- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 June 2020 19:29
- Hits: 3486
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 26-6-2020
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,315-1,335 จุด โดยแม้ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า บวกกับปัจจัยในประเทศเดินหน้าผ่อนมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่เร่งตัวในสหรัฐฯ ยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่จะกดดันภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปได้ช้าลง
Market Factor
- • (+) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 4% ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.5% สะท้อนการฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ เริ่มเปิดเมือง
- • (-) ตัวเลขผู้ติดเชื้อCOVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 169,336 ราย สหรัฐฯ ติดเชื้อเพิ่ม 36,501 ราย โดยเพิ่มสูงขึ้นในรัฐแคลิฟอเนีย เท็กซัส ฟลอริดา และล่าสุดอริโซนาเริ่มเพิ่มขึ้นในอตราเร่ง ขณะที่ยังมีเคสรักษาไม่หายสะสมสูงถึง 1.32 ล้านราย ฝั่งอินเดียรายงานติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่ม 1.8 หมื่นราย สูงสุดตั้งแต่เริ่มระบาด เป็นปัจจัยกดดันตลาดจากความกังวลการระบาดระลอก 2 ทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจลดลง
- • (-) เท็กซัสประกาศระงับการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังสถานพยาบาลฮุสตันมีผู้ป่วยเต็มจำนวนที่รองรับได้แล้ว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ APPLE ประกาศปิด 14 สาขาในฟลอริดา สะท้อนความกังวลต่อเศรษฐกิจหากต้องกลั Lockdown อีกครั้ง
- • (-) ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐยังฟื้นตัวช้า จากรายงานวานนี้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯรายสัปดาห์ 1.48 ล้านคน สูงกว่าตลาดคาด ขณะที่ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 47 ล้านคน
- • (Watch) FED ประกาศห้ามธนาคารสหรัฐฯ งดจ่ายปันผลระหว่างกาล และงดการซื้อหุ้นคืน อย่างน้อยถึง 3Q20 นี้ แม้ผลการทำ Stress tests ของกลุ่มธนาคารยังออกมาดี แต่ FED ต้องการให้ธนาคารต่างๆ รักษาสภาพคล่องเพื่อรองรับกรณีผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ออกมารุนแรงกว่าคาด
- • (watch) ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้: เวลา 14.00 น. ติดตามมุมมองจากประธาน ECB ต่อทิศทาง และนโยบายต่อไปหลังสถานการณ์ COVID-19 ในยุโรปเริ่มดีขึ้น
- • (+) รมว.พลังงาน เผยเตรียมแผนงานด้านพลังงาน เพื่อลดค่าครองชีพและสร้างรายได้แก่ปชช.หลังโควิด-19 คลี่คลาย มีสาระสำคัญที่จะดำเนินการ 3 เรื่อง ในช่วงปี 63-65 ได้แก่ 1. ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ลบ. 2.เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงาน ในปี 63-65 กว่า 1.1 ล้านล้านบาท 3. กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ลบ. สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน (โพสต์ทูเดย์)
- • (+) ตลท.ขยายเวลาใช้เกณฑ์ชอร์ตเซลล์ชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 มิ.ย.63 เป็นสิ้นสุดไม่เกิน 30 ก.ย.63
- • (-) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยตัวเลขธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนพ.ค.63 พบธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 4,195 ราย ลดลง 29%YoY ขณะที่ตัวเลข 5M63 มีจำนวน 27,606 ราย ลดลง 15%YoY เป็นผลมาจากธุรกิจชะลอการลงทุนเพื่อดูผลจากมาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการ (ประชาชาติธุรกิจ)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 25 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,158 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.86% (-4.9%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.30% (Unchg.DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.68% (Unchg.DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 65.4 บ. หรือลดลง 35.8%YTD
- • Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 740.08 ลบ.ส่งผล MTD .ขายสุทธิที่ 18,349.59 ลบ. ขณะที่ นลท. สถาบันขายสุทธิ 252.23 ลบ.ส่งผล MTD. เป็นขายสุทธิอยู่ที่ 919.91 ลบ.
Investment Strategy
ช่วงที่เหลือสัปดาห์นี้ เรามีมุมมองลบต่อ SET มีโอกาสปรับลงทดสอบแนวรับ1,300 จุด โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก 2) การปลดล็อกดาวน์เฟสที่ 4 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 4 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ และจีนหลังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้น 2) ประเด็นการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจโลกของ IMF มีแนวโน้มหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวได้ช้า และ 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 65.92 บ.ลดลง 35.35%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.1X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 17.0X) 4) ที่ประชุม กนง.ครั้งที่ 4/63 มีมติคงอัตรา ดบ.ไว้ที่ 0.5% แต่ปรับลดประมาณการ GDP ปี 63 เป็น -8.1%(จากเดิมคาด -5.3%) นอกจากนี้ยังต้องติดตามประเด็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ของฝั่งสหรัฐฯต่อประเทศยูโรโซน มูลค่ากว่า 3.1 พันล้านเหรียญฯ ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,300-1,350 จุด ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ้งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการ บ.มีศักยภาพสูง เดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68 เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวม ปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
Trading Idea
- • หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงาน ตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
25-Jun-20 Change (pts.) 24-Jun-20
SET Index 1,325.88 -7.55 1,333.43
SET50 Index 874.96 -5.24 880.20
SET100 Index 1,937.53 -10.53 1,948.06
High 1,325.88 Gainers 414
Low 1,306.67 Unchanged 303
Value (Bt m) 60,823.68 Losers 1,006
Volume (*000) 18,136,693
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 20.3 15.9 15.9
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -20.6
EV/EBITDA (x) 12.8 11.1 10.1
FWD PBV (x) 1.5 1.4 1.4
Dividend Yield (%) 2.8 3.1 3.4
ROE 6.7 8.1 8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 25-Jun-20 WTD MTD YTD
Institution (252.23) (3,411.75) (919.90) 66,666.18
Proprietary (779.24) (2,170.75) 2,209.57 (319.94)
Foreign (740.08) (8,208.57) (18,349.56) (212,278.67)
Individual 1,771.55 13,791.07 17,059.89 145,932.42
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web