- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 June 2020 14:09
- Hits: 1002
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-6-2020
“SET อาจรีบาวด์รับข่าวเฟด-จับตาครม.กระตุ้นท่องเที่ยว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SC (จากถือเป็นซื้อ), JASIF (จากซื้อเป็นถือ)ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ ดิ่งแรง กังวลผู้ติดเชื้อเพิ่มหลังคลายล็อคดาวน์ ปิด -40.57 จุด ที่ 1341.99 จุด มูลค่าซื้อขาย 83 พันลบ. ตลาดไทยปรับลงแรงเหมือนภูมิภาค เพราะข่าวผู้ติดเชื้อมากที่สหรัฐเป็นรอบสองส่งผลให้ทั้งดาวโจนส์และน้ำมันฟิวเจอร์สดิ่งลงแรง อีกทั้งกังวลว่าจีนกลับมาติดรอบสองอีกด้วย รอถ้อยแถลงพาวเวล เฟดรอบครึ่งปี กลุ่มลงแรงคือ แบงก์ พลังงาน ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิเป็น 194 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาสรีบาวด์ รับข่าวเฟดจะซื้อตราสารหนี้เอกชน ดาวโจนส์ดีดกลับ น้ำมันปรับตัวขึ้น ปัจจัยบวกคือ เฟดจะเสริมสภาพคล่องและช่วยบ.ขนาดใหญ่ด้วยการซื้อตราสารหนี้เอกชนมากขึ้นและยกเลิกกฏอันเข้มงวด ดัชนีการผลิตมิ.ย.ดีกว่านักวิเคราะห์คาด ดาวโจนส์ +158 จุด น้ำมันปรับตัวดีขึ้น ดัชนีความกังวลลดลงเป็น 34.4 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านรีบาวด์แรง และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็บวก ด้านปัจจัยลบคือ ยังกังวลการแพร่ระบาดรอบสอง และกบง.เห็นชอบลดค่าการกลั่น 0.50 บาท ทำให้ผู้ประกอบการที่มีศูนย์บริการปั๊มน้ำมันมีความเสี่ยงมาร์จินลด กลยุทธ์ระยะสั้น หากหลุดจุด Stop Loss ที่ 1340 จะเป็นสัญญาณไม่ดี ให้ขายลดเสี่ยงไปก่อน เล่นสั้นเข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1320-1360 กลับมากังวลแรงขาย เพราะ P/E ไทยสูงในภูมิภาค และการเกิด Second Wave/รออ่อน SET-50, SET-100 เข้า-ออก ประกาศแล้ววานนี้ สำหรับหุ้นเข้า SET-50 คือ TTW, BPP ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือเศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์ เข้าสู่ไฮซีซัน- BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ-DIFF,AIMIRT,HREIT วันนี้ให้ติดตามการประชุม ครม. เกี่ยวกับงบกระตุ้นการท่องเที่ยว ตามข่าวคือ 20 พันล้านบาท จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสนามบิน-AOTเดินทาง-AAV และกลุ่มโรงแรม- MINT,ERW,CENTEL โดยเฉพาะกลุ่มการบิน รัฐอาจจะมีการช่วยออกค่าตั๋วถึง 40% จึงอาจมีแรงเข้ามาเก็งกำไร-AAV,NOK,BA เป็นต้น ด้าน Bubble Travel อาจจะติดขัดบ้าง จากการเกิดผู้ติดเชื้อรอบสองมากขึ้น หากยังเปิดรับต่างประเทศ ก็อาจจะทำให้ไทยมีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา แนวรับคือ 1320-1300 จุด และ แนวต้าน 1350-1360 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1340 จุด
# Stock Pick Today : TISCO แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q20F มีโอกาสดีขึ้น QoQ จากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯลดลง QoQ คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเติบโตดี y-o-yเพราะได้อานิสงค์จากมาตรฐานบัญชี TFRS9, สัดส่วนสินเชื่อ High yield คือ สินเชื่ออุปโภคบริโภคเพิ่ม และต้นทุนดอกเบี้ยลดลง จากนำส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูฯน้อยลงข้อดีคือ ธนาคารมีความมั่นคง บริหารธุรกิจอย่างระมัดระวัง เงินกองทุนแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสูง คาดยิลด์ปีนี้ 10% ให้ราคาพื้นฐาน 87 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบ แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเป็นลบ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (และถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่เพราะลงแรง/เร็ว (มี“Oversold + Divergence”ในกราฟรายนาที“หนุน”) อาจจะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1350 – 1360 (หรือ 1380) จุด {แนวตัดขาดทุน“ต่ำกว่า 1340” (แนวรับย่อย “1320 / 1300 – 1280”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : JASIF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 9.60)
SC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.49)
Flash Note : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 211.00)
In The News : BTSGIF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.50)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: เฟดครอบคลุมถึงการซื้อตราสารหนี้ของภาคเอกชนเป็นวงกว้าง ยกเลิกกฎระเบียบอันเข้มงวด
