WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-6-2020ASP

MARKET TALK

กลยุทธ์การลงทุน

ในเชิงของนิยาม ถือได้ว่าเศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่ Technical Recession ตั้งแต่เมื่อสิ้น 1Q63 แต่ก็ยังหวังว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่างๆ จะทำให้เราเคลื่อนออกจากจุดต่ำสุดใน 2H63 คาด SET Index ยังอยู่ภายใต้แนวต้านที่ 1380 จุด วันนี้แนะนำปรับพอร์ต โดยขาย EGCO ออกและย้ายเงินเข้าลงทุนใน SPVI ส่วนหุ้น Top Pick เลือก AMATA, CPF และ SPVI

แรงหนุนจาก สถาบันฯ - ต่างชาติ แผ่ว SET Index ไปต่อยากขึ้น

เห็นได้ชัดเจนว่าแรงหนุนจาก Fund Flow กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ ที่เคยขับเคลี่อน SET Index ในช่วงก่อนหน้านี้แผ่วลงอย่างชัดเจน ทำให้กลุ่มนักลงทุนรายบุคคลมีบทบาทมากขึ้น แต่น้ำหนักการลงทุนที่ถูกเบี่ยงไปที่หุ้น Market Cap. กลาง-เล็ก ซึ่งมีอิทธิพลต่อ SET Index จำกัด สำหรับปัจจัยที่ให้ความสำคัญวันนี้เป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งดูเหมือนว่าสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงปรากฎให้เห็นชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ โดยความสนใจอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังถดถอย อีกประเด็นหนึ่งเป็นเรื่อง มาตรการของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ ในรอบใหม่ ซึ่งมีแนวทางในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของกลุ่ม สินเชื่อบุคคล, จำนำทะเบียนรถ , เช่าซื้อ ทั้งนี้เกิดจากมุมมองของทางการที่เห็นภาพเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2563 ยังมีปัญหาที่รุนแรง ทั้งนี้ผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวน่าจะสร้างแรงกดดันต่อการทำกำไรของสถาบันการเงิน และน่าจะทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้มีแรงขายออกมาได้ พอร์ตการลงทุนวันนี้ให้ลดน้ำหนัก EGCO ลง 5% แล้วนำไปซื้อ AMATA หุ้น Top Pick เลือก AMATA และ CPF

GDP Growth (%qoq) ของประเทศต่างๆ

ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

ราคาน้ำมันยังมีความหวังเรื่องการประชุม OPEC กลางเดือนหน้า

ราคาน้ำมันดิบโลกปรับเพิ่มขึ้นราว 2%dod หรือปรับเพิ่มขึ้นราว 7.3%wtd และยืนเหนือ 40 เหรียญฯ โดยยังมีปัจจัยหนุนจากฝั่ง Supply คือ การร่วมมือการตัดลดการผลิตน้ำมันของประเทศผู้ผลิต OPEC ปัจจุบัน ทำข้อตกลงตัดลดการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึง ก.ค.2563 และ ส.ค.เป็นต้นไป ตัดลด 7.7 ล้านบาร์เรล ล่าสุด ผลประชุม JMMC (OPEC และ Non OPEC) มีมติคือ ทุกประเภทศปฎิบัติตามข้อตกลง และให้น้ำหนักการประชุม JMMC อีกครั้ง 15 ก.ค.63 จะมีการพิจารณาการขยายระยะเวลาปรับลดการผลิตลงต่อหรือไม่

ขณะที่ฝั่ง Demand มีปัจจัยหนุนจาก การ Reopen ประเทศ และธุรกิจทั่วโลก หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเพิ่มขึ้น

โดยรวมราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้น PTTEP (FV@B>100) และ PTT (FV@B>42) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงที่ผ่านมาเช่นกันจนใกล้เต็ม Fair value จากทั้งความคาดหวังผลประชุมและ Fund Flow ต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามา คำแนะนำลงทุนผู้ที่ต้องการลงทุนแนะนำให้เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว แต่หากมีหุ้นอยู่แล้วสามารถถือ Let Profit run ต่อ

รู้หรือยัง เราเข้าสู่ Technical Recession แล้วตั้งแต่สิ้น 1Q63

ผลกระทบของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในหลายประเทศเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย นิยาม คือ GDP ติดลบ %qoq ต่อเนื่องกัน 2 ไตรมาส หากพิจารณา GDP งวด 1Q63 ที่ผ่านมาของหลายประเทศติดลบ %qoq 2 ไตรมาส อาทิ ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมนี, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น และบางประเทศเริ่มเข้าข่าย Technical Recession (GDP ติดลบ %qoq 1 ไตรมาส) เช่น สหรัฐ, อังกฤษ, จีน, เกาหลีใต้ (ดังตาราง)

