- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 July 2020 11:22
- Hits: 3982
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-7-2020
“ไซด์เวย์แบบอ่อนลง กลับมากังวลล็อคดาวน์รอบ 2”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TU (จาก Fully Valued เป็นซื้อ), TKN (จากซื้อเป็นถือ)
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ ดีดกลับช่วงบ่าย ปิด +3.35 จุด ที่ 1365.81 จุด มูลค่าซื้อขาย 73 พันลบ.ดัชนีฯปรับขึ้นเล็กน้อยคล้ายตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แม้มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ดัชนีฯปรับขึ้นได้เพราะมีความคาดหวังเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฟื้นตัว แม้เศรษฐกิจยุโรปยังน่าเป็นห่วง มีทำ Big Lot หลายรายการ มีข่าว รมว.กระทรวงสำคัญลาออกจากพรรคพปชร. แต่ไม่กระทบนัก ซื้อสุทธิมาก-ต่างชาติ ขายสุทธิมาก-สถาบัน YTD ต่างชาติขายสุทธิ 218 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาส Sideways Down กังวลติดเชื้อรอบ 2 ต่างประเทศสูง ติดตามปรับ ครม. ปัจจัยบวกคือ ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ต่ำกว่าคาด หุ้นเทคโนโลยียังหนุน Nasdaq จากการทำงานที่บ้าน ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) วันนี้ ด้านปัจจัยลบคือ สหรัฐหวั่นล็อกดาวน์รอบ 2 หลังรัฐแคลิฟอร์เนียติดเชื้อสูงทำสถิติสูงสุดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกสูงมาก ดาวโจนส์ -361 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สไม่สดใส และติดตามการเมืองไทย หากมีปรับ ครม. ให้รอดูทีมเศรษฐกิจ กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1350-1400 วันนี้ปัจจัยต่างประเทศไม่สดใสเรื่องผู้ติดเชื้อ ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ แต่มีสัญญาณการผลิต-บริการจ้างงานดีขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี-AP,MTC,DELTA,TASCO,TU กลุ่มพาณิชย์,นิคมฯเด่นจากการคลายล็อกดาวน์- CPALL,HMPRO,AMATA ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTSหุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACT หุ้นท่องเที่ยวฟื้นตัว-SPA ติดตามหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นแนวรับคือ 1350-1300 จุด และ แนวต้าน 1375-1390 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1350 จุด สิ่งที่น่าติดตาม คือ หลังจาก DBS ได้จัดโรดโชว์กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารไปวานนี้ ได้มีการปรับคำแนะนำเพิ่มสำหรับ TU เป็น ซื้อ จากเดิมเต็มมูลค่า ราคาพื้นฐาน 16 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ RBF ที่คงสถานะการเป็นผู้นำเครื่องปรุงรสในอาหาร แต่อาจรอซื้ออ่อนตัว เนื่องจากให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 9.50 บาท แต่ลดคำแนะนำ TKN เป็น ถือ จากเดิม ซื้อ ราคาพื้นฐานปรับลงเป็น 10.90บาท เพราะธุรกิจในไทยจะฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม ด้าน AAV ระยะนี้ได้รับจิตวืทยาทางลบจากบ.แม่คือ กลุ่มแอร์เอซีย ที่มาเลเซีย หลังผู้สอบบัญชีกังวลฐานะการเงิน
# Stock Pick Today : STGT กำไรแรงสู้เข้าเกณฑ์ Cash Balance แม้มีโอกาสสูงจะติด Cash Balance ถึง 6 สัปดาห์ แต่แนวโน้มกำไรที่จะทำได้สูงมาก คาดว่าหุ้นจะยังมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง ล่าสุดมีข้อมูลเชิงบวก แบ่งได้เป็น 1) จากความต้องการถุงมือยางสูง มีออร์เดอร์ไปถึง 3Q64 แล้ว 2) ปรับราคาขายขึ้นได้ แต่ราคาวัตถุดิบน้ำยางข้นกลับทรงตัวต่ำ อัตรากำไรจึงดีขึ้นไปอีก 3) คาดกำไรรายไตรมาสจากนี้จะทำ Hi Record ต่อเนื่อง จาก Consensus มีการปรับประมาณการและราคาพื้นฐานขึ้นไปอีกในช่วง 76-91 บาท ยังมีส่วนเพิ่ม (Upside) ราว 2%-22% จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ทั้งนี้ในแง่ประเมินมูลค่าหุ้น ยังถูกกว่าบริษัทถุงมือในมาเลเซีย
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพยังเป็นลบเล็กๆ แต่อาจมีรีบาวด์. ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ(ยัง)เล็กๆ {“ปิดลบ” แต่ยังยืนเหนือ“SMA10วัน” (โดย“ติด”แนวต้านสำคัญ และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1370 – 1380 (หรือ 1400) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1360” (แนวรับย่อย “1350 –1330 / 1300” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus: กลุ่มไก่ส่งออก : เทสโก้ อังกฤษแบนไก่ที่เลี้ยงมาจากอาหารที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
