- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 July 2020 13:56
- Hits: 5462
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 13-7-2020
MARKET TALK
กลยุทธ์การลงทุน
พัฒนาการเชิงบวกของวัคซีน Covid-19 มองว่าเป็นกรอบเวลาปกติที่ควรเกิดขึ้น หากต้องการกระจายวัคซีนได้ภายในกลางปี 2564 แต่ก็น่าจะทำให้ SET Index ปรับขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ยังต้องเพิ่มความระมัดระวัง พอร์ตจำลองได้ Stop Profit หุ้น SPVI รับกำไร 5.2% ให้นำเงินไปพักไว้ใน BISGIF ส่วนหุ้น Top Pick วันนี้เลือก SCCC, SEAFCO และ STGT
วัคซีนคืบหน้า ... แต่ต้องรอกลางปีหน้า กว่าเข็มจะแตะแขน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นข่าวเรื่องพัฒนการเชิงบวกของ วัคซีน Covid-19 ออกมาจากหลายประเทศ ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินว่าเป็นลำดับเหตุการณ์ปกติที่ควรจะเกิดขึ้น หากจะทำให้ช่วงเวลาที่มีการกระจายวัคซีนได้ในวงกว้างเป็นช่วงกลางปี 2564 แต่อย่างไรก็ตามข่าวดังกล่าวก็น่าจะส่งผลทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น สำหรับเศรษฐกิจในประเทศให้ความสนใจกับสถานการณ์หลังจากที่แรงหนุนจากมาตรการเยียวยารูปแบบต่างๆ หมดลงไป ไม่ว่าจะเป็น การจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ 3 เดือน , การจ่ายเงินสวัสดิการชดเชยการว่างงานจากประกันสังคม และ การพักการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ 3-6 เดือน ว่าจะถูกสะท้อนลงในภาพใหญ่ของเศรษฐกิจอย่างไร หากไม่มีมาตรการอื่นเข้ามาเสริมในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการชะลอตัวของการบริโภคภาคครัวเรือน และนำไปสู่การเห็นภาวะการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ส่วนในต่างประเทศรอติดตามการประกาศ GDP Growth งวด 2Q63 ของประเทศจีน ซึ่งยังถูกคาดหมายว่าจะเห็นตัวเลขเป็นบวก พอร์ตการลงทุนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ Stop Profit หุ้น SPVI รับกำไร 5.2% ให้นำเงินไปพักใน BISGIF ส่วนหุ้น Top Pick วันนี้เลือก SCCC, SEAFCO และ STGT
ดีใจยาและวัคซีน Covid-19 คืบหน้า แต่น่าจะสร้างกระแสระยะสั้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศในวันศุกร์ที่ผ่านมายังปรับเพิ่มขึ้นต่อ ดัชนี NASDAQ ขึ้นไปทำ All Time High, S&P500 +1% โดยปัจจัยหนุนมาจากบริษัท Gilead สหรัฐ เผยผลทดลอง ยา Remdesivir สามารถลดการเสียชีวิตได้ 62% และพัฒนาการ Vaccine ทั้งหมด 4 เฟส และปัจจุบันมี 4 บริษัท อาทิ Sinopharma ฯลฯ พัฒนาจนถึง 3 เฟส อ่านเพิ่มใน market talk เมื่อวันศุกร์ 10 ก.ค. เชื่อว่าตลาดหุ้นตอบรับข่าวดังกล่าวในช่วงสั้น ซึ่งดูเหมือนว่ายังมีหลายปัจจัยลบที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่รออยู่ อาทิ 1.)กระแสการกลับมา Lockdown รอบ 2 ซึ่งเพิ่มเติมจากที่ ASPS นำเสนอใน market talk เมื่อวันศุกร์ (11 ประเทศทั่วโลกที่กลับมา Lockdown) ล่าสุดมีอีก 2 ประเทศ คือ กรีซ, ฮ่องกง สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ ฯลฯ หลังจากผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ทั่วโลกที่ยังเพิ่มขึ้น (สหรัฐในรัฐหลักๆอาทิ Texas และ Florida เพิ่มขึ้น 4.3% มากกว่าค่าเฉลี่ย 7 วันย้อนหลังที่เพิ่มราว 3.5%) 2.) ข้อตกลงการค้าสงบศึกสหรัฐ-จีน เฟส 2 หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ไม่เคยนึกถึงประเด็นดังกล่าว” ทั้งนี้เศรษฐกิจของ 2 ประเทศปี 2563 ยังคงได้รับผลกระทบภาษีนำเข้าอัตรา 5-25% ปัจจุบันทั้ง 2 ฝั่งยังจัดเก็บรวมกัน 4 รอบ
ตลอดสัปดาห์นี้ประเด็นต่างประเทศที่น่าจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นมี 3 ประเด็นสำคัญ คือ
