WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-6-2020บล.เออีซี2 420x280
: Daily Focus
  AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index แกว่งพักตัว หลังถูกกดดันด้วยประเด็นความกังวลสถานการณ์การเกิด 2nd Wave ของ COVID-19 หลังรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจภาคท่องเที่ยวต่อเนื่องจากการปลดเคอร์ฟิว และคลายล็อกดาวน์เฟส 4 ประเมินการเคลื่อยไหว 1,360 – 1,390 จุด
Market Factor
•    (-) ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อCOVID-19 ที่กลับมาเร่งตัวขึ้นหลังการเปิดเมืองในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะในจีน ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศกลับมาเพิ่มสูงขึ้นครั้งแรกในรอบสองเดือน โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 50 ราย ทำให้ทางการจีนต้องสั่งควบคุมโดยปิดตลาดค้าส่งผักผลไม้ขนาดใหญ่ชื่อซินฟาตี้ เพื่อทำการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องป้องกันการลุกลามวงกว้าง  
•    (-) WHO แถลงว่าการระบาด Second wave ในสหรัฐฯ เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ดีฝ่ายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่มีการปิดเมืองอีก แม้จะมีการระบาดระลอกสองเกิดขึ้น
•    (watch) ประเด็นที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐฯ ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน ผลการประชุม BOE BOJ และ ECB
•    (watch) หลายประเทศในฝั่งยุโรปเริ่มกำหนดการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติแล้ว เช่นฝรั่งเศส (1 ก.ค.20) ต้องติดตามหากเกิดการระบาด Second wave จะเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจอีกครั้ง
•    (+) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ศบค. อนุมัติหลักการจับคู่ประเทศ (Travel bubble) เปิดทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยก่อนเสนอ ศบค.พิจารณาในรายละเอียดถึงมาตรการอีกครั้งในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ (PPTV Online)
•    (+) ตลท.เตรียมพิจารณายืดระยะเวลาการบังคับใช้เกณฑ์ราคาเสนอขายชอร์ต (Short Sell) ซึ่งกำหนดให้ขายชอร์ตได้ในราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย พร้อมคงเกณฑ์ราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ที่ 15% ต่อออกไปอีก 3 เดือน หลังครบกำหนด 30 มิ.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
•    (watch) รมว.กระทรวงท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอ 3 มาตรการ กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยวางกรอบเวลาดำเนินการ 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.63 วงเงิน 20,000 ลบ.เข้าที่ประชุมครม.ประจำสัปดาห์เพื่อพิจารณา เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3 กลุ่มประกอบด้วย บริษัททัวร์ กลุ่มโรงแรม/ที่พัก และกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ (ข่าวสด)
•    รายงาน สธ.ประจำวันที่ 14 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย  ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,135 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
•    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.85% (2.4% DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.25% (Unchg. DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10  ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.71% (4.9% DoD)
•    ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 66.1 บ. หรือลดลง 35.1%YTD
•    Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 2,000.19 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมที่ 3,809.74 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 443.23 ลบ.ส่งผล MTD.ขายสุทธิอยู่ที่ 1,441.278 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET ปรับตัวพักฐานในกรอบ 1,350-1,400 จุด  โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก  2) การปลดล็อกดาวน์เฟสที่ 4 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 3 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ และจีนหลังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้น  2) สถานการณ์ประท้วงในสหรัฐฯ กรณีการเสียชีวิตของฟลอยด์ ยังยืดเยื้อและขยายตัวเป็นวงกว้าง 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่  66.17 บ.ลดลง 35.11%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.1X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.9X) นอกจากนี้ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนียอดขายปลีกเดือนพ.ค.รวมถึงการประชุมของธนาคารกลาง BOE และ ECB ถึงมาตรการการกระตุ้น และดูแลสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ่งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี  บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้  มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68 เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ      ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
•    Trading Idea
•    หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว  บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงานตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
    12-Jun-20    Change (pts.)    11-Jun-20
SET Index    1,382.56    -14.21    1,396.77
SET50 Index    920.52    -11.82    932.34
SET100 Index    2,032.00    -23.15    2,055.15
 High    1,386.22    Gainers    450
Low         1,353.51        Unchanged    272
Value (Bt m)    85,786.80    Losers    1,017
Volume (*000)    24,193,019          
Market Valuation
SET Data    2019F    2020F    Long Term
Fwd PER (x)    20.9    16.5    16.5
EPS Growth (%)    13.9    9.3    -20.4
EV/EBITDA (x)    13.0    11.3    10.3
FWD PBV (x)    1.5    1.5    1.4
Dividend Yield (%)    2.7    3.0    3.3
ROE    6.9    8.1    8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    12-Jun-20    WTD    MTD    YTD
Institution    443.23    (10,038.67)    (1,441.26)    66,144.83
Proprietary    (270.47)    11.96    4,348.12    1,818.61
Foreign     (2,000.19)    (2,195.48)    3,809.76    (190,119.35)
Individual    1,827.42    12,222.19    (6,716.62)    122,155.91
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!