- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 June 2020 13:16
- Hits: 3671
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 22-6-2020
“ธปท.ให้ธนาคารงดปันผลระหว่างกาล-WHOเตือนโควิด”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ปรับลง มีแรงขายต่างชาติหนักจาก FTSE ลดน้ำหนัก ปิด-2.16 จุด ที่ 1370.82 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 63 พันลบ.ตลาดไทยปรับลงสวนเพื่อนบ้านซึ่งส่วนใหญ่บวกแคบๆ หลังมีข่าวจีนซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้นตามข้อตกลงการค้า ด้านปัจจัยลบคือ ข้อมูลการขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐมากและผู้ติดเชื้อทั่วโลกรอบสองเพิ่มจนน่ากังวล ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 204 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาสปรับลงแรง จากข่าวธปท.สั่งการแบงก์-ลดหย่อนให้ลูกหนี้ไฟแนนซ์-WHO เตือนโควิด-19 รอบใหม่ ปัจจัยลบ ต่างประเทศคือ Appleปิดสโตร์หลายแห่ง หนีการระบาดของโรค พาวเวลเตือนการฟื้นตัวเศรษฐกิจจะไม่รวดเร็ว ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1Q63 ลดลง 0.1% ต่ำสุดตั้งแต่ 2Q61 ดาวโจนส์ -208 จุดเข้าหาทองคำ ราคาปรับขึ้นสูง เช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สและหุ้นเพื่อนบ้านปรับลง ด้านปัจจัยบวกคือ เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว และญี่ปุ่นทยอยเปิดเมือง เศรษฐกิจดีขึ้น ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น และระยะนี้ค่าระวางเรือปรับขึ้นดี มีการเก็งกำไร PLS,TTA,PRM,RCL กลยุทธ์ระยะสั้น แม้ต่างประเทศไม่สดใส แต่ในประเทศคุมโรคได้ดี อาจมีแรงซื้อ SSSF และWindow Dressing ช่วยพยุง ก่อนหมด มิ.ย.63 เล่นสั้นเข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1350-1400 ความเสี่ยงคือ P/E ไทยสูงในภูมิภาคและการเกิด Second Wave/รออ่อน ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน- BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้น Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFsปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIFF,AIMIRT,HREIT ระวังการขายเมื่อมีข่าวดีจริงไปแล้ว หุ้นโรงแรม สนามบิน และสายการบิน ติดตามหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาเพิ่ม ด้านกลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบจากการประกาศ ธปท.ที่สั่งการไม่ควรจ่ายปันผลระหว่างกาลและซื้อหุ้นคืน เพื่อรักษาเงินกองทุนไว้ช่วงมีความไม่แน่นอนจากโควิด-19 คาดว่าจะกดดันให้ราคาหุ้นปรับลงในระยะนี้ เพราะจะตีความถึงภาวะหนี้เสียที่สูงมากในอนาคต และความไม่แน่นอนเรื่องการจ่ายปันผล จึงแนะนำ ชะลอการลงทุนไปก่อน ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ ธปท.มีมาตรการเยียวยาลดดอกเบี้ย 2-4% ในกลุ่มบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล เช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์ถึงธ.ค.63 คาดว่าจะได้รับผลกระทบทางลบกันหมดยกเว้น MTC ที่คิดดอกต่ำกว่าอยู่แล้ว แต่จะเป็นลบระยะสั้น คงคำแนะนำ ซื้อ AEONTS,MTC และถือSAWAD สัปดาห์นี้ติดตาม ประชุม กนง. ตัวเลขส่งออก และTravel Bubble แนวรับคือ 1340-1320 จุด และ แนวต้าน 1380-1400 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1360 จุด
# Stock Pick Today :
PTT เก็งกำไร ระยะนี้น้ำมันฟื้นตัวดี คาดผลประกอบการ 2Q63F ดีขึ้น โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมี ล่าสุดปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 63F-64F ขึ้น +10%/+8% ตามลำดับ สะท้อนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นจากเดิม และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของบริษัทย่อย และบริษัทร่วมข้อดีคือมีการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจพลังงานดี และจ่ายปันผลสม่ำเสมอราว 3% จะนำ OR เข้าตลาดฯ ราคาพื้นฐาน 45 บ. (SOP)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบเล็กๆ แต่แกว่งมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเป็นลบ(ยัง)เล็กๆ ที่ยังไม่ตัดประเด็นที่จะมีรีบาวด์ฯก่อนลงต่ำ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มี“แนวรับย่อยที่ 1360+/-”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1380 (หรือ 1390 – 1400 จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1360” (แนวรับย่อย “1340 / 1320 – 1300”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : กลุ่มธนาคารพาณิชย์และไฟแนนซ์
MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 58.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance แต่มี DW
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วง หลัง WHO เผยมีผู้ติดเชื้อโควิดวันเดียวสูงกว่า 183,000 ราย
# WHO เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ณ วันที่ 21 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มอีก 183,020 ราย ทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 8,708,008 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4,743 รายซึ่งทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 461,715 ราย ศุกร์ที่ผ่านมา WHO แถลงว่า"โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดระยะใหม่ที่อันตราย เนื่องจากไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดยังคงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต และประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงมีความเสี่ยง"
-บริษัทแอปเปิลประกาศแผนปิดทำการแอปเปิล สโตร์หลายแห่งเป็นการชั่วคราว
# ตลาดปรับตัวลง หลังมีรายงานว่าบริษัทแอปเปิลประกาศแผนปิดทำการแอปเปิล สโตร์หลายแห่งเป็นการชั่วคราวในรัฐฟลอริดา, แอริโซนา, เซาท์แคโรไลนา และนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
-โควิด-19: จำนวนผู้ติดเชื้อสูงมาก WHO เตือนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เข้าสู่เฟสใหม่ที่อันตราย
# นักวิเคราะห์กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในบางรัฐ ทำให้ตลาดวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐหลังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดดังกล่าว มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ ช่วงบ่ายวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 2.2 ล้านรายแล้ว และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 119,000 ราย
# ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เข้าสู่เฟสใหม่ที่อันตราย
-สหรัฐ: พาวเวลเตือนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะไม่รวดเร็ว
# ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนในการประชุมทางไกลในวันศุกร์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจากผลกระทบของโควิด-19 นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย และไม่มีสูตรลัดในการแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
- สหรัฐ: ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐ ลดลง 0.1% ใน 1Q63 ต่ำสุดตั้งแต่ 2Q61
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐ ลดลง 0.1% สู่ระดับ 1.042 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2561 จากระดับ 1.043 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส4 ของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ระดับ 1.03 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
+ จีน: เศรษฐกิจของจีนยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ค.
# ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของสหรัฐมองว่า เศรษฐกิจของจีนยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ค. เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค การผลิต และการลงทุนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับจีนสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แล้วโดยรวม
+ ญี่ปุ่น: เริ่มเปิดดำเนินการด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง มีโอกาสจะหลุดพ้นจากภาวะที่ย่ำแย่ลง
# รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในรายงานเศรษฐกิจประจำเดือนมิ.ย.ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเกือบจะหลุดพ้นจากภาวะที่ย่ำแย่ลงแล้ว เนื่องจากญี่ปุ่นเริ่มเปิดดำเนินการด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง ภายหลังจากรัฐบาลยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศที่กำหนดขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะเกิดการแพร่ระบาดรอบสองก็ตาม
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 208.64 จุด ข่าว"แอปเปิล"ปิดสโตร์ในสหรัฐทุบตลาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในหลายรัฐ และบริษัทแอปเปิล อิงค์ ประกาศปิดสโตร์ในสหรัฐนอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น
+ น้ำมัน: WTI ปิดพุ่ง 91 เซนต์ ขานรับแนวโน้มอุปทานลด-อุปสงค์เพิ่ม
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสเดินหน้าลดการผลิตน้ำมันลงอีก และสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ช่วยหนุนแนวโน้มอุปสงค์พลังงานนอกจากนี้ รายงานแท่นจุดเจาะน้ำมันที่ลดลงในสหรัฐได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $21.9 วิตกโควิดระบาดรอบสองหนุนแรงซื้อ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 ในสหรัฐและจีน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- ธนาคาร: ธปท. สั่งแบงก์งดปันผลระหว่างกาลปี 63-ซื้อหุ้นคืน พร้อมให้ทำแผนบริหารเงินกองทุนช่วง 1-3 ปี
# ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่าโควิด -19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป และยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ในระยะต่อไป จึงให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า และขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
# ผลกระทบ: คาดว่าจะกดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับลงในระยะนี้ เพราะจะตีความถึงภาวะหนี้เสียที่สูงมากในอนาคต และความไม่แน่นอนเรื่องการจ่ายปันผล จึงแนะนำ ชะลอการลงทุนไปก่อน และรอเลือกลงทุนเป็นรายตัวที่ปัจจัยพื้นฐานดี เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง (Buy on Weakness) Top Pick เป็น TISCO
-ไฟแนนซ์: ธปท.ออกมาตรการช่วยลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เฟส 2
# หลังการช่วยเหลือเฟส 1 ทยอยครบกำหนด ธปท. จึงได้หารือกับผู้ให้บริการทางการเงิน ที่จะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกในเฟส 2 เช่น ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ร้อยละ 2 - 4 ต่อปี สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยเหลือการผ่อนชำระขั้นต่ำ การเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาว การลดค่างวด การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น เป็นต้น
# ผลกระทบ: คาดว่าจะได้รับผลกระทบทางลบกันหมดยกเว้น MTC ที่คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าอยู่แล้ว แต่จะเป็นลบระยะสั้นกดดันภาพรวมของกลุ่มไฟแนนซ์ แต่ในความเป็นจริง ราคาหุ้นก็ได้ปรับตัวลงแรงรับข่าวไปส่วนหนึ่งแล้ว คงคำแนะนำ ซื้อAEONTS,MTC และถือ SAWAD Top Pick เป็น MTC
+ รมว.คลังพร้อมรับข้อเสนอออกช็อปช่วยชาติ และขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
# รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช็อปช่วยชาติและขยายวงเงินให้สามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเป็น 50,000 บาท เพื่อจูงใจให้ประชาชนออกมาจับจ่ายสินค้า หลังยอดรายได้ชะลอตัวลงว่า กระทรวงการคลัง พร้อมรับข้อเสนอของภาคเอกชนมาพิจารณา ซึ่งหากเห็นว่าสิ่งใดที่มีความจำเป็นและเหมาะสมก็จะดำเนินการ รวมไปถึงมาตรการด้านภาษีที่เกี่ยวข้องด้วย
+/- ติดตามการทยอยประกาศเหตุการณ์หรือตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ กนง.-ตัวเลขส่งออก-Travel Bubble
# ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป รวมทั้งตัวเลขส่งออกเดือนพ.ค. ของไทย การพิจารณาโครงการ Travel Bubbleว่าจะมีการนำเข้าครม.สัปดาห์นี้หรือไม่ และการผ่อนปรนกิจการ/กิจกรรมเฟสต่อไปในระยะที่ 5 รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งตอนนี้เข้าใกล้เส้นตาย หากคนไทยในประเทศไม่ติดเชื้อได้ 28 วัน ก็แสดงว่าปลอดเชื้อแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีที่ไทยควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงจนติดลำดับโลก
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web