- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 July 2020 19:03
- Hits: 4575
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-7-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
เมื่อวันศุกร์ SET แกว่งขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยที่ยังควบคุมได้อยู่ในเกณฑ์ดี โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,359.58 (+11.72 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 4.8 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 1,457 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 647 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 895 สัญญา)
SCC (ราคาเป้าหมาย 400 บาท) คาดกำไร 2Q63 จะเติบโตสู่ 9,250 ล้านบาท (+33%QoQ, +31%YoY) แรงหนุนธุรกิจเคมิคอลส์ ที่สเปรดและปริมาณขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และ แพคเกจจิ้ง มีความยืดหยุ่นดี
จับตาการรายงานงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ : สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมรวมของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.7 ล้านราย หรือคิดเป็น 26% ของผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นตัวฉุดรั้งการเก็งกำไรในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง US มากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีสำหรับไทย ถือว่ายังเป็นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ได้ดีมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้นเราเชื่อว่าภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงการแกว่งขึ้นของ SET ได้ ส่วนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ แนะจับตาการรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์อย่างใกล้ชิด โดยเราคาดหุ้นธนาคาร 7 ตัวที่เราศึกษา จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2Q20 ที่ 2.62 หมื่นล้านบาท -36% YoY และ -29% QoQ จากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น การลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและ NIM ที่ลดลง รวมถึงยังมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ ดังนั้นจึงแนะเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งผันผวน กรอบแนวรับ 1,340 ต้าน 1,365 จุด เน้นหุ้นกำไร 2Q63 เติบโตดี โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SCC, WICE, XO”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : สามารถถือต่อ ยก Trailing stop ขึ้นมาที่บริเวณ 1350 จุด หรือ สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ 1343 จุด
ไม่มีหุ้น : รอดัชนีทะลุผ่าน 1363 จุด เป็นจังหวะการเข้าซื้อตาม
BJCHI ลุ้นคว้างานเพิ่ม ชูแบ็กล็อก 4.2 พันล้าน ย้ำมูลค่าสูงสุดรอบ 5 ปี (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา BJCHI ได้งานใหม่ 4 โครงการ รวม 1,630 ล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มเป็น 4.7 พันล้านบาท โดยในช่วง 3Q63 มีแนวโน้มจะได้งานเพิ่มเติมอีกประมาณ 60 ล้านเหรียญ จากลูกค้าเดิม เราประเมินรายได้ปีนี้ 2,750 ล้านบาท โต 36% และ มีกำไรเท่ากับ 268 ล้านบาท โต 468% คงแนะนำ TRADING BUY เป้าหมาย 2.50 บาท
