WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-6-2020บล.เออีซี2 420x280

Daily Focus

AECS Daily Focus

Market Outlook

วันนี้คาด SET Index รีบาวด์ต่อ โดยหนุนด้วย Sentiment บวกจากทั้งในและ ตปท. หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีกว่าคาด รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นจากเฟดพร้อมใช้เครื่องทางการเงินบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศครม.อนุมติแพ็กเกจการกระตุ้นธุรกิจภาคท่องเที่ยวหลังปลดเคอร์ฟิว และคลายล็อกดาวน์เฟส 4 อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการระบาดระลอกสองของเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด ประเมินการเคลื่อนไหว 1,3601,385 จุด

Market Factor

  • •   (+) แม้สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) จะถอนการอนุญาตการใช้ยา Hydroxychloroquine ที่มีหลักฐานว่ายาดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลกับการรักษา COVID-19 แต่อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการแพทย์ของอังกฤษ นายคริส วิตตี รายงานผลการใช้ยา Dexamethasone สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย COVID-19 ได้ถึง 1 ใน 3
  • •   (+) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. เพิ่ม 17.7%MoM มากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 8.0%MoM และมากกว่า เดือน เม.ย. ที่หดตัวระดับ 14.7%MoM
  • •   (-) ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวล เตือนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนจากธุรกิจขนาดย่อมและผู้มีรายได้ต่ำ เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างไรก็ดี Fed จะใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว
  • •   (+) ครม.เห็นชอบหลักการให้ดำเนินมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว 3 แพ็กเกจ งบประมาณรวม 22,400 ลบ. ได้แก่ 1.แพ็กเกจกำลังใจ สนับสนุนค่าเดินทางของอสม.และเจ้าหน้าที่ รพ.สต.รวม 1.2 ล้านคน ไม่เกินคนละ 2,000 บ./คน 2.แพ็กเกจเที่ยว   ปันสุข สนับสนุนการเดินทางของประชาชนในอัตราร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 1,000 บาท จำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน และ         3.แพ็กเกจเราไปเที่ยวกัน สนับสนุนค่าโรงแรมที่พักลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) ในอัตราร้อยละ 40 ของค่าห้องพักแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน (กรุงเทพธุรกิจ)
  • •   (+) ครม.อนุมัติ 4 โครงการช่วยเหลือเยียวยาฯ ดังนี้ 1.โครงการเยียวยากลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการของรัฐอื่นๆ ได้รับเดือนละ 1,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.63) วงเงินรวม 3.49 พัน ลบ. 2.โครงการเยียวยาผู้ลงทะเบียน เราไม่ทิ้งกันไม่สำเร็จ หลังตรวจความซ้ำซ้อนแล้วไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ วงเงินช่วยเหลือ 906 ลบ.             3.โครงการเยียวยากลุ่มเปราะบาง ครอบคลุม เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ และคนพิการ จ่ายเงินให้คนละ 1,000 บ./เดือนเป็นเวลา 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.63) วงเงินรวม 2.03 หมื่น ลบ. และ 4.โครงการช่วยเหลือเกษตรกร ทยอยจ่ายเงินไปแล้ว 7 ล้านราย ทั้งนี้ตั้งเป้าเยียวยาไว้ 10 ล้านราย (อินโฟเควสท์)
  • •   (watch) กพท.เผยอาจขยายเวลาการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าไทยต่อ 1 เดือนจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.63 เป็นวันที่ 31 ก.ค.63 แต่อาจยกเว้นให้บางประเทศและผู้โดยสารบางกลุ่มเดินเข้าไทยได้ซึ่ง กพท.อยู่ระหว่างรอการผ่อนปรนเงื่อนไขจาก ศบค.คาดได้ข้อสรุปปลายสัปดาห์นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
  • •   รายงาน สธ.ประจำวันที่ 16 มิ.ย.ไม่พบติดเชื้อรายใหม่ ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,135 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
  • •   อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.89% (7.2% DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.33% (4.7%DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.75% (1.4% DoD)
  • •   ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 66.1 บ. หรือลดลง 35.1%YTD
  • •   Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิ 422.77 ลบ.ส่งผล MTD .ซื้อสุทธิที่ 218.76 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 2,626.53 ลบ.ส่งผล MTD.ขายสุทธิอยู่ที่ 55.73 ลบ.

Investment Strategy

สัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET ปรับตัวพักฐานในกรอบ 1,350-1,400 จุด โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก 2) การปลดล็อกดาวน์เฟสที่ 4 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 3 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ และจีนหลังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้น                     2) สถานการณ์ประท้วงในสหรัฐฯ กรณีการเสียชีวิตของฟลอยด์ ยังยืดเยื้อและขยายตัวเป็นวงกว้าง 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 66.17 บ.ลดลง 35.11%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.1X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.9X) นอกจากนี้ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนียอดขายปลีกเดือนพ.ค.รวมถึงการประชุมของธนาคารกลาง BOE และ ECB ถึงมาตรการการกระตุ้น และดูแลสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ้งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการ บ.มีศักยภาพสูง เดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน 68 เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร

กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ     ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)

  • •  
  • •   Trading Idea
  • •   หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงาน ตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย

16-Jun-20   Change (pts.)   15-Jun-20

SET Index   1,367.13   25.14   1,341.99

SET50 Index   909.52   19.54   889.98

SET100 Index   2,006.81   42.90   1,963.91

High   1,376.99   Gainers   951

Low         1,362.38       Unchanged   291

Value (Bt m)   68,455.64   Losers   453

Volume (*000)   20,478,666        

Market Valuation

SET Data   2019F   2020F   Long Term

Fwd PER (x)   20.7   16.3   16.3

EPS Growth (%)   13.9   9.3   -20.4

EV/EBITDA (x)   12.8   11.1   10.1

FWD PBV (x)   1.5   1.5   1.4

Dividend Yield (%)   2.7   3.0   3.3

ROE   6.7   8.1   8.6

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt   16-Jun-20   WTD   MTD   YTD

Institution   2,626.53   1,385.53   (55.73)   67,530.36

Proprietary   797.81   (757.28)   3,590.85   1,061.34

Foreign     422.77   (3,590.98)   218.78   (193,710.33)

Individual   (3,847.11)   2,962.72   (3,753.90)   125,118.63

AECS ( Fundamental and Strategic Team )

ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)   [email protected]

ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

ชัยรัตน์ คงสุนทร

สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!