- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 June 2020 11:46
- Hits: 1534
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-6-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Speculate Laggard Play//Gradually Take Profit at 1,450+-
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในแดนบวกในช่วงครึ่งเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายออกมาหนาแน่นและทำให้ดัชนีร่วงคนข้างเร็วและปิดลบถึง 30.29 จุด ณ สิ้นวัน กลุ่มที่ถ่วงตลาดคือพลังงานและปิโตรเคมีตามคาดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง แรงขายมาจากสถาบันในประเทศและยังคงหนาแน่นถึง 2.6 พันลบ.ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 486 ลบ. (และ Long Index Futures 5.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways บริเวณ 1,400-1,420 จุดหลังจากปรับตัวลงแรงวานนี้ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้คือการประชุม FED ซึ่งคาดว่ายังคงนโยบายการเงินเช่นเดิม แต่ที่ต้องจับตาคือมุมมองต่อเศรษฐกิจและ Dot Plot ดัชนีมีแนวโน้มพักฐานระยะสั้นโดยเฉพาะแรงขายจากฝั่งสถาบันในประเทศหลังจากปรับตัวขึ้นช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาราว 40% รับประเด็น Reopen Economy ไปมาก ทำให้ Valuation ค่อนข้างตึงตัวโดยมี 2021PER อยู่ที่ราว 17 เท่า เราจึงแนะนำเพียงเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard และทยอยทำกำไรหากดัชนีปรับตัวขึ้นแตะบริเวณ 1,450 จุด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นหุ้นที่ยัง Laggard//ทยอยทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นแตะ 1,450+-
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : ADVANC, BDMS, CPF, STEC, TVO
หุ้นเด่นวันนี้: TVO
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท
- ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่าเพราะต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าถูกลง หนุนกำไรใน 2H20 ขณะที่ใน 2Q20 ดีต่อเนื่องทั้งปริมาณขายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดที่ยังทรงตัวสูงต่อเนื่อง และราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้น
- ราคาขายกากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นตาม demand การเลี้ยงสัตว์ที่สดใสและการเร่งนำเข้าจากจีน ราคาถั่วเหลืองในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อจากการฟื้นตัวของ demand จากจีน ขณะที่ stock ถั่วเหลืองโลกปีนี้ลดลงเป็นปีที่ 2
- คาดกำไรสุทธิปี 2020 +22% เป็น 1.7 พันลบ. ปัจจุบันมี PE เพียง 12.8 เท่า
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอีก US$339ล้าน โดยยังคงกระจุกตัวอยู่ที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$248ล้านและ US$61ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ตลาด TIPS มีเม็ดเงินพลิกมาไหลเข้าเล็กน้อย โดยไทยอยู่ที่ US$15ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าโดยตลาดยังให้น้ำหนักเรื่อง Reopen Economy แต่คาดเบาบางลงจากสัปดาห์ก่อนและยังกระจุกตัวอยู่ที่เอเชียตะวันออก โดยคืนนี้รอติดตามผลกระประชุม FED
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ไทยเตรียมผ่อนปรนระยะที่ 4 หลังจากไม่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 15 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จึงมีแนวโน้มว่าศุกร์นี้ ศบค.จะให้ผ่อนปรนระยะที่ 4 ผ่อนคลาย 12 กิจการ เช่น สวนสนุก สนามกีฬา โรงยิม การจัดคอนเสิร์ต ดนตรี อีเว้นท์ โรงเรียน สถานบันเทิง หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากระยะ 4 เช่น RS (คอนเสิร์ต มวย), WORK (ละครเวที) PLANB (ฟุตบอลไทยลีก) HMPRO (Homepro Fair, Homepro Expo) EA (ขายรถ EV ใน Motor Show) แต่ SISB ไม่กระทบเพราะเปิดเทอมใหม่เดือน ส.ค.
(+) กลุ่มโรงไฟฟ้า ถ้าราคาหุ้นย่อตัวจะน่าสนใจเพราะการ Reopen ทำให้ความต้องใช้ไฟฟ้าของลูกค้า IU เริ่มทยอยกลับมา GPSC และ BGRIM มีลูกค้า IU มากกว่า GULF ส่วนเงินบาทแข็งค่าเป็นบวกต่อกลุ่มนี้เพราะมีหนี้เป็นดอลลาร์ (GULF, BGRIM) สำหรับโรงไฟฟ้าชุมชนซึ่งมีผู้สนใจร่วมประมูลได้แก่ TPCH, DEMCO, ACE, SUPER ต้องติดตามว่าก.พลังงานจะนำเสนอครม. 16 มิ.ย. หรือไม่
(+) BEM ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน เม.ย. ในเดือน พ.ค. ปริมาณรถบนทางด่วน +36% M-M (แต่ -34% Y-Y) เป็น 8 แสนเที่ยว/วัน ผู้โดยสารรถไฟฟ้า +51% M-M (แต่ -61% Y-Y) เป็น 1.18 แสนเที่ยวคน/วัน และเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปริมาณรถบนทางด่วนมากขึ้นเป็น 1.07 ล้านเที่ยว/วัน กลับมาใกล้เคียงระดับปกติที่ 1.2 ล้านเที่ยว/วัน ผู้โดยสารรถไฟฟ้าขยับขึ้นเป็น 2.1 แสนเที่ยวคน/วัน ฟื้นช้ากว่ารถบนทางด่วน และยังต่ำกว่าปกติอยู่ 37% แนวโน้มกำไรจะต่ำสุดใน 2Q20 และฟื้นใน 3Q20 เรายังคงเป้าปีนี้ที่ 10.50 บาท แนะซื้ออ่อนตัว ติดตามการขาย TOR รถไฟฟ้าสีส้มที่น่าจะอยู่ในเดือนนี้ ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ
(0) PLANB จะส่งงบศุกร์นี้ กำไร 1Q20 มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เราคาดที่ 100 ลบ. อาจลดเหลือ 70-80 ลบ.เพราะถูกกระทบจากมาตรฐานบัญชี TFRS16 (สัญญาเช่า) ส่วน 2QTD Utilization rate เหลือเพียง 20-30% แต่เชื่อว่าหลังการ Reopen เม็ดเงินในสื่อโฆษณานอกบ้านจะค่อยๆกลับมา หากมองกำไรปีนี้ PE จะแพงมาก 50 เท่าแต่จะลดลงเร็วเหลือ 26 เท่าปีหน้าเพราะกำไรที่คาดฟื้นแบบ V-shape สื่อนอกบ้านยังเป็นกลุ่มที่เราชอบ แต่หากจะซื้อลงทุน แนะรออ่อนตัว รอดูงบ 1Q20 และ Guidance จากผู้บริหารก่อน
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 300.14 จุด ปิดที่ 27,272.30 จุด จากการขายทำกำไรหลังปรับขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังคณะกรรมการกำกับดูแลความเสี่ยงระบบของยุโรป (ESRB) ระบุว่า ธนาคารต่างๆ ไม่ควรได้รับอนุญาตให้จ่ายเงินปันผลอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ รวมถึงกลุ่มน้ำมัน
(-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางนักลงทุนติดตามจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. รวมถึงผลการประชุมเฟด
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 38.94 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าจะ ลดลง 3.2 ล้านดอลลาร์
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 16.8 ดอลลาร์ หรือ 0.99% ปิดที่ 1,721.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นโลกปรับลงจากแรงขายทำกำไร และหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1124.60 / -0.88
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9-10 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
15 มิ.ย. - จีน: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.)
16 มิ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สหรัฐ: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.)
17 มิ.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
18 มิ.ย. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
22 มิ.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web