- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 July 2020 19:15
- Hits: 5154
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 22-7-2020
“EU ออกมาตรการแล้ว-คลายต่างชาติเข้าไทย-น้ำมันพุ่ง”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : COM7 (จากถือเป็นซื้อ), BTSGIF (จากซื้อเป็นถือ)
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ฟื้นตัวดี รับข่าวคืบหน้าวัคซีนและอียู ปิด +18.71 จุด ที่ 1377.00 จุด มูลค่าซื้อขายสูงขึ้น 64 พันลบ.ดัชนีฯปรับขึ้นคล้ายตลาดเพื่อนบ้าน ตลาดฯตอบรับในทางบวกหลังบ.แอสตร้าเซนเนก้าทดสอบวัคซีนได้ผลและช่วงบ่าย EU บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู วงเงิน7.5 แสนล้านยูโร ขณะที่การฟอร์มทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความคืบหน้า ผู้ซื้อสุทธิมาก-โบรกเกอร์ ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขายสุทธิ 220 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโมนตัมจะไปได้ต่อ หลัง EU ออกมาตรการ วันนี้ศบค.ให้คนต่างชาติเข้าไทย น้ำมันดิบพุ่ง หุ้นวัฎจักรมา ปัจจัยบวกคือ EUออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ติดตามทางฝั่งสหรัฐ เข้าซื้อหุ้นวัฏจักร วัคซีนจีน Ad5 ไปถึงเฟส 2 แล้วได้ผลดี ดาวโจนส์ +160 จุด น้ำมันดิบทะยานเพิ่ม 1.15เหรียญต่อบาร์เรล์ เช้านี้ดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก ด้านไทยวันนี้ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาเกณฑ์ให้ต่างชาติเข้าไทยได้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ด้านปัจจัยลบคือ จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงมาก ค่าเงินบาทมีความผันผวนทางอ่อน หุ้นกลุ่มธนาคารประกาศกำไรแย่กว่าคาด จากการตั้งสำรอง ECL เพิ่ม ล่าสุดที่แย่กว่าคาด y-o-y คือ BBLกำไรลดลงถึง 67% กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1360-1400 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง ติดเชื้อรอบสองและการเมืองไทย แต่มีสัญญาณการผลิต-บริการจ้างงานเริ่มฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ เก็งกำไบริษัทซื้อหนี้มาบริหาร (หนี้เสียมีมาก หลังแบงก์ตั้งสำรองฯสูง)- BAM,JMT,CHAYO เก็งกำไรหุ้นกลุ่มส่งออกเมื่อบาทอ่อน- DELTA,HANA,KCE,CPF,TU หุ้นพลังงานช่วงนี้น้ำมันขึ้นดี แนะนำ ซื้อ-PTT,PTTEP, TOP, GPSC, BGRIM, BCP วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-SCC, TASCO, DRT หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH, BDMS, CHG, RJH, RPH หุ้นDefensive-ADVANC, DTAC, CPF, CHG, OSP หุ้นปันผลสูง-KKP, TISCO, LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP, MTC, PTL,TASCO,TU,STI ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPFขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF, AIMIRT, IMPACT แต่ระยะสั้นระวังงบ 2Q63 ไม่ดี คือ BTS,CPALL, HMPRO, CK, VGI, PF อาจมีการเก็งกำไร กลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว สนามบิน AOT นิคมฯ-คอนโดรอโอนจากจีน และโรงพยาบาลเน้นต่างประเทศ BH เพราะอยู่ในช่วงคลายให้ต่างชาติเข้าไทย แนวรับคือ 1320-1310 จุด และ แนวต้าน 1390-1400 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1365 จุด
# Stock Pick Today : PTTEP เก็งกำไร ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่ง คาดว่ากำไรหลัก 2Q63F จะอยู่ที่ 3.51 พันล้านบาท (-73%YoY แต่ +168%QoQ) แต่จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวใน 2H63F ปัจจัยหนุน คือ 1) การผ่อนคลาย Lockdown และ 2) โรงกลั่นใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการซื้อน้ำมันดิบสูงขึ้น คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 101 บาท (DCF, WACC 10.69%, TG 1%) ราคาปิดมี upside ไม่มากราว 4.7% แต่แนะนำซื้อเก็งกำไรการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพยังเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆ แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวกแรง”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่มี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้น(จากแรงหนุนของ“SMA10”)ก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1390 (หรือ 1400) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1365” (แนวรับย่อย “1320 – 1310 / 1300”จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BTSGIF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 8.00)
COM7 (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 42.00)
CPALL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 81.50)
ORI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.90)
SCB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 74.00)
TISCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 85.00)
Flash Note : BBL (ถือ -ราคาพื้นฐาน 107.00)
BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.80)
LPN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.60)
KTB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 12.50)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ EU: บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.55 แสนล้านดอลลาร์)
# ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้นำ 27 ชาติของ EU ได้บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.55 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจ EU จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยวงเงินดังกล่าวประกอบด้วยเงินให้เปล่าจำนวน 3.90 แสนล้านยูโร และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจำนวน 3.60 แสนล้านยูโร
+ สหรัฐ: นักลงทุนติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่
# นักลงทุนยังจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่เนื่องจากโครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้
+ สหรัฐ: เข้าซื้อหุ้นวัฎจักรเศรษฐกิจ คาดมาตรการกระตุ้นจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและผลประกอบการที่สดใส
# นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามวัฎจักรเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความหวังที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 นอกจากนี้ ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นวัฎจักร
+ โควิด-19: วัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 ทดลองเฟสแรก ได้ผลดี ส่วนจีนทดลองในมนุษย์เฟส 2 แล้ว
# The Lancet ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ เปิดเผยว่า วัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 ที่ได้รับการพัฒนาโดยแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สามารถสร้างภูมิต้านทานเชื้อไวรัสโควิด-19ในการทดลองเฟสแรกกับอาสาสมัครจำนวนมากกว่า 1,000 คน
# ขณะที่ The Lancet เปิดเผยอีกว่า ผลการทดลองวัคซีน Ad5 ในเฟส 2 ในมนุษย์ที่มีการดำเนินการในจีน พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัย และสามารถสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสโควิด-19
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ปิดบวก 159.53 จุดรับแรงซื้อหุ้นวัฎจักร, EU ตั้งกองทุนฟื้นฟู
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามวัฎจักรเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวผู้นำสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งความหวังที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
+ น้ำมัน: WTI ปิดพุ่ง $1.15 ขานรับคืบหน้าวัคซีน,EU ตั้งกองทุนฟื้นฟู
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งการที่สหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ค.
