- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 June 2020 17:36
- Hits: 3398
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 8-6-2020
กลยุทธ์ลงทุนรายวัน
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น ขานรับความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแรงเก็งกำไรการประชุม OPEC หนุนราคาน้ำมันดิบเร่งตัวขึ้น โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,435.70 (+24.69 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.20 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.22 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 52 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 2,269 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 15,228 สัญญา)
PTTEP (แนวต้าน EMA200วัน ที่ 103 บาท) คาดรับอานิสงค์บวกจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว จากทั้งภาวะอุปสงค์ที่ดีขึ้นหลังทั่วโลกปลด Lockdown และอุปทานที่ลดลงจากการช่วยลดกำลังผลิตในกลุ่ม OPEC+ รวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐที่ลดลง 12 สัปดาห์ติดต่อกัน
ภาคแรงงานสหรัฐฯฟื้นตัว ผสาน OPEC ขยายเวลาลดกำลังผลิต: สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัจจัยบวกมากขึ้น นำโดยการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคม ที่ขยายตัว 2.5 ล้านตำแหน่ง สวนตลาดคาดจะหดตัวลงถึง -7.5 ล้านตำแหน่ง ปัจจัยนี้บ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯกลับมาเปิดได้เร็วกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจหดน้อยน้อยกว่าคาด อีกทั้งตลาดยังได้แรงหนุนจากการประชุม OPEC+ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีมติขยายการปรับลดกำลังการผลิต 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีก 1 เดือน (Mexico ไม่ยอมขยายเพิ่ม) ดังนั้นก็จะส่งผลให้กำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ในเดือนกรกฎาคม 63 อยู่ที่ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน, เดือนสิงหาคม-ธันวาคม 63 จะอยู่ที่ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ มกราคม 64 – เมษายน 65 อยู่ที่ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนประเทศที่ไม่ได้ลดกำลังการผลิตตามโควต้าเดือนพฤษภาคมที่เคยตกลงกันไว้ เช่น อิรัก, ไนจีเรีย ก็จะต้องมีการลดกำลังการผลิตให้มากยิ่งขึ้นเพื่อชดเชยการผลิตเกินโควต้าในเดือนที่ผ่านมา โดยจะมีการติดตามสถานการณ์อีกครั้งในการประชุมย่อย 18 มิถุนายน นี้ บทสรุปการประชุมครั้งนี้ถือว่าจบลงด้วยดี และคาดจะเป็นส่วนที่ช่วยพยุงราคาน้ำมันดิบโลกยังคงอยู่ในระดับเหนือ 40 USD/bbl แต่อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์น้ำมันที่ดีขึ้น ส่งผลให้ซาอุฯ ประกาศราคาขายน้ำมันแถบเอเชีย เดือน ก.ค. เป็นส่วนเพิ่ม (premium) 0.2 USD/bbl จากเดือน มิ.ย. ที่เป็นส่วนลด -5.9 USD/bbl ซึ่งถือเป็นภาระของโรงกลั่นเอเชียที่มากขึ้น QoQ ดังนั้นอาจแนะเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มต้นน้ำมากขึ้น (PTTEP, PTT, PTTGC) และลดน้ำหนักในกลุ่มโรงกลั่นลงบางส่วน
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่ง sideway ในกรอบแนวรับ 1,420 ต้าน 1,460 จุด เน้นกลุ่ม Big cap ที่ยัง laggard เช่น พลังงาน, อสังหา, ธนาคาร, ไฟแนนซ์ โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “PTTEP, AP, SAWAD”
ปัจจัยในประเทศ :
ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19
จับตานโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม
แนวรับ : 1420/1400
แนวต้าน : 1460/1500
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ถือรันเทรน วาง Trailing Stop ที่บริเวณ 1394 จุด
ไม่มีหุ้น : รอเก็งกำไรเมื่อดัชนีย่อตัวมาใกล้แนวรับ 1400 จุด หากหลุด 1394 จุด ชะลอการลงทุน
CK สุดถูกงานจ่อ 2 แสนล. BEM มีสิทธิ์คว้าสายสีส้ม (ทันหุ้น)
ความเห็น : CK เหลือ Backlog ที่ต่ำประมาณ 4 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้เพียงปีเศษฯ ทำให้ผลประกอบการไม่สดใส แต่ แนวโน้มในอนาคต คาดจะได้งานเพิ่มโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ ม่วงใต้ รวมถึง เขื่อนหลวงพระบาง ราคาหุ้นซื้อขายบน Valuation ที่ถูก มีมูลค่าบริษัทลูก คือ BEM CKP และ TTW สูง แนะนำ TRADING BUY ช่วงอ่อนตัว เป้าหมาย 24 บาท
CPF หุ้นกู้จองล้น วงเงิน 2.5 หมื่นล. ย้ำธุรกิจโตแกร่ง (ทันหุ้น)
ความเห็น : ส่วนใหญ่นำเงินไปรีไฟแนนซ์ เรายังคาดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ 1.2 เท่า ซึ่งอยู่ภายใต้ Bond Covenant ที่ 2 เท่า แนวโน้มกำไรเติบโตแข็งแกร่งจากราคาหมูในเวียดนามอยู่ในระดับสูง แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 40.20 บาท
Thailand Retail & Retail property
SSSG ลบหนักในเม.ย. แต่ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์
ประเด็นการลงทุน
SSSG ของกลุ่มค้าปลีกในเดือน เม.ย. ติดลบ 15-50% จากการล็อกดาวน์และยกเลิกวันหยุดสงกรานต์ แต่ติดลบน้อยลงในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน พ.ค. จากการลดเวลาเคอร์ฟิวและฐานไม่สูง การคลายล็อกดาวน์วันที่ 17พ.ค. ทำให้ SSSG ของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าปรับปรุงบ้านฟื้นตัวเป็นบวกในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค. และเดือน มิ.ย. ส่วนผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคมี SSSG ติดลบน้อยลง ยกเว้น MAKRO ที่ฟื้นตัวเป็นบวกเล็กน้อย ทำให้ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. SSSG ของกลุ่มค้าปลีกติดลบ 7-34% แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกต่ำสุดใน 2Q63 เนื่องจากทั้ง SSSG ติดลบและอัตรากำไรขั้นต้นลดลง แต่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวใน 3Q63 เป็นต้นไป ราคาหุ้นกลุ่มขายสินค้าปรับปรุงบ้าน คือ HMPRO และ GLOBAL ปรับตัวขึ้นมาแล้ว โดย CPALL มี PE ต่ำสุดในกลุ่ม เราจึงเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่น เป้าหมาย 87 บาท
หลายปัจจัยลบกระทบ SSSG ในเดือน เม.ย.
จากการล็อกดาวน์โดยปิดห้างและร้านค้าสินค้าที่ไม่ใช่อาหารตั้งแต่ 22 มี.ค. การยกเลิกวันหยุดสงกรานต์ การมีเคอร์ฟิว การงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน เม.ย. ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อ SSSG ของกลุ่มค้าปลีกหนักที่สุดในเดือน เม.ย. ทำให้ SSSG ติดลบ 15-50% แม้ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ แต่ไม่สามารถชดเชยกับยอดขายทางสาขาได้ ร้านเซเว่นฯ ไม่ได้ปิดสาขา แต่ได้รับผลกระทบจากฐานสูงจากการเดินทางท่องเที่ยวน้อยลงเนื่องจากการยกเลิกวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ และการมีเคอร์ฟิว ขณะที่บิ๊กซีและ MAKRO ไม่ได้ปิดสาขา แต่ปิดพื้นที่ขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ส่วน HMPRO และ GLOBAL ปิดสาขาคิดเป็นสัดส่วน 72% และ 55% ของจำนวนสาขารวม
SSSG ฟื้นตัวสูงหลังคลายล็อกดาวน์กลางเดือน พ.ค.
