- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 June 2020 11:40
- Hits: 2358
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-6-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET แกว่งผันผวน โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ตอบรับผลการประชุม OPEC แต่มีแรงขายในหุ้นโรงกลั่นหลังซาอุฯประกาศราคาขายน้ำมันดิบสูงขึ้น โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,438.66 (+2.96 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.05 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.20 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 788 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,542 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 7,205 สัญญา)
GPSC (ราคาเป้าหมาย consensus 85 บาท) คาดแนวโน้มกำไรฟื้นตัวจากการปลด Lockdown และภาวะภัยแล้งที่ดีขึ้น ผสานค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลบวกต่อภาระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ
ดอลล่าร์อ่อนค่า และราคาน้ำมันดิบโลกผันผวน : หลังจากที่ OPEC+ บรรลุข้อตกลงการขยายการลดกำลังการผลิตออกไปอีก 1 เดือน ซึ่งอาจจะช่วยภาวะอุปทานได้บางส่วน แต่อย่างไรก็ดีล่าสุด ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศที่จะดำเนินการผลิตตามโควต้าที่ได้ตกลงไว้ล่าสุดแต่จะไม่มีการอาสาปรับลดเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลเหมือนในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจุดนี้อาจเป็นประเด็นลบเล็กน้อยที่เข้ามากดดันราคาน้ำมันดิบโลกย่อตัวเมื่อคืน แต่อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่าจุดหลักของราคาน้ำมันดิบโลกในระยะกลางยังคงเน้นที่อุปสงค์น้ำมันดิบโลกเป็นหลัก ซึ่งจะสอดคล้องกับกิจกรรทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ทยอยกลับมาดำเนินการได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด ดังนั้นโดยสรุปมุมมองของเราต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกระยะสั้นอาจมีย่อปรับฐานบ้างเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดคาดอุปสงค์จะเร่งขึ้น หนุนราคาน้ำมันดิบโลกระยะกลางยังมีแนวโน้มแกว่งขึ้นต่อ ส่วนอีกประเด็นที่ควรติดตาม คือ การอ่อนค่าของดอลล่าร์ ซึ่งอาจจะมาจากการดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลาย ความวุ่นวายของประท้วงในสหรัฐ และโอกาสที่ FED จะควบคุมการเปลี่ยนแปลงของ Bond (Yield Curve Control) จึงส่งผลให้ในระยะสั้นค่าเงินบาทมีทิศทางที่แข็งค่ามากหลุดระดับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200วัน ที่ 31.5 บาทต่อดอลล่าร์ (แข็งสุดในรอบ 3 เดือน) ซึ่งหากค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปอาจจะต้องจับตาท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อการออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมในช่วงถัดไป
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,420 ต้าน 1,460 จุด เน้นกลุ่มได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า และเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “GPSC, CPALL, AOT”
ปัจจัยในประเทศ :
ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19
จับตานโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม
แนวรับ : 1430/1400
แนวต้าน : 1455/1500
SET Index รอบนี้ยังมอง 1500 จุด
- • SET Index ปิดที่ระดับ 1438.66 จุด
(+2.96 จุด) - • ยังคงมองการขึ้นรอบนี้ที่ 1500 จุด
- • ระยะสั้นอาจมีการย่อสลับให้เห็นได้บ้าง เนื่องจาก RSI เข้าสู่เขต Overbought
- • แต่เนื่องด้วยแนวโน้มการขึ้นที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้ฝั่งขึ้นยังคงได้เปรียบ
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ถือรันเทรน วาง Trailing Stop ที่บริเวณ 1394 จุด
ไม่มีหุ้น : รอเก็งกำไรเมื่อดัชนีย่อตัวมาใกล้แนวรับ 1400 จุด หากหลุด 1394 จุด ชะลอการลงทุน
