- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 June 2020 14:27
- Hits: 2877
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-6-2020
“กังวลผู้ติดเชื้อเพิ่มรอบ 2 ดาวโจนส์-น้ำมันล่วงหน้าร่วง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : CK (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ กังวลผู้ติดเชื้อเพิ่มหลังคลายล็อคดาวน์ ปิด -14.21 จุด ที่ 1382.56 จุด มูลค่าซื้อขาย 86 พันลบ. ตลาดไทยปรับลงเหมือนภูมิภาคเพราะข่าวผู้ติดเชื้อมากที่สหรัฐเป็นรอบสองส่งผลให้ทั้งดาวโจนส์และน้ำมันดิ่งลงแรง แต่ภาคบ่ายฟื้นขึ้นตามตลาดหุ้นยุโรปดาวโจนส์ล่วงหน้า รวมทั้งมาตรการคลายระยะ4 ยกเลิกเคอร์ฟิวส์ เพิ่มท่องเที่ยวช่วยเสริม ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิเป็น 190 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาสปรับตัวลง กังวลผู้ติดเชื้อรอบสอง น้ำมันดิ่ง ติดตามเฟด-ประกาศ SET-50,100 ปัจจัยลบคือ กังวลการติดเชื้อรอบ 2 เพิ่มโดยเฉพาะจีนกลับมาติดเชื้ออีก 49 รายในวันอาทิตย์ สหรัฐยังหนัก ทำให้ดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ลบมากกว่า 300 จุด รอถ้อยแถลงพาวเวล เฟดรอบครึ่งปี เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านลบถ้วนหน้า ด้านปัจจัยบวกคือ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์คลายล็อกดาวน์ ดัชนีความเชื่อมั่นสหรัฐ มิ.ย.เพิ่มขึ้น ดาวโจนส์วันศุกร์บวกกลับ 477 จุด ติดตามปิดมิ.ย.รอบครึ่งปีจะมี Window Dressing หรือไม่ ส่วนดัชนีความกังวลปรับตัวลดลงเป็น 36 จุด กลยุทธ์ระยะสั้น หากหลุดจุด Stop Loss ที่ 1370 จะเป็นสัญญาณไม่ดี ให้ขายลดเสี่ยงไปก่อน เล่นสั้นเข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อลงลึก คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1360-1400 กลับมากังวลแรงขาย เพราะ P/E ไทยสูงถึง 20 เท่า และการเกิด Second Wave/รออ่อนเก็งกำไร SET-50, SET-100 เข้า-ออก ประกาศกลางสัปดาห์นี้ หุ้นเข้า SET-50 คือ TTW, BPP ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือเศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์ เข้าสู่ไฮซีซัน- BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ-DIFF,AIMIRT,HREIT หุ้นได้ประโยชน์จะคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 4 เริ่มวันนี้ 15 มิ.ย.- RS,GRAMMY,PLANB,IMPACT,SISB และยกเลิกเคอร์ฟิวส์ การที่รัฐสนับสนุน Travel Bubble เริ่มจากนักธุรกิจและการแพทย์ จะดีกับกลุ่มนิคมฯ เช่น AMATA และ WHA กลุ่มการแพทย์ เช่น BH,BDMS และระยะต่อมาถ้าอนุญาตนักท่องเที่ยว จะดีกับคอนโดที่รอโอนจากลูกค้าจีน เช่น ANAN,SIRI,ORI,NOBLE, RML แนวรับคือ 1360-1340 จุด และ แนวต้าน 1390-1400 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1370 จุด
# Stock Pick Today :
AOT เก็งกำไรได้รับผลดีมาตรการท่องเที่ยว คาดว่าจะเป็น 2 เรื่องคือ 1) ท่องเที่ยวแบบจับคู่ระหว่างกัน (Travel Bubble) แบบไม่ต้องกักตัวสำหรับประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี ซึ่งมีหลายประเทศ และหนึ่งในนั้นคือจีน ซึ่งมีการท่องเที่ยวไทยมากที่สุด และ 2) ผ่านครม.งบกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งบุคลากรการแพทย์และประชาชนก็จะทำให้การมาใช้บริการสนามบินคึกคักกว่าเดิม รวมทั้งการคลายล็อกดาวน์มาถึงระยะธุรกิจอันตราย เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบทุกระยะแล้ว อีกทั้งยังทดลองยกเลิกเคอร์ฟิวส์ ก็จะทำให้กิจกรรมการเดินทางคึกคักมากยิ่งขึ้น แม้ทางพื้นฐานแนะนำเพียงถือ แนวต้านเทคนิค 67,68-70 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน” (แต่“ปิดใกล้High” / โดยยังคงถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“Oversold”ในกราฟรายนาที“หนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1390 –1400 (หรือ 1420) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1370” (แนวรับย่อย “1360 – 1340 / 1320”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : CK (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 23.00)
Flash Note : OSP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 48.00)
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ใดติด Cash Balance ยกเว้น DW
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-จีน: พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 49 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ
# คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงในวันนี้ว่า ณ วันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 49 ราย โดยเกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ 39 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
-สหรัฐ: ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 300 จุดเช้านี้ วิตกโควิดระบาดรอบสองในสหรัฐ
# ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 300 จุดในช่วงเช้านี้ตามเวลาไทย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้น ภายหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นในหลายรัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐอริโซนา, เซาท์ แคโรไลนา และเท็กซัส หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
# สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,161,117 ราย และมีผู้เสียชีวิต 117,849 ราย โดยสหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
+ ญี่ปุ่นเตรียมคลายข้อจำกัดการเดินทางจากโควิด-19 และสิงคโปร์คาดคลายล็อกดาวน์หมดใน มิ.ย.นี้
# ญี่ปุ่นกำลังวางแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในฤดูร้อนนี้(มิ.ย.-ส.ค.) โดยจะเริ่มต้นอนุญาตให้นักธุรกิจที่มาจากออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ไทย และเวียดนาม เดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 250 คนต่อวัน ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า สิงคโปร์กำลังทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม และคาดว่าจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจทั้งหมดได้อีกครั้งภายในสิ้นเดือนมิ.ย.