Company Guide : TKN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 10.90)
TU (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 16.00)
Flash Note : RBF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.50)
SCC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 417.00)
In The News : โควิด-19 ฉุดตลาดหุ้นกู้ระยะยาวชะลอตัว
อสังหาฯไทยได้เลื่อนสถานะในตลาดโลกเป็นระดับโปร่งใส (เดิมโปร่งใสปานกลาง)
Turnover List Watch : มีโอกาสสูงที่ STGT,RBF,NEX และ BWG จะติด Cash Balance
New Listing : UREKA-W2
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: หวั่นวิตกว่า รัฐบาลอาจกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอีกครั้ง
# จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐทำให้นักลงทุนหวั่นวิตกว่า รัฐบาลอาจกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอีกครั้ง สำนักงานสาธารณสุขของรัฐแคลิฟอร์เนียรายงานว่า ณ วันพุธที่ 8 ก.ค. รัฐแคลิฟอร์เนียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวสูงถึง 11,694 ราย ทำสถิติการติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 44% และผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในห้อง ICU เพิ่มขึ้น 34% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
+/- สหรัฐ: ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แต่สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งร่วง
# ตลาดยังได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.314 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.39 ล้านราย
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งร่วงลง 1.2% ในเดือนพ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของการนำเข้าแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี
+ สหรัฐ: หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ได้รับประโยชน์จากการที่ชาวอเมริกันต่างก็อยู่กับบ้าน
# อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากมุมมองที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีได้รับประโยชน์จากการที่ชาวอเมริกันต่างก็อยู่กับบ้าน หลังรัฐบาลประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรค
- โควิด-19: ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก มีเป็นจำนวนมาก
# ข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 12,196,922 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 552,771 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก จำนวน 3,159,514 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก จำนวน 134,873 ราย
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 361.19 จุด วิตกสหรัฐล็อกดาวน์รอบใหม่หลังยอดโควิดพุ่ง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ทางการสหรัฐอาจประกาศล็อกดาวน์ภาคธุรกิจรอบใหม่หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีดัชนี Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนซึ่งจะทยอยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
- น้ำมัน: WTI ปิดร่วง 1.28 ดอลล์ วิตกโควิดฉุดดีมานด์น้ำมันทรุด
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 40 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันนอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง
- • ทองคำ: ปิดร่วง $16.8 จากแรงขายทำกำไร,ดอลล์แข็งฉุดตลาด
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งทำนิวไฮในรอบเกือบ 9 ปีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศวันนี้
