WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-6-2020บล.เออีซี2 420x280
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index ลุ้นรีบาวด์ หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยูโรโซนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามผลประชุมกนง.ช่วงบ่ายวันนี้ ประเมินการเคลื่อนไหวดัชนีที่ 1,350-1,365 จุด 
Market Factor
•    (+) ดัชนี PMI ภาคการผลิต และบริการเดือน มิ.ย. ของยุโรป และสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังการเริ่มเปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลก
•    (+) ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ 6.76 แสนหน่วย ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 6.4 แสนหน่วย สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
•    (+) สตีเฟ่น มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นจากภาวะถดถอยได้ในช่วงปลายปีนี้ พร้อมเตรียมเสนอการอัดฉีดรอบใหม่ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ 
•    (-) ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 160,698 ราย สูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าโดยบราซิลพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดคือ 40,131 ราย ขณะที่สหรัฐฯ ติดเชื้อเพิ่ม 35,991 ราย สูงกว่าวันก่อนหน้า โดยเพิ่มสูงขึ้นในรัฐแคลิฟอเนีย เท็กซัส และฟลอริดา ขณะที่ยังมีเคสรักษาไม่หายสะสมสูงถึง 1.28 ล้านราย เป็นปัจจัยกดดันตลาดจากความกังวลการระบาดระลอก 2     ทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจลดลง
•    (-) เยอรมันสั่งล็อกดาวน์เมืองกือเทอร์สโล (ประชากรราว 3.6 แสนคน) จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. หลังพบคนงานกว่า 1.5 พันคนของโรงฆ่าสัตว์ และแปรรุปเนื้อติดเชื้อCOVID-19
•    (Watch) ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้: รายงาน IMF มีโอกาสปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกลดลงอีกครั้ง, ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐ เวลา 21.30 น. (คาดเพิ่มขึ้น 3 แสนบาร์เรล)
•     (-) EXIM BANK เตือนผู้ส่งออกบริหารความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศ จากผลกระทบ COVID-19 โดย EXIM BANK คาด   ปี 63 ภาคการส่งออกไทยจะหดตัว 5-8% พร้อมเผย ช่วง 5M63 พบลูกค้าประกันการส่งออก ยื่นเอกสารผู้ซื้อในตปท.ชำระเงินล่าช้าเป็นจำนวนเพิ่มขึ้น 195% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกค้างชำระกว่า 617.33 ลบ. ทำให้มีลูกค้ายื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 24 ราย มูลค่า 284.97 ลบ. เพิ่มขึ้น 226% จาก 12 ราย มูลค่า 87.50 ลบ.YoY 
•    (Watch) ติดตามผลประชุม กนง. บ่ายนี้  BB.Consensus คาดคงอัตราดบ.นโยบายอยู่ที่ 0.5% ต่อปี
•    (Watch) ติดตามรายงานดุลการค้า เดือน พ.ค.63 จากกระทรวงพาณิชย์วันนี้
•    รายงาน สธ.ประจำวันที่ 23 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,156 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
•    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.88% (UnChg.DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.33% (UnChg.DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10  ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.73% (2.8% DoD)
•    ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 65.3 บ. หรือลดลง 35.9%YTD
•    Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 772.97 ลบ.ส่งผล  MTD .ขายสุทธิที่ 14,020.14 ลบ. ขณะที่ นลท. สถาบันขายสุทธิ 618.05 ลบ.ส่งผล  MTD. พลิกเป็นขายสุทธิอยู่ที่ 1,821.87 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET ปรับตัวพักฐานในกรอบ 1,350-1,400 จุด  โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก  2) การปลดล็อกดาวน์เฟสที่ 4 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 3 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ และจีนหลังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้น 2) ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ประท้วงในสหรัฐฯ กรณีการเสียชีวิตของฟลอยด์ ที่ยืดเยื้อ และ 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่  65.92 บ.ลดลง 35.35%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.1X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 17.0X) นอกจากนี้มีประเด็นหลักที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุม กนง.ครั้งที่ 4/63 และรายงานดุลการค้าเดือน พ.ค.ช่วงกลางสัปดาห์นี้ รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งดัชนี PMI ของสหรัฐฯ และฝั่งยูโรโซน ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ้งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการ บ.มีศักยภาพสูง เดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้  มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68 เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ      ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวม ปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
•    
•    Trading Idea
•    หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว  บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงาน ตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
    23-Jun-20    Change (pts.)    22-Jun-20
SET Index    1,356.43    4.25    1,352.18
SET50 Index    897.32    3.40    893.92
SET100 Index    1,985.42    7.59    1,977.83
 
High    1,361.84    Gainers    602
Low         1,351.92        Unchanged    447
Value (Bt m)    49,101.67    Losers    637
Volume (*000)    14,403,483          
Market Valuation
SET Data    2019F    2020F    Long Term
Fwd PER (x)    20.8    16.3    16.3
EPS Growth (%)    13.9    9.3    -20.5
EV/EBITDA (x)    12.9    11.2    10.3
FWD PBV (x)    1.5    1.4    1.4
Dividend Yield (%)    2.7    3.0    3.4
ROE    6.7    8.1    8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    23-Jun-20    WTD    MTD    YTD
Institution    (618.05)    (4,313.71)    (1,821.86)    65,764.22
Proprietary    201.31    232.17    4,612.49    2,082.99
Foreign     (772.97)    (3,879.12)    (14,020.11)    (207,949.22)
Individual    1,189.71    7,960.65    11,229.48    140,102.01
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!