+ จีน: ผู้เชี่ยวชาญคาดเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
# ผู้เชี่ยวชาญซึ่งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากจีนมีตลาดขนาดใหญ่ที่ยังคงมีศักยภาพมาก รวมทั้งมีช่องว่างให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเพิ่มเติมได้
• สหรัฐ: จับตารอฟังแถลงการณ์จากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงการณ์รอบครึ่งปี
# ในสัปดาห์นี้ บรรดานักลงทุนจะจับตารอฟังแถลงการณ์จากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนายพาวเวลมีกำหนดที่จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อทางคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 มิ.ย.
+ สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.9 ในเดือนมิ.ย.
# มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.9 ในเดือนมิ.ย.จากระดับ 72.3 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 75.0 ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการเปิดทำการเศรษฐกิจครั้งใหม่ หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 477.37 จุด จากแรงซื้อคืนหลังตลาดทรุดหนัก
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์ (12 มิ.ย.) เนื่องจากนักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อหุ้นหลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นด้วย แต่ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวก็ยังคงร่วงลงในสัปดาห์นี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
- น้ำมัน: WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2%
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (12 มิ.ย.) และปรับตัวลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันส่วนเกิน และความเป็นไปได้ที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาดรอบสองในสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และฉุดอุปสงค์น้ำมันลงอีกครั้ง
• ทองคำ: ลดลง 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.14% เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อวันศุกร์ (12 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขายทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นกว่า 400 จุดขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น กดดันราคาทองลงด้วย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- หุ้นเข้า-ออก SET50 SET100 ประกาศกลางสัปดาห์นี้แล้ว มีผลการใช้ครึ่งหลังปี 63
# จาก Consensus SET50 พบว่า (+) หุ้นเข้า: TTW, BPP (-) หุ้นออก: DELTA, BANPU
# ส่วน SET-100 พบว่า (+) หุ้นเข้า: ACE,WHAUP,DOHOME,TVO,SIRI,RBF,SISB,AAV
(-) หุ้นออก: DELTA,MBK,THG,THAI,STPI,BGC,SGP,PSL
+ ศบค.เคาะผ่อนคลายเฟส 4 ยกเลิกเคอร์ฟิวเริ่มวันนี้ 15 มิ.ย.
# วันศุกร์ที่ผ่านมาศบค.เคาะผ่อนคลายเฟส 4 ยกเลิกเคอร์ฟิวเริ่มวันนี้ 15 มิ.ย.แต่ยังคงคุมเดินทางเข้า-ออกประเทศเห็นชอบหลักการ Travel Bubble ประเดิมรับกลุ่มนักธุรกิจ-ผู้ป่วยต่างชาติ (Aspen)
# ผลกระทบ: ผ่อนคลายเฟส 4 เป็นไปตามคาด เป็นบวกกับหลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น บันเทิง คอนเสิร์ต อีเวนท์จัดแสดงสินค้า เช่น RS, GRAMMY,IMPACT,PLANB โรงเรียน SISB ห้องประชุมก็มีโรงแรมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เช่นERW,MINT และ CENTEL ส่วนยกเลิกเคอร์ฟิวดีกับภาพเศรษฐกิจโดยรวม ด้าน Travel Bubble ที่น่าสนใจมีประเทศที่เที่ยวไทยมากที่สุดคือ จีนด้วย จากประเทศเป้าหมายในระยะแรก เช่น จีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า) เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา ตะวันออกกลาง บางประเทศ
+ "อนุทิน" เสนอเปิดน่านฟ้ารับ Travel Bubble และ ศบค.รับในหลักการแล้ว
# วันศุกร์ นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวก่อนประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่า จะเสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ Travel Bubble ในการจับคู่ประเทศที่ควบคุมการติดเชื้อได้ดีเหมือนประเทศไทยให้สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้ ภายใต้การทำความตกลงแต่ละประเทศเกี่ยวกับมาตรการคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ซึ่งขณะนี้เอกอัครราชทูตในหลายประเทศเสนอแนวคิดมา โดยคาดว่าจะเริ่มได้จากกลุ่มนักธุรกิจและผู้มารักษาโรคก่อนแล้วค่อยเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป (อินโฟเควสท์)
# ผลกระทบ: เป็นบวก กับหุ้นสนามบิน สายการบิน และโรงแรม หากเริ่มใช้มาตรการนี้ แม้ดูเหมือนจะขัดกับการป้องกันติดเชื้อรอบ 2 (Second Wave) จากข่าวนี้อาจจะทำให้มีการเก็งกำไรกับหลักทรัพย์ เหล่านี้ คือ AOT,AAV,MINT,ERW,CENTEL เป็นต้น แม้ทางด้านปัจจัยพื้นฐานจะยังไม่สนับสนุนในแง่การฟื้นตัวให้กับไปเท่าก่อนโควิด-19 ยังต้องใช้เวลาอีกนานก็ตาม
+ สภาหอการค้าฯเผยการผ่อนคลายมาตรการ 1-3 ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมาก
# สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยหลังจาก ศบค.ผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่ระยะที่ 1-3 ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านบาทแล้ว และเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลได้มีมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 4 และระยะต่อไป ก็จะยิ่งช่วยทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ประชาชนออกมาช่วยกันจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศไม่ทรุดตัวไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web