14-15 ก.ค. การประชุม OPEC+ มีประเด็นสำคัญ คือ ตรวจสอบว่าแต่ละประเทศตัดลดการผลิตตามข้อตกลงหรือไม่ ? และจะตัดสินว่าจะขยายระยะเวลาการตัดลดการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะสิ้นสุด เดือน ก.ค.2563 หากไม่ต่อ ตามข้อตกลงเดิม คือ เดือน ส.ค.-ธ.ค.63 OPEC+ จะตัดลดการผลิตลดลงเหลือ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน : จะส่งผลให้ Supply น้ำมันเข้ามาในระบบ 2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้นราว 2%ของ Supply ทั่วโลก คาดเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาน้ำมันและหุ้นพลังงาน คำแนะนำหุ้นกลุ่มพลังงานราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันปัจจุบันไปแล้วจนเหลือ upside จาก FV ค่อนข้างจำกัด PTTEP(FV@B100) PTT (FV@B42) ;
16 ก.ค.จีนประกาศ GDP Growth งวด 2Q63 Consensus คาดจะพลิกกลับมาขยายตัว 2.5%yoyจาก งวด 1Q63 ที่ – 6.8%yoy(IMF คาดทั้งปี 2563 ขยายตัว 1%) หากผิดคาด อาจจะสร้างแรงกดดันต่อการลงทุนต่อตลาดหุ้นโลก
16 ก.ค. ประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) คาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่เดิม 0% แต่ตลาดให้น้ำหนัก ECB จะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการเข้าซื้อพันธบัตร QE เพิ่มเติมอะไรใหม่หรือไม่
แรงหนุนจากมาตรการเยียวยาของรัฐใกล้หมด ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจยังแรง
เศรษฐกิจไทยปี 2563 ASPS คาด GDP จะหดตัว 8.4%yoy หมายความว่ามูลค่า GDP จะหายไป 1.47 ล้านล้านบาทจากปี 2562 ซึ่ง Nominal GDP อยู่ที่ 16.87 ล้านล้านบาท เนื่องจากฟันเฟืองขับเคลื่อนเกือบทุกตัวหดตัว (ส่งออก, การบริโภคครัวเรือน ฯลฯ) อย่างไรก็ตาม ASPS คาดยังพอมีฟันเฟืองขับเคลื่อนบางตัว คือ การลงทุนรัฐ (อ่าน Paragraph ถัดไป) และ การเร่งเบิกจ่ายรัฐ(G) จาก 1.) มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล Covid-19 ที่รัฐบาลมุ่งเน้นไปที่การบริโภคและการท่องเที่ยวที่ออกมาระยะเวลา เม.ย.-ก.ค.2563 อาทิ จ่ายเงินเยียวยา 5000 บาท เพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการ (ดังตาราง) ซึ่งแหล่งเงินทุนของรัฐมาจาก พรก. 1 ล้านล้านบาท ซึ่งมีการเบิกจ่ายไปเพียง 12.3%ของทั้งหมด (ดังตาราง)
และ 2.) การพักชำระหนี้และช่วยเหลือลูกหนี้จากธนาคารณิชย์ ระยะเวลาช่วยเหลือ คือ ลูกหนี้มีการลงทะเบียนเข้าร่วม คนสุดท้าย คือ ธ.ค. 2563 จะยืดการพักชำระหนี้ได้ถึง มิ.ย2564
โดยรวม ASP ประเมินว่าหากมาตรการต่างๆทั้ง 2 ส่วนสิ้นสุดแล้ว หากไม่มีมาตรการใหม่ฯ หรือ ขยายระยะเวลาชเดิม ASPS ประเมินว่าจะกระทบต่อ การบริโภคครัวเรือน (C ) ซึ่งคิดราว 48 %ของ GDP เนื่องจากแนวโน้มผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นจากผลกระทบ Covid-19 ซึ่งในท้ายที่จะสุดเป็นปัจจัยDown side ต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 ได้
พัฒนาการโครงการลงทุนภาครัฐ หนุนหุ้นก่อสร้างต่อเนื่อง ชอบ CK STEC SEAFCO
โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ หนึ่งในฟันเฟืองหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งตามแผนปี 2563 รัฐตั้งเป้ามูลค่าโครงการทั้งหมด 1.95 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ ครม. อนุมัติแล้ว 1.2 ล้านล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 62% ของทั้งหมด)
นำโดยรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตก 1.09 แสนล้านบาท หลังจากขายซองประมูลในวันศุกร์ที่ผ่านมา (ระยะเวลาการขายซอง 10 – 24 ก.ค. 63) และจะทยอยเห็นความคืบหน้าต่อต่อเนื่อง ทั้งการรับซองรวมถึงเปิดซองในช่วง 23 – 30 ก.ย. 63 และคาดว่าจะทราบผลผู้ชนะการประมูลก่อนสิ้นปี 63 รวมถึงน่าจะเห็นความคืบที่ชัดเจนขึ้นของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่า 1.01 แสนล้านบาท
ขณะที่หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ Underperform ตลาดมานาน โดยปรับตัวลดลงมาตลอด 4 ปี (ให้ผลตอบแทนติดลบทุกปี) แต่ปี 2563 เริ่มพลิกกลับมาชนะตลาดได้ และยังมี Momentum หนุนต่อจากความคืบหน้าของโครงการภาครัฐ ทำให้หุ้นรับเหมาฯก่อสร้างน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ยังขาดฟันเฟืองทางเศรษฐกิจในการขับเคลื่อน
RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
ภวัต ภัทราพงศ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web