PRM แง้มผลงาน Q2 โดดเด่น โบรกฯ คาดกำไรนิวไฮ 361 ล้าน โต 27% (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : ทิศทางนี้อยู่ในมุมมองของเราอยู่แล้ว โดยไตรมาสนี้ จะได้ประโยชน์จากการปรับราคาค่าบริการของเรือ FSU ขึ้นมา โดยการจะไปได้ต่อหรือไม่ จะขึ้นกับการขยาย fleet ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณา คงคำแนะนำ ซื้อ 9.30 บาท/ หุ้น
ศุภาลัย‘ ประเมินอสังหาฯครึ่งหลังลุ้นโอกาสฟื้นตัวหาก'โควิด'ลดลง (แนวหน้า)
ความเห็น : ยอดขายพรีเซลในไตรมาสที่2 ทำได้ 6.35พันล้านเติบโต11% QoQ ในขณะที่ยอดขายครึ่งปีแรกที่ 12 พันล้าน ถือเป็น 46% ของเป้าทั้งปีที่26 พันล้าน เราคาดว่าครึ่งปีหลังผลงานจะดีกว่าครึ่งปีแรกจากการเปิดตัวที่มากขึ้น โครงการคอนโดมิเนียมล่าที่เพิ่งเปิดตัวไปวันที่ 11-12 กค. ศุภาลัยลอฟท์สาธรราชพฤกษ์มูลค่า 1.4 พันล้าน (565 ยุนิต) มียอดจองแล้ว 65%
STGT ออเดอร์จ่อไหลทะลัก! หลังสหรัฐสกัดนำเข้าสินค้าคู่แข่งจากมาเลย์ (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : ปัจจุบันราคาหุ้นขึ้นไปเทรดเหนือราคาเหมาะสมปีนี้ 76.00 บาท (ซื้อ) ของเราไปแล้ว สะท้อนความมั่นใจในปี 2564 ว่าราคาถุงมือจะยังอยู่ในระดับสูง ในปีหน้าคาดราคาพื้นฐานจะถูกบริเวณ 92-154 บาท ขึ้นกับราคาถุงมือที่อยู่ระหว่างเจรจาล๊อคราคากัน
Sino-Thai Engineering (STEC)
กำไร 2Q63 จะดีขึ้น จากปันผลรับ
Results Preview
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 2Q63 จะดีขึ้น 275 ล้านบาท (+31%QoQ, +3%YoY) แรงหนุนจากเงินปันผลรับ STEC มี Backlogปัจจุบันประมาณ 8 หมื่นล้านบาท อนาคตมีงานที่ชนะการประมูล และเตรียมลงนามเพิ่มหนุน Backlog ทะลุ 1 แสนล้านบาท ราคาหุ้น STEC ปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่ถูก คือ P/BV 1.6 เท่า เท่ากับ Forward P/BV-2SD ระยะ 10ปีที่ 1.5X ในขณะที่มีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นสูง 4.6พันล้านบาท เราประเมินราคาเป้าหมาย12เดือนข้างหน้า 20 บาท อิงค่าเฉลี่ย10ปี Forward P/E = 25x แนะนำ TRADING BUY ช่วงอ่อนตัว จากกำไรปีนี้จะทรุดลง 31%YoY
คาดกำไร 2Q63 จะดีขึ้น 275 ล้านบาท (+31%QoQ, +3%YoY) จากปันผลรับ
คาดกำไร 2Q63 จะดีขึ้น 275 ล้านบาท (+31%QoQ, +3%YoY) แรงหนุนจากเงินปันผลรับ 75 ล้านบาท (GULF 52 ล้านบาท , TSE 23 ล้านบาท) ทำให้รายได้อื่นเพิ่มจากไตรมาสก่อนเป็น 98 ล้านบาท (+320%QoQ, -15%YoY) ยอดรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างคาดจะเท่ากับ 8,919 ล้านบาท (-4%QoQ, +22%YoY) โดยชะลอตัวจากไตรมาสก่อนจาก โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ ชมพู ได้ ขยายเวลาก่อสร้างอีก 9-12 เดือน เป็นเสร็จในปี 2565 แต่โตสูงจากปีก่อน จากรับรู้งานก่อสร้างสายสีเหลืองและชมพูมากขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนในระดับต่ำ 4.3% จากเป็นงานต่อเนื่อง ในขณะที่ลดลงจากปีก่อน 5.1%
Backlog สูง แต่กำไรปีนี้จะลดลง 31%
STEC มี Backlog ปัจจุบันประมาณ 8 หมื่นล้านบาท อนาคตจะได้งานเพิ่มคือ สนามบินอู่ตะเภาเฟสแรกจะมีงานก่อสร้างโยธาประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาด STEC จะได้งาน เมื่อรวมกับงาน O&M มอเตอร์เวย์อีก 5-6 พันล้านบาท และ สายสีชมพูส่วนต่อขยายไปเมืองทองมีงานก่อสร้างอีก 2.5 พันล้านบาท จะทำให้ STEC มี Backlog มากกว่าแสนล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ที่มีแนวโน้มจะลงมาต่ำกว่า 5% และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในสายสีเหลือและชมพูที่น้อยกว่าปีก่อนมาก คาดรายได้ 35,500 ล้านบาท โต 7.6% และ มีกำไรสุทธิ 1,027 ล้านบาท ลดลง 31%