BAM โชว์พอร์ตหนี้ 5 แสนล. กองทุน-ต่างชาติวิ่งชน!!'บรรยง'ยืนยันครึ่งปีหลังรายได้ฟื้นตัว (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : สถานการณ์ของ COVID-19 ที่คลี่คลายลงตามลำดับ ทำให้ความกังวลต่อเงินสดเรียกเก็บที่อาจต่ำกว่าเป้าลดลง เรายังคงมุมมองต่อยอดเงินสดเรียกเก็บที่จะสูงเพียงพอที่จะจ่ายปันผลที่ใกล้เคียงกับปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 25 บาท เชิงกลยุทธ์การย่อตัวเป็นโอกาสสะสม
SCGP
ความเห็น : การ IPO ธุรกิจแพคเกจจิ้ง SCGP ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัด สามารถระดมทุนได้เอง ช่วยให้มีการเติบโตโดดเด่นมากขึ้น จากการขยายกำลังการผลิต และ เข้าซื้อกิจการ และจะช่วยเพิ่มมูลค่าต่อ SCC ประมาณ 11-19 บาทต่อหุ้น เราคงแนะนำ ซื้อลงทุนสำหรับ SCC ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 380 บาท
Precious Shipping (PSL)
เจอจุดต่ำสุด จึงผ่อนคลายขึ้นมาก
Company Update
ที่ตัวอุตสาหกรรม และที่ตัวบริษัทเอง เราคงคำแนะนำ ซื้อ
ในการนำเสนอข้อมูลผ่านกิจกรรม Logistic Day ของ MKET ทำให้เราเชื่อว่า จุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมเรือเทกองได้ผ่านไปแล้วในไตรมาส 1 แม้ปีนี้ PSL ยังคงถูกกดดันจากตลาดเรือเทกอง ที่อุปทานรวมขยายตัวมากกว่าอุปสงค์ซึ่งต้องสะดุดเพราะ COVID-19 ใน 1H63 แต่การผ่อนคลาย Lockdown ทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการได้อนุมัติขยายอายุหุ้นกู้ตามเสนอ ทำให้ PSL จะกลับมามีโมเมนตัมน่าสนใจในไตรมาส 4 ขณะที่ปัจจุบัน หุ้นซื้อขายที่ P/BV 0.7 เท่า ซึ่งเทียบเท่ากับปีที่เกิดวิกฤติการเงินในปี 2551 แล้ว
จุดต่ำสุดในอุตสาหกรรมผ่านไปแล้ว แต่ปี 2563 ยังเป็นภาวะอุปทานส่วนเกิน
ผู้บริหารมองว่า การฟื้นเศรษฐกิจจีนด้วยมาตรการการคลัง จะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้เหล็ก (Steel) ได้กว่า 6.6 แสนล้านเหรียญ ซึ่งจะเข้ามาผลักดันอุปสงค์ในเรือสินค้าเทกองตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 – ต้นไตรมาส 4 และตลอดปี 2564 แต่ทว่าในปี 2563 อุตสาหกรรมยังคงอยู่ในแรงกดดันอยู่ดี เพราะอุปทานเรือเทกองโลกปีนี้ ผบห.คาดจะขยายตัว +3.14% YoY ( vs Clarksons +2.7%) เป็น 900 ล้านเดทเวตตั้น สุทธิแล้วจากความล่าช้าส่งมอบเรือ การทำลายเรือที่มากเป็นประวัติการณ์ (Scraping) ซึ่งจะเห็นว่า ก็ยังเป็นการขยายตัวที่มากกว่า การขยายตัวของอุปสงค์รวมที่ +1.2% YoY (Ton-Miles basis)
ไตรมาส 1 ผิดหวัง แต่เรามองว่า จะดีขึ้นไตรมาส 2
PSL ขาดทุน 117 ลบ. ในไตรมาส 1/63 พลิกจากกำไร 25 ลบ. ในไตรมาส 4/62 และขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 83 ลบ. ในไตรมาส 1/62 ค่าระวางเฉลี่ยที่ 8,398 เหรียญ/ ลำ/ วัน ลดลง 21% QoQ และ 9.4% YoY แต่ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด 19% โดยไตรมาสนี้ อุตสาหกรรมเรือเทกองได้รับผลกระทบจากฤดูกาล (หยุดตรุษจีน) และ COVID-19 โดยจีนหยุดการผลิตในเดือน ม.ค.-ก.พ. และฟื้นตัวเดือน มี.ค. ส่งผลให้ดัชนีค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ไตรมาส 1/63 เฉลี่ย 592 จุด หดตัว 62% QoQ และ 26% YoY อย่างไรก็ดี BDI อ่อนตัวลงอีกครั้งในเดือน เม.ย. เมื่อเกิดการ Lockdown ทั่วโลก และเริ่มกลับมาฟื้นอีกครั้งในสัปดาห์สุดท้ายของ พ.ค. เมื่อเริ่มมีการเปิดประเทศอีกครั้ง ล่าสุด BDI ฟื้นตัวแล้ว 14.6% จากค่าเฉลี่ยไตรมาส 1/63 แม้จะยังอยู่ในระดับต่ำไม่เพียงพอต่อการกลับมามีกำไร (ราว 1,500-2,000 จุด) แต่ก็เพียงพอกับการออกจากจุดต่ำสุดของวิกฤติครั้งนี้ เราคาดว่า PSL จะรายงานขาดทุนลดลงจากไตรมาสแรก
คำแนะนำการลงทุน – คงคำแนะนำ ซื้อ
จากผลกระทบ COVID-19 ที่มากกว่าคาด เราปรับสมมติฐานค่าระวางเรือลง 14% เป็น 9,398 เหรียญ/ ลำ/ วัน และใส่ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 150bps หลังผู้ถือหุ้นกู้ 1.9 พัน ลบ. อนุมัติขยายอายุออกไป 1.5 ปี ส่งผลให้ปีนี้ PSL จะขาดทุนต่อเป็นปีที่ 2 แต่ด้วยฐานทุน 1.2 หมื่น ลบ. D/E 1.15 เท่า EBITDA 1.6 พัน ลบ. เรามองว่า PSL จะเอาตัวรอดในปีนี้ยากนี้ได้ ซึ่งเมื่ออิงกับ P/BV 1.0 ค่าเฉลี่ยกลุ่ม ราคาเหมาะสมใหม่ลดลง 8% เหลือ 7.24 บาท
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web