- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 June 2020 11:34
- Hits: 987
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-6-2020
Daily Focus
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,390-1,420 จุด มองตลาดให้น้ำหนักการติดตามผลการประชุมเฟดคืนนี้ ขณะที่ในประเทศแม้มีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นและฟื้นเศรษฐกิจ แต่ยังถูกกดดันด้วยประเด็น Valuation ตลาดที่ตึงตัว
Market Factor
- • (watch) ติดตามผลการประชุม Fed ในวันนี้ จาก CME Fedwatch คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ด้วยความน่าจะเป็น 85.0% และติดตามการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินหลังตัวเลขการจ้างงานเดือรน พ.ค.พลิกกลับมาบวก 2.5 ล้านตำแหน่งจากเดือน เม.ย. ที่หดตัว 20.5 ล้านตำแหน่ง
- • (watch) ติดตามรายงานสต็อกน้ำมันดิบจากทาง EIA ตลาดคาดปรับลง 1.73 ล้านบาร์เรลหลังหลายประเทศเริ่มมีมาตรการคลาย Lockdown เปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
- • (-) ธนาคารกลางโลกคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 63 หดตัว 5.2%YoY โดยประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่คาดหดตัว 7.0%YoY และกลุ่มตลาดพัฒนาแล้วคาดหดตัว 2.5%YoY มากกว่าที่ IMF เคยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกไว้หดตัว 3.0%YoY
- • (+) ครม.เห็นชอบยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ 40 บาทต่อห้องพัก ตั้งแต่วันที่ 1ก.ค.63 – 30 มิ.ย.64 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประกอบการช่วงโควิด (กรุงเทพธุรกิจ)
- • (+) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยกระทรวงการคลัง และกระทรวงท่องเที่ยวฯ เตรียมใช้ช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.เป็นต้นไป พร้อมให้มีวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ช่วงเดือน ก.ค.นี้ ทั้งนี้มาตรการที่คาดจะออก เช่น การแจกบัตรกำนัล การเสนอให้แจกเงินเพื่อท่องเที่ยวในประเทศ เป็นต้น คาดได้ข้อสรุป วันศุกร์ (กรุงเทพธุรกิจ)
- • (-) กระทรวงพาณิชย์ เผยสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 4 เดือนแรกปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 415,241 ล้านบาท หดตัวลง 9.45%YoY (ฐานเศรษฐกิจ)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 9 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,121 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.86% (-7.3% DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.30%(-5.9% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.83% (-4.7% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 66.5 บ. หรือลดลง 34.7%YTD
- • Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิ 485.7 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิอยู่ที่ 5,703.24 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันขายสุทธิ 2,614.75 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 3,440.2 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET แกว่งซิกแซกขึ้นต่อ หลังได้ SENTIMENT บวกหนุน ดังนี้ 1) ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯและจีนออกมาดีกว่าตลาดคาดหลังผ่อนล็อกดาวน์ สะท้อนผ่านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่ง ในเดือน พ.ค. 63 (ตลาดคาดลดลง 8.3 ล้านตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% (ตลาดคาดพุ่งแตะ 19.5%) ส่วนตัวเลขส่งออกจีนเดือนพ.ค.หดตัวเพียง 3.3%YoY(ตลาดคาดหดตัว 7%YoY 2) กลุ่ม OPEC+ ตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1เดือนหรือจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. 63 3) การเตรียมออกมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 ต่อเนื่อง หลังรายงานจาก ศบค.สะท้อนการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 มีประสิทธิภาพ 4) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก อย่างไรก็ดีควรระมัดระวังแรงขายเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงหลัก ดังนี้ 1) สถานการณ์การประท้วงที่รุนแรงและขยายวงกว้างจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของ ฟลอยด์ ซึ่งเป็นความเสี่ยงทั้งต่อการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามมาตรการผ่อนล็อกดาวน์ และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 และ 2) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 67.18 บ.ลดลง 34.12%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนีปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.7X(สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.9X) ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ่งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,400-1,475 จุด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- • Trading Idea
- • หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงานตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
- • กลุ่มหลักทรัพย์ : จากมูลค่าการซื้อขายในตลาดโดยไม่รวมประเภทการลงทุนเพื่อบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ช่วง 2Q63 ล่าสุดQTD +49%YoY ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวแรงของดัชนีหลัง COVID-19 เริ่มคลี่คลาย (+48% จากจุดต่ำสุดของปี 63) พบว่า บล.ที่จดทะเบียนในตลาดฯ ที่มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มสูงกว่าภาพรวมได้แก่ MBKET+70%, FSS+114%, UOBKH+85%, ZMICO+177%, KGI+61%, ASP+161%, GBX+110% เป็นประเด็นบวกเฉพาะตัวหนุนรายได้ค่า Comm. ที่เพิ่มขึ้น แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
9-Jun-20 Change (pts.) 8-Jun-20
SET Index 1,408.37 -30.29 1,438.66
SET50 Index 941.69 -23.43 965.12
SET100 Index 2,074.03 -51.32 2,125.35
High 1,448.13 Gainers 413
Low 1,400.87 Unchanged 215
Value (Bt m) 115,559.91 Losers 1,180
Volume (*000) 26,699,933
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 21.2 16.7 16.7
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -20.4
EV/EBITDA (x) 13.3 11.6 10.6
FWD PBV (x) 1.6 1.5 1.5
Dividend Yield (%) 2.7 3.0 3.2
ROE 6.9 8.1 8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 9-Jun-20 WTD MTD YTD
Institution (2,614.75) (5,157.21) 3,440.20 71,026.29
Proprietary 88.41 (9.69) 4,326.47 1,796.96
Foreign 485.70 (301.99) 5,703.25 (188,225.86)
Individual 2,040.64 5,468.89 (13,469.92) 115,402.61
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web