- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 October 2014 17:33
- Hits: 1946
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ดัชนีดูอ่อนแอ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วานนี้ SET Index ดูอ่อนแอปิดตลาด -2.04 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,526.67 จุด แม้ระหว่างวันทำยอดสูงสุดที่1,542.6 จุดก็ตาม มีแรงขายทำกำไรออกมา แม้มีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ ที่ผลประกอบการสหรัฐฯและตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นสดใส และจีนอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ กอรปกับกำไรไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามระยะกลางยังมีความหวังว่าเฟดอาจจะยังไม่เร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตชะลอตัวลง ขณะเดียวกันอุปสงค์ในตลาดโลกก็แผ่วลงตามการฟื้นตัวที่ล่าช้า ซึ่งการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 528 ล้านบาท แต่รายย่อยขายสุทธิ 336 ล้านบาท ตลาดยังไม่เปลี่ยนภาพเป็นขาขึ้น สำหรับวันนี้ SET Index การที่ดัชนีฯไม่สามารถประคองตัวอยู่ในแดนบวกได้วานนี้ แม้มีปัจจัยต่างประเทศสนับสนุน และผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารฯออกมาดีกว่าคาด ก็แสดงว่ายังอยู่ในช่วงอ่อนแอ สิ่งที่ควรติดตามคือดัชนีฯ หากปรับลงต่ออาจไปทำยอดต่ำสุดใหม่ที่ 1,510 จุดได้ ก็จะยิ่งเป็นสัญญาณไม่ดี ควรทยอยขายทำกำไร เพื่อมีเงินสดไว้รอซื้อเมื่อดัชนีฯ ปรับตัวลงมามากแล้ว โดยปัจจัยที่จับตา คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ, Preview ผลประกอบการ Real Sectors ซึ่งมีเส้นตายการประกาศงบการเงิน 3Q57 คือ 15 พ.ย.57 สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็นKBANK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเปลี่ยนกลับเป็นลบอีกครั้ง ความน่าจะเป็นของตลาดวันนี้ “แกว่งลง” เป็นหลักแต่หากรักษาค่าบวกได้อาจมีการรีบาวด์สั้น แต่ลงต่อได้ แนวต้านคือ 1535-1545 ค่าลบของหุ้นและ SET Index หากดูไม่ดี มีสิทธิลงไปทำ New Low ที่ 1510 (+/-10 จุด)ดังนั้นในการเข้าซื้อใหม่จึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวก สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ทางเทคนิคและให้ถือต่อ ได้แก่ MAJOR, MJD และ EGCOส่วนที่เข้าใหม่เป็น EE, OCEAN, PPS หุ้นที่หลุด List คือ HEMRAJ และหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit ประกอบด้วย AIRAและ BSM
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
-สหรัฐ: กำไรไอบีเอ็มน่าผิดหวัง นักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี โดยหุ้นไอบีเอ็มปิดร่วงลง 7.1% โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน เนื่องจากยอดขายที่ซบเซาในธุรกิจซอฟท์แวร์และบริการ
• สหรัฐ: รอดูผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงโคคา-โคลา, แมคโดนัลด์ คอร์ป,โบอิ้ง โค และแคทเทอร์พิลลาร์
•สหรัฐ: จะมีรายงานยอดขายบ้านมือสอง ก.ย.สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) หลังจากที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ลดลง 1.8% สู่ระดับ 5.05 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5เดือน และสวนกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.20 ล้านยูนิต
+ดาวโจนส์: ปิดบวกได้เล็กน้อย เพิ่มขึ้น 19.26 จุด หรือ +0.12% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,316.07 จุด เพิ่มขึ้น 57.63 จุด หรือ +1.35% ดัชนี S&P500ปิดที่ 1,904.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด หรือ +0.91%นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชน
+ จีน: วางแผนอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ วานนี้ตลาดต่างประเทศได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนวางแผนอัดฉีดเงินทุนมูลค่า 2แสนล้านหยวน (3.27 หมื่นล้านดอลลาร์) ไปยังธนาคารบางแห่ง
