- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 June 2020 17:06
- Hits: 974
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 30-6-2020
“ตัวเลขสหรัฐดี-น้ำมันบวกแรง-คลายระยะ5&ต่างประเทศ”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับลง แต่มีรีบาวด์ช่วงบ่าย ปิด -0.58 จุด ที่ 1329.76 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 49 พันลบ.ตลาดไทยแกว่งลงแต่น้อยกว่าเพื่อนบ้านดัชนีฯไปทำยอดต่ำสุด 1312.59 จุด จากปัจจัยต่างประเทศคือ มีผู้ติดเชื้อมาก จนสหรัฐต้องกลับมาล็อกดาวน์ กังวลสงครามการค้าแต่คาดว่าจะมีเม็ดเงิน SSFX เข้ามาลงทุนก่อนเส้นตาย และมีความชัดเจนผ่อนคลายระยะ 5 ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 215.5 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาสรีบาวด์ ดัชนีขายบ้านพุ่ง บางรัฐไม่ล็อกดาวน์ น้ำมันฟื้น ไทยคลายระยะ 5-ต่างประเทศ ปัจจัยบวกมีมากคือ ดัชนีขายบ้านพุ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 44 ดัชนีการผลิตรัฐเท็กซัสสดใส หุ้นโบอิ้งช่วยหนุน ทดสอบ 737 Max ดาวโจนส์ +580 จุด น้ำมันฟื้นแรง 3% ดัชนีกังวลดลง เช้านี้ตลาดเพื่อนบ้านบวกถ้วนหน้า ไทย-ศบค.คลายระยะ 5 และผ่อนผันต่างประเทศ ด้านปัจจัยลบ สศอ.เผยการผลิต MPI พ.ค.-23% แต่คาด มิ.ย.63 ดีขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ ผลประกอบการแบงก์ และสถานการณ์โควิด-19
กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1300-1350 วันนี้ปัจจัยต่างประเทศกลับมาสดใส ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาวเนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน- BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ-CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,HREIT ติดตามหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวดี แนวรับคือ 1300-1280 จุด และ แนวต้าน 1340-1350 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1325 จุด ปัจจัยที่น่าติดตามปิดงวด30 มิ.ย.63 วันนี้แล้ว ทำให้มีเม็ดเงินการซื้อกองทุนประหยัดภาษี SSFX เข้ามาให้ทันได้รายละ 2 แสนบาท คาดว่าจะมีเม็ดเงินราว 1 หมื่นล้านบาท และอาจจะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดรอบครึ่งปี 2563 หุ้นกลุ่มเดินทาง-โรงแรม สนามบิน อาจมีการเก็งกำไรหลัง ศบค.มีเกณฑ์คลายต่างชาติ แต่คาดว่ากว่าจะกลับมาปกติยังอีกนาน วันนี้ปรับราคาพื้นฐาน TASCO เป็น 28.00 บาท แนะนำ ซื้อ และ SIRI ขายหุ้นกู้ไม่มีวันหมดอายุ (Perpetual Bond) ได้หมด 3 พันล้านบาท อาจมีการเก็งกำไร แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่ดี และจะมีต้นทุนดอกเบี้ยสูงมาก
# Stock Pick Today : SEAFCO มีโอกาสได้งานมาก จากสายสัมพันธ์ที่ดีกับ CK ในการเป็นผู้รับเหมาช่วง คาดจะได้งานขนาดใหญ่ตาม CKเช่น ไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) และสีม่วงใต้ คาดว่าจะรอดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 ได้ ตามลักษณะงานและบริหารงานอนุรักษ์นิยมมาก ฐานะการเงินแข็งแกร่งใช้เงินกู้น้อยมีงานก่อสร้างในมือสูง จ่ายปันผลเกณฑ์ดี ทุกไตรมาส ยิลด์ 4.7% ราคาพื้นฐานเป็น 6.61 บาท (P/E 12 เท่า)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเอียงไปทางลบ คาดแกว่ง...ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators น้ำหนักหลักยังเอียงมาทาง“ลบ” {“ปิดลบ”เล็กน้อยใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(แรงหนุน“แนวรับ”เดิมที่“1300+/-”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1340 (หรือ 1350) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า1325” (แนวรับย่อย “1300 – 1280 / 1250”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : TASCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 28.00)
Flash Note : อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Thailand Tourism)
Stock in Focus : BCH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
BDMS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายพุ่งขึ้น 44.3% สูงสุดตั้งแต่ปี 44
# ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 44.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ NAR เริ่มทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค.2544และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 15%
+ สหรัฐ: ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสพุ่งขึ้นสู่ระดับ 13.6 ในเดือนมิ.ย. จากพ.ค.ที่ติดลบ
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสพุ่งขึ้นสู่ระดับ 13.6 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ -28.0 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. หลังจากทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด
+ สหรัฐ: หุ้นโบอิ้งทะยานตอบรับข่าวเริ่มดำเนินการทดสอบการบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max
# หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็น 1 ในหุ้นของบริษัท 30 แห่งที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ในการคำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดทะยานขึ้น 14.4%ขานรับข่าวที่ว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้เริ่มดำเนินการทดสอบการบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737Max เมื่อวานนี้ ก่อนที่เครื่องบินรุ่นดังกล่าวจะกลับมาให้บริการในปลายปีนี้ โดยนักลงทุนมองว่าการทดสอบการบินดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญ หลังจากที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ถูกสั่งห้ามบินเป็นเวลากว่า 15 เดือน หลังเกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งในเวลาห่างกันเพียง 5 เดือน จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 346 ราย
+ สหรัฐ: รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง เพื่อไม่ให้กระทบเศรษฐกิจ
# ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง เนื่องจากจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า แม้ว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยข้อมูลจาก Worldometer ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,637,180 ราย และมีผู้เสียชีวิต128,438 ราย
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 580.25 จุด รับหุ้นโบอิ้งดีดแรง, ข้อมูลศก.แข็งแกร่ง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่ทะยานขึ้นกว่า 14%และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง แม้ว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก $1.21 รับความหวังดีมานด์ฟื้นตัวหลังข้อมูลศก.แกร่ง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
- • ทองคำ: ปิดบวก 90 เซนต์ นลท.ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังยอดติดเชื้อโควิดพุ่ง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 10 ล้านราย อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาด เนื่องจากทำให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก Conference Board,ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค.,คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/+ สศอ. เผย MPI เดือนพ.ค.หดตัวร้อยละ 23.19 แต่คาดเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.ดีขึ้น
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2563 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.19 แต่ขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 2.86 ส่งสัญญาณดีขึ้นหลังจากผ่านคลายล็อกดาวน์ โดยอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) และยายังคงขยายตัวต่อเนื่อง คาดเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายนจะดีขึ้นหลังได้เงินหมุนเศรษฐกิจจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐและมีการคลายล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ
# ขณะที่ดัชนี MPI ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.63) หดตัว -11.82% โดย สศอ.คาดดัชนี MPI ทั้งปีจะหดตัวที่ -6 ถึง-7% ส่วน GDP ภาคอุตสาหกรรมปีนี้จะหดตัว -5.5 ถึง -6.5%
+/• ศบค.ชุดใหญ่เคาะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน-ผ่อนคลายเฟส 5
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ โดยยืนยันความจำเป็นที่จะต้องขยายเวลาการยังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน รวมทั้งผ่อนคลายมาตรการในระยะ 5
# ผลกระทบ: เป็นบวก และเป็นไปตามที่ตลาดฯคาด แต่ที่ยังไม่ชัดเจนคือ การเข้าออกประเทศของนักธุรกิจ ต้องติดตามรายละเอียด เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศกลับมาฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งภาคการท่องเที่ยวส่งออกและการลงทุน ก่อนหน้ายังต้องกักตัว 14 วัน หรือหากน้อยกว่านี้ต้องตรวจหาเชื้ออย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นนโยบายเชิงรุก
+ รมว.คลัง ไม่ห่วง NPL เชื่อสถาบันการเงินรับไหวแม้เร่งออกมาตรการช่วยลูกหนี้ฝ่าโควิด
# เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ยืนยันว่าสถานะของธนาคารพาณิชย์ยังมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์เองต่างยืนยันว่ายังไม่มีปัญหาเรื่องหนี้เสีย เพราะมีการดูแลฐานะการเงินอย่างใกล้ชิด มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) อยู่ในระดับที่สูง เพราะธนาคารพาณิชย์รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวเพื่อรับวิกฤติอย่างไร กระทรวงการคลังจึงไม่ห่วงเรื่องฐานะของธนาคารพาณิชย์ แต่ก็ไม่ได้วางใจถึงขนาดไม่ได้ดูแลกันเลย
# ผลกระทบ: คาดว่าธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะมีเงินกองทุนเพียงพอ และธนาคารที่อาจจะมีไม่พอก็จะสามารถหาแนวทางในการเพิ่มเงินกองทุนไว้รองรับล่วงหน้าได้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนได้แก่การทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวในช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัว หลักทรัพย์พื้นฐานดี แนะนำ ซื้อคือ KBANK,KKP,TISCO และ TMB
+ ซีอีโอใหม่ PTT ยืนยันขายธุรกิจถ่านหินในอินโดฯหากได้ราคาเหมาะสม
# ปตท.มีแผนจะขายธุรกิจถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซีย หากมีผู้สนใจเสนอซื้อในราคาที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบในหลักการเบื้องต้นที่จะบริหารงานให้มีต้นทุนที่ต่ำเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ได้วางเงื่อนไขเวลาจะต้องขายธุรกิจเมื่อใดขึ้นอยู่กับโอกาสและราคาซื้อขายธุรกิจที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบในหลักการเบื้องต้นที่จะบริหารงานให้มีต้นทุนที่ต่ำเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ได้วางเงื่อนไขเวลาจะต้องขายธุรกิจเมื่อใดขึ้นอยู่กับโอกาสและราคาซื้อขายธุรกิจที่เหมาะสม (Aspen)
# คงคำแนะนำ ซื้อ PTT ที่ราคาพื้นฐาน 45.00 บาท (SOP) คาดผลประกอบการ 2Q63F ดีขึ้น โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมี ข้อดีคือมีการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจพลังงานดี และจ่ายปันผลสม่ำเสมอราว 3%จะนำ OR เข้าตลาดฯ ทำให้มี Unlock Value ในอนาคต
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web