเศรษฐกิจและรมว.พลังงาน ซึ่งหากเป็นชื่อนาย ปรีดี ดาวฉาย และนายไพลินทร์ ชูโชติถาวร เราประเมินว่าจะสามารถสร้างความเชื่อแก่นักลงทุนได้เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญตรงกับงาน และผลักดันการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐ เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯและค้าปลีกอย่าง CK STEC SEAFCO CPALL HMPRO GLOBAL
(+) SAPPE คาดกำไรปกติ 2Q20 -26% Q-Q, -42% Y-Y เพราะ COVID-19 กระทบรายได้ในประเทศและส่งออก แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดว่ากำไรช่วง 2H20 จะกลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะตลาดในประเทศ การออกสินค้าใหม่ และภาษีสรรพสามิตที่ลดลงเหลือ 3% เราปรับเพิ่มกำไรปีนี้ 15% เหลือลดลงจากปีก่อนเพียง -2% Y-Y และกลับมาโต +14% Y-Y ในปี 2021 เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2021 ที่ 25 บาท ปัจจุบันมี PER ถูกสุดในกลุ่มฯเพียง 13 เท่า แนะนำ "ซื้อ"
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 353.51 จุด หรือ 1.31% ปิดที่ 26,652.33 จุด จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.416 ล้านรายในสัปดาห์ผ่านมา สูงกว่านักวิเคราะห์คาดว่า 1.3 ล้านราย ขณะที่นักลงทุนติดตามการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่า
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี ถูกกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดลงสู่ระดับ -15 ในเดือนก.ค. จาก -14.7 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ -12 รวมถึงสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ตลาดเอเชียปรับลง กดดันจากความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐและจีน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (24 ก.ค.) เนื่องในวันกีฬา
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 83 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 41.07 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 24.9 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 1,890 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน , ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1227.05 / +2.04
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ก.ค. - ไทย: นำเข้า-ส่งออก (มิ.ย.)
- สหรัฐ: Markit US Mfg & Services PMI (ก.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Mfg & Services PMI (ก.ค.)
27 ก.ค. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)
- เยอรมนี: Ifo Business Climate (ก.ค.)
29 ก.ค. - ฮ่องกง: 2Q20 GDP
- SCC HMPRO ประกาศกำไร 2Q20
30 ก.ค. - สหรัฐ: ประชุม Fed
- เยอรมนี: 2Q20 GDP
- PTTEP GLOBAL ประกาศกำไร 2Q20
31 ก.ค. - จีน: NBS Manufacturing PMI (ก.ค.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
- ยูโรโซน: 2Q20 GDP
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web