-น้ำมัน: ราคาปรับลดลง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 4เซนต์ ปิดที่ 82.71 ดอลลาร์/บาร์เรลและสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลด 76 เซนต์ ปิดที่ 85.40 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังสำนักงานพลังงานสากล(IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า
+ทองคำ: ปรับตัวเพิ่มดี ราคาทองคำตลาด Comex ปรับเพิ่ม 8.31 เหรียญวานนี้ เทียบกับวันศุกร์ ปิดตลาดที่ 1,246.6 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
+ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI): เพิ่มขึ้น วานนี้ BDI เพิ่ม 29 จุด หรือ 3.07% ปิดที่973 จุด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์
+/• ภาครัฐ: เริ่มให้เงินช่วยเหลือชาวนา จาก ธกส.เป็นโครงการช่วยเหลือชาวนารายย่อยที่ปลูกข้าวนาปี 57/58 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราคาผลผลิตที่ตกต่ำส่วนหม่อมอุ๋ย" รองนายกฯยันการออกพันธบัตรออมทรัพย์ใช้หนี้จำนำข้าวเป็นทางออกเดียว โดยมองว่าการออกพันธบัตรออมทรัพย์จะช่วยให้ไม่เป็นหนี้ค้างอยู่ในงบประมาณ เพราะไม่เช่นนั้นภาครัฐก็จะไม่มีงบสำหรับลงทุน เราเห็นว่าการที่เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยที่ต่างจังหวัดดีขึ้น หลักทรัพย์ที่ลูกค้าหลักอยู่ต่างจังหวัดคือ ADVANC และ GLOBAL ส่วนกลุ่มพาณิชย์ก็ได้ประโยชน์เช่น CPALL, BIGC และ HMPRO เป็นต้น
+หลักทรัยพ์กลุ่มธนาคาร: ค้ำจุน SET ใกล้สิ้นสุดการประกาศงบการเงิน3Q57 ที่ประกาศออกมาโดยรวมดีกว่าคาด เพราะต้นทุนการระดมเงินต่ำ ไม่จำเป็นต้องเร่งระดมเงินฝาก ซึ่งเกิดจากการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวน้อยตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เหลือหลักทรัพย์ที่ยังไม่ประกาศ2 บริษัทคือ KTB และ TCAP ควรติดตามว่าจะยังออกมาดีกว่าคาดได้อีกหรือไม่ ส่วน KBANK วานนี้ปรับตัวขึ้นเด่น สะท้อน 3Q57 ที่กำไรออกมาโดดเด่น
•/+ ธนาคาร: คาดกำไร 4Q57 สู่ภาวะปกติ แต่ยังแข็งแกร่ง มีแนวโน้มว่ากำไรจะไม่ออกมาดีเป็นพิเศษเหมือน 3Q57 เพราะธนาคารกลับมาเร่งระดมเงินฝากอีกครั้ง ต้นทุนการระดมเงินฝากจึงเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น แต่ภาคธนาคารยังคงแข็งแกร่ง จากการขยายตัวเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อ ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว สินเชื่อประเภทที่อยู่อาศัยยังดี สินเชื่อRetail สูงสุดในรอบปี แม้สินเชื่อบุคคลไม่สดใส ส่วนแนวโน้มในปีหน้าอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะคาดการณ์ GDPจะเติบโต 4-4.5% ขณะที่ปีนี้เติบโตเพียง 1-1.5% Top Pick สำหรับหลักทรัพย์หมวดธนาคารคือ KBANK และ TMB
-TLGF: ปรับตัวลง -2.9%กังวลข่าวเทสโก้ โลตัสอังกฤษแย่ลง เดฟ เลวิสซีอีโอใหม่ของเทสโก้ โลตัส อาจต้องพิจารณาขายหรือแยกธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไปและโฟกัสธุรกิจในอังกฤษ ขณะมีข่าวเรื่องอื้อฉาวทางบัญชี รอยเตอร์ชี้ไทอาจเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทอาจพิจารณาขาย โดยประเมินว่ามีมูลค่าราว 5,000ล้านปอนด์ เรามีความเห็นว่าที่ราคา TLGF ปรับตัวลง เพราะความกังวลข่าวข้างต้นแต่ความจริงแล้ว การที่มูลค่ากองทุนจะเป็นศูนย์เลยนั้นคงจะไม่ เพราะมีสินทรัพย์และแบรนด์ที่มีคุณค่าอยู่ เพียงแต่การเติบโตกองทุนฯอาจมีข้อจำกัด ในการที่จะซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติม หากเปลี่ยนเจ้าของใหม่
-MC: 3Q57 ไม่สดใส รออ่อนจึงค่อยลงทุน จากการพูดคุยกับบริษัทพบว่า 2H57 อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด เพราะค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่สูง และการขายข่องทาง Modern Trade ไม่สำเร็จนัก แต่ร้านที่ตั้งอิสระยังไปได้ดี ดังนั้นการซื้อลงทุน สำหรับปี 58 เพื่อรอกำไรที่คาดว่าจะฟื้นตัว และการทำ M&A อาจรออ่อนตัวลงมาได้ ให้ราคาตามพื้นฐาน 24.10 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 20 เท่า สำหรับแนวรับเทคนิค ที่นักวิเคราะห์ให้ไว้คือ 16.50, 16.00 บาทลงมา
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]