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $26.5 ขานรับมาตรการกระตุ้นศก.,ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในนรอบเกือบ 9 ปีเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำ
- • ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศออกมา
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ วันนี้ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ หารือแผนผ่อนคลาย ระยะที่ 6 อนุญาตให้ต่างชาติเข้าไทย
# วันนี้หรือ 22 ก.ค. จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศบค.เป็นประธาน ซึ่งจะมีการหารือถึงแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ ระยะที่ 6 ในกรณีอนุญาตให้ต่างชาติบางกลุ่มเดินทางเข้ามาประเทศได้ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับบางอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงต่างชาติ เพียงแต่หากจำกัดมาก เช่นครั้งก่อน ก็จะได้ประโยชน์ไม่เต็มที่จึงต้องพิจารณารายละเอียดนโยบาย สำหรับอุตสาหกรรมดังกล่าว เช่น เดินทาง-ท่องเที่ยว สนามบิน สายการบิน การลงทุน-นิคมอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียม (รอคนจีนมาซื้อหรือโอนกรรมสิทธิ์) รวมทั้งโรงพยาบาลเน้นคนไข้ต่างชาติ เช่น BH
+ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับครม.ว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
# นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในการตรวจสอบคุณสมบัติหลังจากตอบรับแล้ว จากนั้นจะต้องรอโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ และเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน
+ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้มีการเพิ่มวงเงินในการใช้จ่ายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้มีการเพิ่มวงเงินในการใช้จ่ายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในการช่วยค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวจากวันละ 600 บาท เพิ่มเป็น 900 บาท ในกรณีการจองที่พักเพื่อเที่ยวในวันธรรมดาเท่านั้นโดยให้มีผลทันที
# ผลกระทบ: ระยะนี้มีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เพื่อมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัว กอปรกับความคืบหน้าด้านวัคซีน จึงทำให้มีความหวังว่าผลกระทบทางลบจากโควิด-19 จะชะลอตัวลงได้ หากสามารถนำวัคซีนมาใช้อย่างแพร่หลายได้ในอนาคต แต่อาจจะยังต้องระวังงบการเงิน 2Q63 ที่คาดว่าจะออกมาย่ำแย่ จากการปิดโรงแรมในช่วง เม.ย.และพ.ค.63 หากแย่กว่าคาดก็อาจจะทำให้ราคาหุ้นปรับลงได้ คำแนะนำคือ ถือ MINT, ERW แต่เต็มมูลค่าสำหรับ CENTEL
+ การสรรหาผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ มีความคืบหน้าแล้ว
# คณะกรรมสรรหาผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สรุปรายชื่อผู้ที่ผ่านสรรหาแล้ว 2 คน เป็นคนใน 1 คน และคนนอก 1 คน เพื่อเตรียมเสนอให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรักษาการ รมว.คลัง ได้พิจารณาเพียง 1 รายชื่อและต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้พิจารณาว่าเห็นชอบกับรายชื่อผู้สมัครชิงผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่หรือไม่
+ AOT แนะเก็งกำไร ตัวเลขผู้ใช้สนามบินมากขึ้น
# ตัวเลขผู้ใช้สนามบินมากขึ้น จาก 6 สนามบินที่บริหารอยู่ ตัวเลข มิ.ย.63 เทียบกับ m-o-m ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เครื่องบินเพิ่ม 90% และผู้โดยสารเพิ่ม 178% คาดว่าจะมีผลมาจากภาครัฐกระตุ้นการท่องเที่ยว และคลายล็อกดาวน์ แม้ว่าเทียบ yo-y จะยังลดลงมากก็ตาม ในวันนี้ ศบค.ชุดใหญ่จะมีการผ่อนคลายระยะที่ 6 ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติให้เข้าไทยได้ เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ ต้องรอดูเงื่อนไข ราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 60 บาท ด้วยวิธี DCF
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web