- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 23 July 2020 15:31
- Hits: 5372
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-7-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ปรับตัวลง จากความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯแจ้งให้จีนปิดสถานกงสุลใน Houston โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,357.04 (-19.96 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 2,108 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 571 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 12,781 สัญญา)
GLOBAL (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19 บาท) คาดอัตราการทำกำไรยังขยายตัวขึ้น (Margin expansion) จากยอดขายของสินค้า Private Brand และคาดแนวโน้มกำไรช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวแรง
แกว่งรอปัจจัยใหม่ที่จะเป็นตัวบ่งชี้การเลือกทาง : ถ้อยแถลงจากสหรัฐล่าสุดที่ได้สั่งปิดสถานกงสุลของจีนในเมือง Houston ภายใน 72 ชั่วโมง สะท้อนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีนเร่งตัวขึ้น จุดนี้เองกลับมาเป็นประเด็นกดดันจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น โดยต้องจับตาท่าทีการตอบโต้ของจีนจากประเด็นนี้ว่าจะรุนแรงเพียงใด แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้นตลาดยังคงมีปัจจัยความคาดหวังที่อาจช่วยพยุงภาพรวมตลาดไว้ คือ แรงเก็งต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐฯ หลังจากโครงการช่วยเหลือคนว่างงานของสหรัฐฯ จะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้ โดยเราเชื่อว่านโยบายกระตุ้นรอบใหม่จะออกมาไม่เกินต้นเดือน ส.ค. และมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ผสานกับพัฒนาการเชิงบวกของวัคซีน ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการฟื้นตัวในระยะกลาง ส่วนด้านปัจจัยในประเทศ วันนี้แนะติดตามการรายงานตัวเลขการส่งออกไทย เดือน มิ.ย. ซึ่งตลาดคาดจะหดตัว -15%YoY จากเดือน พ.ค. ลดลงมากถึง -22.5%YoY
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways กรอบแนวรับ 1,340 ต้าน 1,365 จุด เน้นหุ้นโมเมนตัมเด่นในครึ่งหลัง โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “GLOBAL, JMART, PRM”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ทยอยลดพอร์ตการลงทุน รอจนกว่าจะเกิดสัญญาณการฟื้นตัวอีกครั้ง
ไม่มีหุ้น : รอเข้าซื้อที่บริเวณแนวรับ 1350 จุด เน้นเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น
AH ผ่านจุดต่ำพร้อมเด้ง ลุ้นรัฐมีมาตรการช่วย (ทันหุ้น)
ความเห็น : อุตสาหกรรมรถยนต์ใน 2Q63 และ ปี 2563 ถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยเฉพาะในไตรมาส 2Q63 คาดจะพลิกมาขาดทุน AH พยายามพยุงฐานะ ลดต้นทุน และ ลดค่าใช้จ่าย เราคาดปี 2563 จะมีกำไร ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 24.3 บาท คงแนะนำ ถือ ประเมินเป้าหมาย 11 บาท
DCC ส่งซิก Q2 เริ่ด กำไรกระฉูด 100% (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : คาดกำไร 2Q63 จะโตสูง 420 ล้านบาท (+14%QoQ, +103%YoY) แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่ม และ ต้นทุนพลังงานที่ลดลง และ กำไรปีนี้มีแนวโน้มจะเติบโตสูง แรงหนุนต้นทุนพลังงานที่ลดลง การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีกำไรดี และ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี DCC เป็นหุ้นปันผลดี แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 2.80 บาท
เพชร โอสถานุเคราะห์' ลาออก 'โอสถสภา' เขย่าโครงสร้างใหม่ (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : เป็นการลาออกจากประธานคณะกรรมการบริหารและ CEO ด้วยเหตุผลจากปัญหาสุขภาพ โดยคุณเพชร จะขึ้นเป็นรองประธานกรรมการ และแต่งตั้งให้คุณธนา ไชยประสิทธิ์ หนึ่งในผู้บริหารรุ่น 4 ของ OSP เป็นรักษาการ CEO ขณะที่ทีมผู้บริหารยังคงเป็นชุดเดิม เราเห็นว่าไม่กระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างมีนัยยะ คาดกำไรเติบโตดีขึ้นใน 2H63 จากการขยายกำลังการผลิต แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 50 บาท
Prima Marine (PRM)
กำไรสถิติใหม่ อัตรากำไรขยายทุกบรรทัด
Results Preview
มีโอกาสปรับประมาณการขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ
ทิศทางผลกำไรที่คาดจะทำสถิติใหม่อีกครั้งในไตรมาส 2/63 กำลังสะท้อนว่าในปี 2563 PRM มีแนวโน้มจะทำได้ดีกว่าที่เรามองไว้ราว 5-10% โดยเราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังแผนปรับกองเรือใน 2H63 ได้ข้อสรุปชัดเจน โดยปัจจุบัน PRM ซื้อขายที่ P/E20F 17.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ราว 18% ขณะที่ EPS growth ขยายตัวน่าพอใจ +24% ทำให้สถานะของ PRM ยังคง Undervalue เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 9.30 บาท/ หุ้น อิง DCF (WACC 12.0%, g 2.0%)
คาดกำไรจะทำสถิติใหม่ ดีงามทุกบรรทัด
เราคาดว่า PRM จะทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 ได้ที่ 427 ลบ. ขยายตัว +60% QoQ และ +51% YoY จะทำได้ดีทุกบรรทัด รายได้คาดทะลุ 1.6 พัน ลบ. +7% QoQ และ +27% YoY หลักๆมาจากการปรับราคาให้บริการกลุ่มเรือ FSU ขึ้นเฉลี่ย 20% ซึ่งด้วยความที่เป็นหน่วยงานที่ให้มาร์จิ้นสูง และมีสัดส่วนรายได้กว่า 47% ของรายได้รวม และคาดจะส่งกำไรขั้นต้นเข้ามาถึง 69% ของภาพรวมไตรมาส 2/63 (vs 62% ไตรมาสก่อน และ 52% ในปี 2562) เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีดขึ้นเป็น 37.8% จาก 33.3% ในไตรมาสก่อน และ 31.7% ในปีก่อนอีกด้วย ซึ่งทิศทาง Margin expansion แบบนี้ จะพบในทุกๆอัตรากำไรของบริษัท โดยเฉพาะอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ที่จะขยายตัวแรงมากเป็น 44.0% จาก 34.6% ปีก่อน อันเนื่องมาจากการได้ประโยชน์จากขนาด (Economies of scale)
คำแนะนำการลงทุน – กำไร 6 เดือนผ่าน 56% ของประมาณการไปแล้ว
หากประมาณการเราถูกต้อง กำไรใน 1H63 จะคิดเป็น 56% ของประมาณการทั้งปี ทำให้มีแนวโน้มว่าเราอาจต้องปรับประมาณการขึ้น อย่างไรก็ดีเราต้องพิจารณาถึงแผนการปรับกองเรือใน 2H63 ด้วย ซึ่งในเบื้องต้น ผบห.เผยถึงแผนการจัดหาเรือ Domestic tanker 1 ลำ และ เรือ FSU 1 ลำ แต่กำลังพิจารณาการปลดระวางเรือ FSO บางลำ โดยเราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ระหว่างนี้
ความเสี่ยง
ปริมาณความต้องการใช้น้ำมัน ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ จะส่งผลต่อความต้องการกักเก็บน้ำมัน (เรือ FSU) ขณะที่อุปสงค์น้ำมันในภาคใต้ จะส่งผลต่อปริมาณขนส่งน้ำมันในประเทศ (เรือ Domestic Tanker)
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web