- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 June 2020 12:27
- Hits: 4620
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-6-2020
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index เสี่ยงปรับฐาน หลังสถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐฯ น่าเป็นห่วง ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่เร่งตัวนำไปสู่การชะลอแผนการผ่อนล็อกดาวน์ออกไป ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการต่อขยายบังคับ พรก.และมาตรการคลายล็อกเฟส 5 ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,315-1,340 จุด
Market Factor
- • (+) ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบธนาคาร 1 แสนล้านหยวน (1.417 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านข้อตกลง Reverse repos ประเภทอายุ 7 วัน ที่อัตราดอกเบี้ย 2.2% เป้าหมายเพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
- • (-) ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 163,084 ราย สหรัฐฯ ติดเชื้อเพิ่ม 40,502 ราย โดยเพิ่มสูงขึ้นในรัฐแคลิฟอเนีย เท็กซัส ฟลอริดา และล่าสุดอริโซนาเริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ขณะที่ยังมีเคสรักษาไม่หายสะสมสูงถึง 1.41 ล้านราย ฝั่งอินเดียรายงานติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่ม 1.9 หมื่นราย สูงสุดตั้งแต่เริ่มระบาด เป็นปัจจัยกดดันตลาดจากความกังวลการระบาดระลอก 2 ทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจลดลงหากมีการชะลอหรือปิดเมืองอีกครั้ง
(-) นายเจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า หน่วยงานสาธารณสุขรัฐวอชิงตันได้ระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 4 เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- • (Watch) ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้: รายงานยอดขายที่อยู่อาศัยที่อยู่การปิดการขาย (Pending Home Sales Report) จากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สหรัฐอเมริกา (The National Association of Realtors (NAR))ดประจำเดือน พ.ค. เวลา 21.00 น. ตลาดคาดการณ์ เพิ่มขึ้น 19.7% MoM
- • (-) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI เผยผลศึกษาการว่างงานในไทยเทียบ YoY พบอัตราการว่างงานสูงกว่าปีก่อนประมาณ 8-12 เท่าของการว่างงานตามปกติ และโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจไทยตกตํ่าและอัตราการการว่างงานสูงที่สุดในรอบ 20 ปี คาดผู้ว่างงานโดยเฉลี่ยในปี63 ประมาณ 4.6 ล้านคนหรือคิดเป็น 12% ของกำลังแรงงานทั้งหมด (ฐานเศรษฐกิจ)
- • (watch) ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เตรียมพิจารณาเคาะต่อ "พรก.ฉุกเฉิน" อีก 1 เดือน และอนุมัติมาตรการผ่อนล็อกดาวน์เฟส 5 ให้กับกลุ่มกิจการ หรือประเภทกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น ผับ บาร์ สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อได้ หลังควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีต่อเนื่อง (ฐานเศรษฐกิจ)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 28 มิ.ย.ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,161 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.82% (-4.2%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.27% (-2.3%DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.63% (-6.9%DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 65.3 บ. หรือลดลง 35.9%YTD
- • Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 2,550.92 ลบ.ส่งผล MTD .ขายสุทธิที่ 20,900.51 ลบ. ขณะที่ นลท. สถาบันซื้อสุทธิ 2,132.25 ลบ.ส่งผล MTD. พลิกเป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ 1,212.34 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ คาด SET Index มีโอกาสแกว่งพักตัว โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงมาตรการด้านการคลังเพื่อฟื้น หรือเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ 2) การปลดล็อกดาวน์เฟส5 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงมากกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 4 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ หลังรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว 2) ประเด็นการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจโลกของ IMF มีแนวโน้มหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวได้ช้า และ 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 65.34 บ.ลดลง 35.92%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 18.6X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 17.0X) 4) การปรับมุมมองเศรษฐกิจของ ธปท.ลง โดยปรับลดประมาณการ GDP ปี 63 เป็น -8.1% (จากเดิมคาด -5.3%) นอกจากนี้ยังต้องติดตามประเด็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ของฝั่งสหรัฐฯ ต่อประเทศยูโรโซน มูลค่ากว่า 3.1 พันล้านเหรียญฯ รวมถึงรายตัวเลขเศรษฐกิจภาคการผลิตของทั้งสหรัฐฯ จีน ยูโรโซน รวมถึงไทย ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,300-1,350 จุด ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ้งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการ บ.มีศักยภาพสูง เดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68 เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวม ปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
- • Trading Idea
- • กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: งานประมูลใหม่ๆ เริ่มเดินหน้า ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีส้มหลัง รฟม. เห็นชอบประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม วันที่ 3 – 9 ก.ค.นี้ ยื่นข้อเสนอภายใน ก.ย. 63 โดยคาดว่าจะลงนามได้ ธ.ค. 63 เป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำเก็งกำไร CK เนื่องจากเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน อีกทั้ง BEM ที่เป็นบริษัทลูกกำลังฟื้นตัวจากการคลาย Lockdown ในประเทศ
26-Jun-20 Change (pts.) 25-Jun-20
SET Index 1,330.34 4.46 1,325.88
SET50 Index 878.61 3.65 874.96
SET100 Index 1,943.90 6.37 1,937.53
High 1,344.04 Gainers 539
Low 1,328.49 Unchanged 412
Value (Bt m) 47,193.61 Losers 723
Volume (*000) 12,821,768
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 20.4 16.0 16.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -20.7
EV/EBITDA (x) 12.8 11.1 10.1
FWD PBV (x) 1.5 1.4 1.4
Dividend Yield (%) 2.8 3.1 3.4
ROE 6.7 8.1 8.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 26-Jun-20 WTD MTD YTD
Institution 2,132.25 (1,279.49) 1,212.35 68,798.44
Proprietary (209.58) (2,380.33) 1,999.99 (529.52)
Foreign (2,550.92) (10,759.49) (20,900.48) (214,829.59)
Individual 628.25 14,419.32 17,688.14 146,560.67
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web