เตรียมประมูลโครงการขนาดใหญ่เพิ่ม
โครงการขนาดใหญ่ที่ STEC มีแผนเข้าประมูลในครึ่งปีหลัง คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี 1.27 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน – ราษฎร์บูรณะ 1.1 แสนล้านบาท และ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 7.5 หมื่นล้านบาท ถ้า STEC ชนะการประมูล จะช่วยเติม Backlog เพิ่มขึ้นอีก
ความเสี่ยง : ปัญหาการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุและแรงงาน คดีถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
Wice Logistics (WICE)
คาดกำไรทำสถิติใหม่
Results Preview
มีแนวโน้มที่บริษัทจะต้องปรับเป้าขึ้นอีก คงคำแนะนำ “ซื้อ”
แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 คาดจะทำสถิติใหม่ 39 ลบ. +28.5% QoQ และ +314.0% YoY ผลักดันจากธุรกิจ Airfreight ที่เร่งตัวตามอุตสากรรมอิเล็คทรอนิกส์ฟื้นตัวแกร่ง และ ธุรกิจ Cross boarder อาเซียน-จีน ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก ผนวกกับการจัดการบริหารตู้สินค้าได้ดีตามแผน แนวโน้ม 2H63 สดใส เข้าสู่ฤดูกาลขนส่ง และธุรกิจ LTL ที่ให้มาร์จิ้นสูง-เสี่ยงต่ำ กำลังเริ่มต้น เรามองว่าเป้ารายได้ 2.7 พัน ลบ. ของบริษัทต่ำไป เรามีแนวโน้มทบทวนประมาณการขึ้นเช่นกันหลังรายงานงบไตรมาส 2/63 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 3.84 บาท/ หุ้น อิง P/E เฉลี่ย 3 ปีที่ 20 เท่า
คาดกำไรรายไตรมาสจะทำสถิติใหม่ เติบโต +314% YoY
คาด WICE จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 39 ลบ. ขยายตัวต่อ +28.5% QoQ และ +314.0% YoY รักษาโมเมนตัมที่ดีได้ต่อ โดยเซกเมนต์ที่ขับเคลื่อนหลักยังคงเป็นการขนส่งทางอากาศ (Airfreight) คาดรายได้ทำถสิติใหม่ 330 ลบ. +9.5% QoQ และ +81.8% YoY โดย WICE ได้อานิงค์จากอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ฟื้นตัวแรงทั่วโลก ขณะที่สินค้ากลุ่มนี้คิดเป็นถึง 50-60% ของสัดส่วนรายได้ของการให้บริการ ขณะที่ธุรกิจใหม่ ขนส่งข้ามพรมแดน (Cross boarder) เส้นทางอาเซียน-จีน ยังคงเดินหน้าได้ดีในเชิง volume ส่วนการจัดการสินค้าขาขึ้น-ขาล่องบนตู้สินค้าทำได้ดีขึ้น คาดรายได้ทำสถิติใหม่เช่นกันที่ 185 ลบ. +45.0% QoQ และ +54.8% YoY ทำให้คาดจะช่วยเร่งอัตรากำไรขั้นต้นรวมขึ้นจาก 14.3% ปีก่อน และ 17.8% ไตรมาสก่อน เป็น 18.0% ในไตรมาสนี้
ครึ่งปีหลังสดใส ธุรกิจมาร์จิ้นสูงจะเริ่มต้น มีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้น
หากเป็นไปตามประมาณการ กำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 55% ของประมาณการ ขณะที่แนวโน้มธุรกิจเดิมยังไปได้ดี และเข้าสู่ฤดูกาลขนส่ง ขณะที่ธุรกิจ LTL (Less than Truckload – ขนส่งแบบรวมตู้) ที่ให้มาร์จิ้นสูง และเป็นการใช้สินทรัพย์ดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพจะเริ่มใน 2H63 เราคาดจะเร่งอัตรากำไรขึ้นได้อีกด้วย เรามองว่าเป้ารายได้ 2.7 พัน ลบ. ของบริษัทอาจจะต่ำไปแล้ว เราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังงบออกกลาง ส.ค.
ความเสี่ยง
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน ยังคงมีอยู่ แต่ทว่ายังไม่ลามไปถึงสัญญาการค้าเฟส 1 ที่ลงนากันไว้ ขณะที่ประเทศอังกฤษเริ่มแบนสินค้า 5G ของ Huawei อาจลดทอนความร้อนแรงของอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ทั่วโลกได้
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web