WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 30-6-2020บล.เออีซี2 420x280

      

AECS Daily Focus

Market Outlook

วันนี้คาด SET Index รีบาวด์ช่วงสั้น หลังได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศผ่านมาตรการล็อกดาวน์เฟส 5 ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจหากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,325-1,345 จุด

Market Factor

  • •   (+) ยอดขายบ้านรอการขายของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. ออกมาดีกว่าคาดมาก เพิ่มขึ้น 44.3% MoM สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวหลังมีการคลาย Lockdown
  • •   (+) สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 6% ในเดือน พ.ค. แตะที่ระดับ 5.8234 แสนล้านหยวน (8.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของการชัตดาวน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19
  • •   (+) ดัชนี PMI ภาคการผลิต และบริการของจีน เดือน มิ.ย. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ 50.9 และ 54.2 ตามลำดับ

(-) ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 160,468 ราย โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดที่สหรัฐฯ ติดเชื้อเพิ่ม 44,450 ราย และมีเคสรักษาไม่หายสะสมสูงถึง 1.44 ล้านราย เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ฝั่งอินเดียรายงานติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่ม 1.8 หมื่นราย ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในสัปดาห์ก่อน เป็นปัจจัยกดดันตลาดจากความกังวลการระบาดระลอก 2 ทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจลดลงหากมีการชะลอหรือปิดเมืองอีกครั้ง ซึ่งได้เห็นแล้วในบางเมืองของสหรัฐฯ

(Watch) ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ : การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง จากจีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความ   ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนตามมา, เวลา 21.00 น. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ของสหรัฐฯ

(+) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ลงนามออกประกาศคลายล็อกน่านฟ้า เปิด 11 กลุ่มเดินทางเข้าไทย เริ่มมีผลบังคับใช้ 1 ก.ค.63 นี้ (thebangkokinsight)

(+) ที่ประชุมใหญ่ ศบค.ยืนยันจำเป็นต้องขยายเวลาการยังคับใช้ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน รวมทั้งให้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เฟส 5 ให้กับกลุ่มธุรกิจ หรือกิจกรรมเสี่ยงกลับมาดำเนินการได้ (อินโฟเควสท์)

(-) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมMPI เดือน พ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 80.31 หดตัว 23.19%YoY ถือเป็นอัตราการหดตัวต่ำสุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก สะท้อนผ่านภาพรวมอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 52.84% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้อัตรากำลังการผลิตเพียง 26.86% (แนวหน้า)

รายงาน สธ.ประจำวันที่ 29 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,169 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย

  • •   อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.82% (UnChg.DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.27% (UnChg.DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.63% (UnChg.DoD)
  • •   ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 65.3 บ. หรือลดลง 35.9%YTD
  • •   Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ 642.55 ลบ.ส่งผล MTD .ขายสุทธิที่ 21,543.06 ลบ. ขณะที่ นลท. สถาบันซื้อสุทธิ 1,852.18 ลบ.ส่งผล MTD. พลิกเป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ 3,064.52 ลบ.

Investment Strategy

สัปดาห์นี้ คาด SET Index มีโอกาสแกว่งพักตัว โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงมาตรการด้านการคลังเพื่อฟื้น หรือเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ 2) การปลดล็อกดาวน์เฟส5 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงมากกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 4 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ หลังรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว 2) ประเด็นการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจโลกของ IMF มีแนวโน้มหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวได้ช้า และ 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 65.34 บ.ลดลง 35.92%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 18.6X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 17.0X) 4) การปรับมุมมองเศรษฐกิจของ ธปท.ลง โดยปรับลดประมาณการ GDP ปี 63 เป็น -8.1% (จากเดิมคาด -5.3%) นอกจากนี้ยังต้องติดตามประเด็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ของฝั่งสหรัฐฯ ต่อประเทศยูโรโซน มูลค่ากว่า 3.1 พันล้านเหรียญฯ รวมถึงรายตัวเลขเศรษฐกิจภาคการผลิตของทั้งสหรัฐฯ จีน ยูโรโซน รวมถึงไทย ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,300-1,350 จุด ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ้งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร , TACC กำไร 1Q63 ที่ 42.64 ลบ. โต 18.9%YoY หนุนด้วยยอดขายกลุ่มสินค้า High margin เพิ่มขึ้น โดยแม้ช่วง 2Q63 ได้รับผลกระทบจากมาตรการเคอร์ฟิว แต่เริ่มให้สัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนช่วง 2H63 หลังภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ นำไปสู่การยกเลิกเคอร์ฟิวและการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่อง บวกกับบริษัทเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะตลาด Healthy drink รักษาระดับอัตรากำไรที่สูงตามแผน (ปจบ.PER เทรดอยู่ระดับ 16.6X ต่ำกว่าทั้งระดับกลุ่มอุตสาหกรรมและตลาดที่53.8X และ 21.7X ตามลำดับ, พร้อมให้ Dividend Yield ราว 5.11%)

กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ     ปี 63 โตต่อ แนะนำ TPAC ผู้ผลิตบรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค บริโภค ชั้นนำของไทย รายงานกำไรสุทธิช่วง1Q63 90.6 ลบ.เพิ่มขึ้น 92%QoQ และ 45%YoY เป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท หลักๆมาจากอัตรากำไรที่ดีขึ้น GPMเพิ่มขึ้น 650bp YoY และ 460bp QoQ ได้รับอานิสงส์จากราคาวัตถุดิบ(เม็ดพลาสติก) ที่ลดลง และการรวมงบกิจการที่UAE ซึ่งมีGPMสูงกว่า และ NPM เพิ่มขึ้น 240bp YoY และ 370bp QoQ จากประสิทธิภาพการผลิตรวมถึงการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น โดยแนวโน้มวัตถุดิบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการช่วง 2Q63 , SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวม ปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)

  • •  
  • •   Trading Idea
  • •   กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: งานประมูลใหม่ๆ เริ่มเดินหน้า ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีส้มหลัง รฟม. เห็นชอบประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม วันที่ 39 ก.ค.นี้ ยื่นข้อเสนอภายใน ก.ย. 63 โดยคาดว่าจะลงนามได้ ธ.ค. 63 เป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำเก็งกำไร CK เนื่องจากเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน อีกทั้ง BEM ที่เป็นบริษัทลูกกำลังฟื้นตัวจากการคลาย Lockdown ในประเทศ

29-Jun-20   Change (pts.)   26-Jun-20

SET Index   1,329.76   -0.58   1,330.34

SET50 Index   878.64   0.03   878.61

SET100 Index    1,944.37   0.47   1,943.90

High   1,329.94   Gainers   450

Low         1,312.59       Unchanged   388

Value (Bt m)   48,903.24   Losers   885

Volume (*000)   14,703,991        

Market Valuation

SET Data   2019F   2020F   Long Term

Fwd PER (x)   20.3   16.0   16.0

EPS Growth (%)   13.9   9.3   -20.8

EV/EBITDA (x)   12.8   11.1   10.1

FWD PBV (x)   1.5   1.4   1.4

Dividend Yield (%)   2.8   3.1   3.4

ROE   6.7   8.1   8.6

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt  29-Jun-20   WTD   MTD   YTD

Institution   1,852.18   1,852.18   3,064.53   70,650.62

Proprietary   1,069.57   1,069.57   3,069.57   540.06

Foreign     (642.55)   (642.55)   (21,543.04)   (215,472.15)

Individual   (2,279.20)   (2,279.20)  15,408.94   144,281.47

AECS ( Fundamental and Strategic Team )

ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)   [email protected]

ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

ชัยรัตน์ คงสุนทร

สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!