- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 June 2020 21:08
- Hits: 6129
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-6-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ย่อตัวลง โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มธนาคารหลัง ธปท. ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์ห้ามจ่ายปันผลระหว่างกาล และห้ามทำโครงการซื้อหุ้นคืน โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,352.18 (-18.64 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 3,106 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 3,696 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 1,361 สัญญา)
CPF (ราคาเป้าหมาย 40.2 บาท) คาดกำไร 2Q63 ยังแข็งแกร่งและเติบโตได้ดีเมื่อเทียบ YoY เนื่องจากปัจจุบันราคาหมูในเวียดนามสูงกว่าช่วง 2Q62 มากกว่า 60% อีกทั้งราคาไก่และหมูในไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากผ่อนคลาย Lockdown ซึ่งคาดว่าจะทำให้ภาคการบริโภคในประเทศค่อยๆฟื้นตัวในช่วงถัดไป
การแพร่ระบาด COVID-19 และสงครามการค้า กดดันการลงทุน : วานนี้จากถ้อยแถลงของ ธปท. ที่ห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายปันผลระหว่างกาล และออกโครงการซื้อหุ้นคืน ส่งผลให้มีแรงขายหนักในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตามคาด กดราคาหุ้นธนาคารลดลงเฉลี่ย -5.6%DoD และทำให้มูลค่าตลาดของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (Market cap) ลดลงไปกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท เราคาดว่าในระยะสั้นกลุ่มธนาคารยังฟื้นได้ช้า โดยปัจจัยที่กดดันเพิ่มเติมคือการ Preview ผลประกอบการ 2Q63 ซึ่งอาจเห็นนักวิเคราะห์ในตลาดปรับลดระมาณการลงอีกครั้ง ส่วนภาพการลงทุนทั่วโลก คาดตลาดยังคงวนเวียนกับประเด็นการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 2 ซึ่งล่าสุดทางฝั่งจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดระลอก 2 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เช่นเดียวกับอังกฤษ ที่รายงานผู้ติดเชื้อรายวัน ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1,000 รายเป็นครั้งแรกหลังจากมีการประกาศ Lockdown ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง โดยในรัฐฟลอริดา ผู้ติดเชื้อเร่งขึ้นมากกว่า 4 พันคนต่อวัน โดยท้ายที่สุดการแก้ปัญหาทุกอย่างเราเชื่อว่าจะอยู่ที่พัฒนาการเชิงบวกของวัคซีน ซึ่งคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะสำเร็จ ช้า-เร็วเพียงใด
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET ย่อสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,340 ต้าน 1,365 จุด แนะนำสะสมหุ้น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “CPF, CBG, COM7”
ปัจจัยในประเทศ :
24 มิ.ย. ประชุม กนง. (คาดคงดอกเบี้ย), ส่งออกไทย (พ.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : รอดัชนีกลับมายืนเหนือระดับ 1385 จุด ค่อยสะสมเพิ่มใหม่อีกครั้ง
ไม่มีหุ้น : รอเก็งกำไรที่บริเวณแนวรับ 1330-1340 จุด
ธปท.สั่งแบงก์ประเมินเงินกองทุน (ไทยรัฐ)
ความเห็น : เราคาดว่ามีโอกาสที่ ธปท.จะ สั่งงดจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนทั้งปี หากเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าคาด เนื่องจากธปท.ต้องการให้ธนาคารนำเงินไปช่วยเหลือลูกหนี้ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าเงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน Top pick คือ BBL TISCO และ Top Sell คือ KBANK
'BAM-JMT' ตีปีกครึ่งปีหลัง รับแบงก์เร่งขายเอ็นพีแอล (ข่าวหุ้น)ความเห็น : กลุ่มบริหารสินทรัพย์ไม่ได้ถูกกระทบจากมาตรการช่วยเหลือรอบ 2 ของ ธปท. เรามอง JMT จะเด่นสุดสำหรับผลประกอบการรอบที่จะถึงนี้ ยอดจัดเก็บเงินสดยังทรงตัวได้ 2QTD ขณะครึ่งปีหลังมีโอกาสทำ New high ต่อตามกิจกรรมเศรษฐกิจที่กลับมาเดินได้ และพอร์ตหนี้ที่เติบโต ขณะที่ธุรกิจประกันจะเริ่มพลิกมีกำไร ย่อตัวเป็นโอกาสซื้อ ราคาเหมาะสม 21.60 บาท