GDP Growth (%qoq) ของประเทศต่างๆ

ที่มา: Bloomberg

ในส่วนของไทยได้เข้าสู่ Technical Recession เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนจาก GDP ได้ติดลบ 2 ไตรมาส (ดังตาราง) ทั้งนี้เนื่องจากทางสภาพัฒน์ฯ ได้ย้อนกลับไปปรับปรุงข้อมูล(Revise) GDP งวด 4Q62 เป็นหดตัว-0.2%qoq   จากเดิมที่เคยรายงานไว้ในวันที่ 17 ก.พ. 2563 เป็น +0.2%qoq

ทั้งนี้หากพิจารณาภายหลังการปรับปรุง พบว่า บางภาคเศรษฐกิจของไทยสู่ภาวะ Technical Recession เช่น การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม, และการก่อสร้าง ส่วนภาคที่เข้าข่ายได้แก่ การขนส่ง, โรงแรม, การสื่อสาร, อสังหาริมทรัพย์, บริการสุขภาพ, การบันเทิง เป็นต้น (ดังตาราง)

GDP ด้านการผลิต (Production-side GDP)

ที่มา: สภาพัฒน์ฯ

มาตรการคลาย Lock + กระตุ้นเศรษฐกิจ ดีต่อตลาด

เศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่เข้าสู่ภาวะ Recession ดังกล่าว และการที่ไทยไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ หนุนให้รัฐมั่นใจผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (ยกเลิก Curfew, Reopen และ ล่าสุด

   1 ก.ค. รัฐบาลในการคลายล็อกในมาตรการ Social distancing เว้นระยะห่างเฉพาะในรถไฟฟ้า ดีต่อ BTSGIF หนึ่งในหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะได้ Sentiment จากคนเริ่มกลับมาใช้งานรถไฟฟ้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเป็นหุ้นผันผวนต่ำมีค่า Beta เพียง 0.64

   รัฐเตรียมพิจารณาผ่อนคลายธุรกิจประเภทสุดท้ายที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ อาทิ ร้านอาหารกลางคืน ฯลฯ

   รัฐจะมีแนวโน้มดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแผนส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เช่น เพิ่มโอกาสทางการตลาดให้ SME, พักชำระหนี้ และเสริมสภาพคล่องจากกองทุน SME เป็นต้น

โดยรวมน่าจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจปี 2563 ทำให้ไม่หดตตัวมากกว่าที่คาด ASP คาด GDP ปี 2563 หดตัว 5.7% และดีต่อตลาดหุ้น

สัปดาห์หน้า 24 มิ.ย. ติดตาม IMF ออกประมาณการณ์ GDP โลก และประชุม กนง. คาดคงดอกเบี้ยฯ

สัปดาหน้าในวันพุธที่ 24 มิ.ย. Highlight ที่ให้น้ำหนักมี 2 ประเด็นสำคัญ

   IMF จะแถลงประมาณการณ์เศรษฐกิจโลก(GDP Growth) ปี 2563-2564 โดยในรอบนี้ตลาดคาดว่ามีโอกาส IMF จะปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2563 ลงอีกจากรอบ เม.ย. ที่คาดหดตัว 3%yoy และจะพลิกกลับขยายตัว 5.8%เทียบกับ Worldbank ล่าสุด เดือน มิ.ย. มีการปรับลดเป็นหดตัว 5.2%

: ASPS เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดลงมาใกล้เคียงกับ Worldbank ส่วนหนึ่งคาดว่า ประมาณการณ์ IMF รอบที่แล้ว รอบเม.ย.ยังไม่ได้ประเมินปัจจัยลบต่างๆ เข้าไปหมด   (IMF จะออกรายงาน 4 ครั้ง/ปี คือ ม.ค., เม.ย. มิ.ย., ต.ค. VS. World bank จะออกรายงาน 2 ครั้ง/ปี คือ ม.ค., มิ.ย.)

คาดการณ์ GDP Growth ปี 2563 ของ IMF VS. Worldbank

ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

  

ประชุมธนาคารกลางไทย หรือ กนง. ASPS คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5%(ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์) เนื่องจาก 1.) Bond yield ไทย อายุ 1 ปี ล่าสุด แกว่งทรงตัวอยู่ที่ 0.5% ใกล้เคียงดอกเบี้ยนโยบาย บ่งชี้ได้ว่านักลงทุนในตลาดยังมีมุมมองอัตราดอกเบี้ยฯ จะยังทรงตัว 2.) ไทยไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ส่งผลให้รัฐมั่นใจผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หนุนให้เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว

หุ้นซิ่ง!!! ยามตลาด Sideway ชอบ SPVI, AMATA, CPF

ช่วงนี้แรงหนุนจาก Fund Flow กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ ที่เคยขับเคลี่อน SET Index แผ่วลงอย่างชัดเจน คือ นักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิหุ้นไทยน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเดือนนี้สถาบันซื้อสุทธิเพียง 1.4 พันล้านบาทเท่านั้น (mtd) จากที่เคยซื้อสุทธิเกิน 1 หมื่นล้านต่อเดือน ขณะเดียวกันต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิกว่า 6.1 พันล้านบาท จากซื้อสุทธิสะสมขึ้นไปกว่า 6.5 พันล้านบาทในช่วงแรกของเดือน มิ.ย. และเป็นการขายสุทธิทุกเดือนในปีนี้