# ส่วนในวันนี้ ทางการสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและสมาชิก 3 คน ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ววานนี้
# นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร) เปิดแถลงข่าวด่วนประกาศยุติบทบาททางการเมือง โดยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยสมาชิกในกลุ่ม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง อดีตกรรมการบริหารพรรค
# ผลกระทบ: จากนี้ไปต้องติดตามปัจจัยการเมืองไทย โดยเฉพาะประเด็นการปรับครม และจะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ หรือไม่ อย่างไร เพราะจะมีผลกับการบริหารเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะลำบากจากโรคระบาด โควิด-19
-นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามความจำเป็น
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามความจำเป็นหากใครทำงานดีอยู่แล้วก็จะให้ทำต่อไป โดยยอมรับว่ามีการทาบทามคนนอกเข้ามาร่วมด้วย ส่วนรัฐมนตรีในกลุ่ม 4 กุมารที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐนั้นเป็นโควต้าส่วนตัว ขณะที่ความสัมพันธ์ของ 3 ป.ยังมีความแน่นแฟ้น ไม่แตกคอกันแน่นอน
-AAV: "เฟอร์นานเดส"โต้ข่าวเตรียมขายหุ้น"แอร์เอเชีย อินเดีย"ให้"ทาทา ซันส์"
# หนังสือพิมพ์บิสซิเนส สแตนดาร์ด รายงานในวันนี้ว่า ทาทา ซันส์ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของทาทา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมของอินเดีย กำลังเจรจากับบริษัทแอร์เอเชีย กรุ๊ปเพื่อซื้อหุ้นที่แอร์เอเชียถืออยู่ในบริษัทแอร์เอเชีย อินเดีย ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมทุนของทั้งสองบริษัท
# ทางด้านหนังสือพิมพ์นิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า แอร์เอเชียกำลังเตรียมระดมทุนจำนวน 2 พันล้านริงกิต (469 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่บริษัทตรวจสอบบัญชีแสดงความกังวลต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
# ผลกระทบ: จะเป็นจิตวิทยาทางลบกับบริษัทลูก AAV ที่เป็น บจ.ในไทยในระยะนี้ เพราะมีความไม่แน่นอนว่าบริษัทแม่จะมีกลยุทธ์อย่างไรในการคงสถานะให้อยู่รอดได้ ซึ่งก็ยากจะคาดการณ์ แต่ก็ถือว่าบริษัทลูกมีความเสี่ยงมากขึ้น ส่วนปัจจัยพื้นฐาน AAV ดีขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ สามารถบินในประเทศไทยได้ แต่ยังไม่เต็มที่ เพราะยังไม่เปิดเสรีชาวต่างชาติให้เข้าไทยได้อิสระ หรือแม้กระทั่ง Travel Bubble ก็ยังไม่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารได้คาดว่ากว่าจะกำไรอาจต้องรอไปปี 2564 ดังนั้นการเข้าสะสมอาจต้องรอจังหวะ ส่วนการเก็งกำไรคือ ติดตามข่าว Travel Bubble หรือข่าวบวกทั่วไปเช่น วัคซีนหรือยารักษา
- • เกี่ยวกับการแบนไก่ที่เลี้ยงโดยอาหารที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอังกฤษ
# หลังจากมีข่าวเรื่อง อังกฤษต่อต้านกะทิที่นำเข้าจากไทย เพราะใช้แรงงานลิงอย่างทารุณในการเก็บมะพร้าว ล่าสุดมีข่าวว่าจะแบนไก่นำเข้าจากไทยด้วย เพราะการเลี้ยงไก่ใช้อาหารสัตว์ที่มีส่วนประกอบมาจากพืชที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
# ทาง TFG กล่าวว่าเรื่องนี้มีต้นทางมาจาก Tesco อังกฤษ ที่นำเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น เพราะมีการเลี้ยงไก่ด้วยกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาจากป่าอะเมซอน ซึ่งเป็นไร่ถั่วเหลืองที่รุกป่าและทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ทาง TFG ไม่ได้นำเข้ากากถั่วที่เพาะปลูกจากพื้นที่ป่าอะเมซอนที่มีปัญหาฯ และเราคาดว่าผู้ประกอบการรายใหญ่อื่น เช่น CPF, GFPT ก็ไม่ได้นำเข้าจากแหล่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงคาดว่าจะไม่ถูกกระทบในเรื่องนี้
# ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ทั้ง CPF ราคาพื้นฐาน 41.00 บาท และ GFPT ราคาพื้นฐาน 14.40 บาท ส่วน TFG ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ (Not Rated) ทั้งนี้ CPF ยืนยันว่ามีการซื้อข้าวโพดจากในประเทศ ส่วนถั่วเหลืองเป็นการนำเข้า และเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้ ปัจจุบันส่งออกไปอังกฤษน้อยเพียงราว 6% ส่วนใหญ่ 70% ส่งออกไปเอเซีย ที่มากๆคือ ญี่ปุ่น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web