# เฟดประกาศขยายขอบข่ายโครงการ Secondary Market Corporate Credit Facility ซึ่งมีวงเงิน 7.50 แสนล้านดอลลาร์โดยให้ครอบคลุมถึงการซื้อตราสารหนี้ของภาคเอกชนเป็นวงกว้าง พร้อมกับยกเลิกกฎระเบียบอันเข้มงวดที่เคยนำมาใช้สำหรับบรรดาผู้กู้ยืม โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดและจัดหาสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการจ้างงานจำนวนมาก
-สหรัฐ: แนวโน้มแพร่ระบาดรอบสอง สร้างความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
# ตลาดได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มแพร่ระบาดรอบสอง หลังจากหลายรัฐในสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,162,228 ราย และมีผู้เสียชีวิต 117,858 ราย
+ สหรัฐ: ดัชนีภาคการผลิตดีดตัวขึ้นสู่ระดับ -0.2 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ -0.2 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -35.0 อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก
• สหรัฐ: จับตารอฟังแถลงการณ์จากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงการณ์รอบครึ่งปี
# ในสัปดาห์นี้ บรรดานักลงทุนจะจับตารอฟังแถลงการณ์จากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนายพาวเวลมีกำหนดที่จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อทางคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 มิ.ย.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 157.62 จุด ขานรับเฟดรุกซื้อตราสารหนี้เอกชน
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขยายขอบข่ายการซื้อตราสารหนี้ของภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาปิดตลาดในบวก หลังจากที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก 86 เซนต์ รับโอเปกพลัสขยายเวลาลดการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองบวกต่อการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ตัดสินใจขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐจะปรับตัวลดลง
# นักลงทุนรอดูคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ซึ่งจะจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือสถานการณ์ล่าสุดของตลาดน้ำมันโลก แต่คณะกรรมการนี้เป็นเพียงที่ปรึกษาโอเปกพลัส ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
• ทองคำ: ปิดร่วง $10.1 จากแรงขายทำกำไร,กังวลโควิดระบาดรอบสอง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากแรงขายทำกำไร ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสดมากกว่าสินทรัพย์ปลอดภัย
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- หุ้นเข้า SET50 SET100 ประกาศแล้ว มีผลการใช้ครึ่งหลังปี 63 คือ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.63
# SET50 พบว่า (+) หุ้นเข้า (Inclusion) : TTW, BPP
# SET50 พบว่า (-) หุ้นออก (Exclusion) : BANPU, DELTA
# ส่วน SET-100 พบว่า (+) หุ้นเข้า (Inclusion) : AAV-ACE-DOHOME-RBF-SIRI-TVO-WHAUP
# SET100 พบว่า (-) หุ้นออก (Exclusion) : BGC,DELTA,MBK,PSL,STPI,THAI,THG
-/• กบง.เห็นชอบค่าการกลั่นใหม่ลด 50 สต. มีผล 17 มิ.ย.63
# คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบเกณฑ์คำนวณค่าการกลั่นใหม่ลด 50 สต.มีผล 17 มิ.ย.63 ซึ่งจะสะท้อนไปยังราคาขายปลีก ตามประเภทต้นทุนของทุกชนิดเชื้อเพลิง (Manager Online)
# ผลกระทบ: นอกจากประชาชนจะได้ซื้อราคาน้ำมันขายปลีกที่ถูกลง หลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงคือ ผู้ประกอบการที่มีสถานีบริการปั๊มน้ำมัน เช่น PTT, BCP, และ PTG แต่ขึ้นกับต้นทุนของสถานีบริการ ถ้าไม่ถูกลงมาเท่ากับราคาขายปลีกที่ลดลงก็จะมีอัตรากำไร (margin) ที่ต่ำลง แต่ถ้าต้นทุนถูกลงมาเท่า ก็ไม่ได้รับผลกระทบ แต่ภาพรวมคือ มีความเสี่ยงมากขึ้น แต่หากกระทบก็จะมีผลลบไม่มากนัก ส่วนโรงกลั่น คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่ซื้อขายกันเป็นราคาตลาดอย่างไรก็ตามตัวเลขที่ กบง. (Eppo) ประกาศจะเป็นตัวเลขอ้างอิง ไม่ใช่ตัวเลขที่โรงกลั่นซื้อจริงๆ
+ การลงทุน: รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้บีโอไอ สร้างจุดเด่นให้กับประเทศไทยดึงการลงทุนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายแก่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยประเมินว่า จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดไปหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และเชื่อว่าภายใน1-2 ปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แต่ต้องการให้บีโอไอใช้โอกาสนี้ในการสร้างจุดเด่นให้กับประเทศไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนในอนาคต และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (HUB) ด้านเกษตรและการแพทย์ ในกลุ่ม CLMVT
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web