มูลค่าซื้อขายสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติและสถาบันรายเดือน

   ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

ส่งผลให้น้ำหนักการลงทุนถูกเบี่ยงไปที่หุ้น Market Cap. กลาง-เล็ก มากขึ้น ช่วยหนุนผลตอบแทนของหุ้นขนาดเล็ก Outperform ตลาดได้ดีในช่วงนี้ คือ ดัชนี SSET และ MAI ให้ผลตอบแทนสูงถึง 6.5%(mtd) และ 5.0%(mtd) ตามลำดับ ขณะที่ตลาดหุ้นขนาดใหญ่ อย่าง SET50 ให้ผลตอบแทนเพียง 1.6%(mtd) เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงภาวะการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุน รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ SET Index น่าจะขึ้นได้จำกัด

เปรียบเทียบผลตอบแทนตั้งแต่ต้นเดือน ในดัชนีต่างๆ

ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

กลยุทธ์การลงทุน แบ่งออกเป็น 3 ธีม

หุ้นผันผวนต่ำปันผลสูง TTW, INTUCH, BTSGIF, AP, TVO

หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว CPALL, CPF

หุ้นขนาดเล็กเหมาะแก่การเก็งกำไรในช่วงนี้ SPVI,AMATA, DCC

Top pick วันนี้เลือก SPVI, AMATA และ CPF

SPVI (FV@B>3.06) : หุ้นเล็ก เพชรน้ำงาม

จากภาพการฟื้นตัวของกลุ่มค้าปลีก ที่ฝ่ายวิจัยเคยนำเสนอ จะนำโดยกลุ่มจำหน่ายสินค้าไอที + ปรับปรุงบ้านและวัสดุก่อสร้างเป็นหลัก ซึ่งหลายบริษัทที่แนะนำปรับตัวขึ้นไปแล้ว อาทิ COM7, DOHOME จนราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่าช่วงสิ้นปี 2562 แล้วทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 1 บริษัทขนาดเล็กที่ยังคง Laggard ซึ่ง YTD ยัง -19.1% โดยวานนี้ฝ่ายวิจัยจัดทำ Initial coverage หุ้นค้าปลีกไอที SPVI ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจในปัจจุบัน จาก 3 ปัจจัยเด่น คือ

  1. ฐานธุรกิจที่ทั้งมั่นคงและมีศักยภาพเติบโต จากการมีพันธมิตรแข็งแกร่ง คือ ADVANC ผู้มีความพร้อม 5G มากสุด และ Apple ที่ให้สิทธิ์ตัวแทนจำหน่าย ซึ่ง SPVI มีจุดเด่นมุ่งตลาด Niche Market กลุ่มการศึกษาจากการมี U-store (ร้านจำหน่ายสินค้า Apple ในมหาวิทยาลัย) 11 จาก 48 แห่ง หรือราว 25% สาขา
  2. ผลกระทบ COVID-19 จำกัด จากสาขาที่เปิดได้อยู่ราว 14 จาก 48 แห่งในช่วง Lockdown บวกกับ ยอดขายช่องทางออนไลน์ Chat&Shop ประเมินช่วยสร้างรายได้ทดแทนราว 35% นอกจากนี้ ยังชดเชยจากการลด SG&A ทั้งค่าพนักงานสาขา + ค่าเช่าจ่าย คาดช่วย 2Q63 กระทบจำกัดกว่าตลาดคาด
  3. ปัจจัยเร่งชัดเจนโดยเฉพาะการฟื้นตัวได้ทั้งระยะสั้นหลัง Lockdown พฤติกรรม Work from home (WFH) + Learn from home (LFH) หนุนยอดขายคอมพิวเตอร์และ iPad + อุปกรณ์เสริม หนุน SSSG ฟื้นตัวลบเล็กน้อย ขณะที่เชื่อว่ากลับมาบวกได้นับจาก 1 ก.ค. จากผลบวกเปิดเรียน ต่อสาขา U-store และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯในช่วงปลายปี จาก iPhone รุ่นใหม่ ที่คาดรองรับ 5G ดังนั้น คาดกำไรปี 2563 ลดลงเล็กน้อย yoy แต่ประเมินกลับมาเติบโตดีขึ้นในปี 2564-65 เฉลี่ย 22.2% ต่อปี จากทั้งการขยายสาขา U-store + AIS 3-5 แห่ง และฐานที่ต่ำ

ราคาหุ้นเชื่อว่ายัง Undervalue มากเกินไป จากการซื้อขายที่ PER’63 ต่ำเพียง 14.4 เท่า ขณะที่กลุ่มจำหน่ายมือถือ + ไอที (COM7 และ JMART) ที่ปัจจุบันซื้อขายเฉลี่ยสูง 29.8 เท่า และ Fair Value ยังมี Upside อีก 24.3%

RESEARCH DIVISION

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132

ภราดร เตียรณปราโมทย์

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365

ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636

วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506

ภวัต ภัทราพงศ์

ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!