ธุรกิจโกยเงิน ค่ายรถหวนผลิตดันยอดฟื้น (ทันหุ้น)
ความเห็น : ธุรกิจระบบออโตแมชชีน ซึ่ง SAT ถือหุ้น 50% ใช้เงินลงทุนไม่มากนัก 30 ล้านบาท จึงยังไม่มีผล แนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะทรุดหนักจากผลด้านลบของการแพร่ระบาด Covid-19 จะทำให้กำไรทรุดหนัก 47% เหลือ 478 ล้านบาท แต่เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน จากปีหน้าคาดจะฟื้นตัว แม้กำไรจะไม่เด่น มีเงินสดในมือสูง และ ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี 16.6 บาท
Thailand Retail & Retail property
Scorecard 2H63 ฟื้นตัว แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ
ประเด็นการลงทุน
กลุ่มค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ คาดผลประกอบการ 2Q63 ต่ำสุดของปี แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวใน 3Q63 จากการคลายล็อกดาวน์ และมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น รวมทั้งการขายสินค้าออนไลน์ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง เราประเมินความน่าสนใจในการลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มค้าปลีกใน 2H63 โดยใช้ Scorecard ได้ผลสรุปว่าคะแนนใกล้เคียงกัน โดย CPALL ได้คะแนนมากที่สุด จากแนวโน้มฟื้นตัวของกำไรซึ่งยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น ส่วน HMPRO ได้คะแนนน้อยสุดโดยหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว
คาดผลประกอบการ 2Q63 ต่ำสุดของปี แต่จะฟื้นตัวใน 3Q63
คาดผลประกอบการ 2Q63 ต่ำสุดของปี เนื่องจากการล็อกดาวน์ และยกเลิกวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ แม้กำไรน่าจะยังไม่กลับสู่ระดับปกติใน 3Q63 จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและกำลังซื้อลดลง แต่เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจน เป็นผลจากการคลายล็อกดาวน์ การเปิดเทอม และ การเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 1 ก.ค. – 31 ต.ค. (กำลังใจ-เราไปเที่ยวกัน-เที่ยวปันสุข) งบประมาณ 2.24 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้น Work from home ทำให้มี New demand สำหรับสินค้าปรับปรุงตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ Home office และ เครื่องครัว
ธุรกิจออนไลน์เติบโตสูง และยังมีการขยายสาขา
การที่กลุ่มค้าปลีกต้องปิดสาขาส่วนหนึ่งชั่วคราว ทำให้การขายสินค้าออนไลน์เติบโตเร็วกว่าที่เคยคาด และกลายเป็นฐานรายได้ของกลุ่มค้าปลีกเพื่อสนับสนุนการเติบโตควบคู่ไปกับการขายผ่านทางสาขา แม้ปีนี้คาดว่าการเปิดสาขาใหม่จะชะลอไปบ้าง แต่การขยายสาขายังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตระยะยาวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการใช้โอกาสในช่วงล็อกดาวน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว
Scorecard 2H63 : CPALL ได้คะแนนมากสุด / HMPRO คะแนนน้อยสุด
จากการทำ Scorecard หุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่เราทำบทวิเคราะห์ เพื่อประเมินความน่าสนใจในการลงทุน โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 6 ข้อ ใน 2H63 เทียบกับ 1H63 (ตาราง 1) และให้คะแนนระดับ 1-7 โดย 1 หมายถึง แย่ลงมากที่สุดเมื่อเทียบ HoH, 4 หมายถึง ไม่เปลี่ยนแปลง HoH และ 7 หมายถึง ดีขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบ HoH
ได้ผลสรุปคะแนนใกล้เคียงกันที่ 27-30 คะแนน โดย CPALL ได้คะแนนสูงสุดที่ 30 คะแนน จากแนวโน้มการฟื้นตัวของ SSSG ซึ่งยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น อีกทั้งได้ประโยชน์จากการที่แม็คโครเติบโตดีจากการกลับมาเปิดธุรกิจของกลุ่ม HORECA ส่วน HMPRO ได้คะแนนน้อยที่สุดที่ 27 คะแนน โดยราคาหุ้นได้สะท้อนการฟื้นตัวของผลประกอบการแล้ว
ความเสี่ยง: การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ภัยแล้ง ค่าใช้จ่ายสูงกว่าคาด การเปิดสาขาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web