ในช่วงครึ่งเดือนแรกของ พ.ค. SSSG ติดลบน้อยลงจากเดือน เม.ย. เนื่องจากการลดเวลาเคอร์ฟิว และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับมาขายได้ แต่เมื่อมีการคลายล็อกดาวน์วันที่ 17 พ.ค. ซึ่งร้านค้าที่ไม่ใช่อาหารกลับมาเปิดได้ทั้งหมด ทำให้ SSSG เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยเฉพาะในวันที่ 17 พ.ค. HMPRO SSSG เป็นบวก 20-30%และยังเป็นบวกเกิน 10% ในช่วงที่เหลือของเดือน พ.ค. เช่นเดียวกับ GLOBAL ที่ SSSG เป็นบวกตั้งแต่คลายล็อกดาวน์ MAKRO ฟื้นตัวมาเป็น 0-1% เราคาดว่าในเดือน มิ.ย. SSSG ของกลุ่มค้าปลีกจะมี SSSG ติดลบน้อยลง เนื่องจากลดเวลาเคอร์ฟิว และการเริ่มกลับมาทำงานกันมากขึ้น ส่วน SSSG ของผู้ประกอบการสินค้าปรับปรุงบ้านคาดว่าจะเป็นบวกเล็กน้อยจากการที่ยังมีความต้องการซื้อสินค้าที่เลื่อนมาจากช่วงล็อกดาวน์
คาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงใน 2Q63
จากสอบถามไปยังบริษัทในกลุ่มค้าปลีกพบว่า อัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q63 ขณะนี้ยังคาดการณ์ได้ยาก เราประเมินเบื้องต้นว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง เนื่องจาก SSSG ติดลบ และสินค้าที่ขายดีส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำ เช่น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งขายดีในช่วง Work from home อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวใน 3Q63 จากการฟื้นตัวของ SSSG หลังจากคลายล็อกดาวน์ การเปิดเทอม และมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
BTS Group (BTS)
ราคาหุ้นฟื้นนำธุรกิจไปเรียบร้อยแล้ว
Company Update
มุมมอง เป็นกลาง ต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ปีนี้ธุรกิจเดินรถไฟฟ้า O&M บนส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ จะเป็นเสาหลักให้บริษัท แต่ทว่าการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารที่ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผบห. คาดปลายปีจะกลับมาปกติ ตรงนี้จะกดดันต่อธุรกิจสื่อ (VGI) และ BTSGIF โดยตรง เรามองว่าราคาหุ้นฟื้นขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงก่อน COVID-19 แล้ว ขณะที่พัฒนาการใหม่ๆ เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ สนามบินอู่ตะเภา จะยังไม่ส่งผลต่อผลกำไรในปีนี้ เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเหมาะสม 11.30 บาท/ หุ้น
สรุปผลการดำเนินงานงวดปี 2562/63
BTS มีกำไรสุทธิ 8,162 ลบ. งวดปี 2562/63 (เม.ย. 62 - มี.ค. 63) เพิ่มขึ้น +184% YoY ส่วนใหญ่มาจากรายการพิเศษจากการขายที่ดินผ่าน Baywater 2.9 พัน ลบ. และ การเปลี่ยนสถานะลงทุนใน MACO 725 ลบ. หากไม่รวมรายการดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับคาด โดยหน่วยธุรกิจต่างๆยังไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากนัก จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในไตรมาส 4 หดตัว -19.9% QoQ และ -17.5% YoY ขณะที่ปัจจุบัน (เม.ย. - มิ.ย. 63) หดตัวอยู่ราว 50% YoY โดยเบื้องต้น ผู้บริหารมองว่าจะกลับมาปกติ ธ.ค. 63 - ม.ค. 64 ซึ่งประเด็น COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อต่ำคาด ผนวกับโครงข่ายรถไฟฟ้าที่ล่าช้า ทำให้ BTSGIF มีการตีมูลค่าสัมปทานสายสีเขียวลดลงอีกครั้ง 5.9 พัน ลบ. และพลิกเป็นขาดทุน 2 พัน ลบ. ทำให้ ผบห. คาดจะกลับมาจ่ายปันผลจากการดำเนินงานได้อีกครั้งในไตรมาส 3 (งวด ต.ค.-ธ.ค. 63) ส่วนธุรกิจสื่อ (VGI) ผู้บริหารยังระมัดระวังดูสถานการณ์อยู่ ยังไม่ตั้งเป้าปีนี้
พัฒนาการในปีนี้ เดินรถไฟฟ้า O&M เป็นเสาหลัก
ธุรกิจเดินรถไฟฟ้าแบบ O&M (ส่วนต่อขยายเหนือ-ใต้) จะเติบโต 40% YoY จากสถานีส่วนต่อขยายใหม่ๆที่เปิดในช่วงที่ผ่านมา และระหว่างปีนี้อีก 4 สถานี ขณะที่โครงการมอเตอร์เวย์ M6, 18 และ สนามบินอู่ตะเภา คาดจะลงนาม ก.ค. 63 และ BTS เผยพร้อมจะเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มในปลายปีนี้ ส่วนประเด็นต่อสัมปทานสายสีเขียว ยังอยู่ในขั้นต้อนพิจารณาของรัฐ
คำแนะนำการลงทุน – คงคำแนะนำ ถือ
เราคงคำแนะนำ “ถือ” 11.30 บาท/หุ้น (SOTP) ไว้ตามเดิม เพื่อรอดูผลกระทบจาก COVID-19 ต่อผลกำไรว่าจะมากกว่าคาดหรือไม่ ซึ่งการที่ ผบห.คาดหมายผู้โดยสารกลับมาปกติช่วง ธ.ค. 63 ทำให้ประมาณการเราอาจมี downside ขณะที่ปัจจุบัน เรามองว่าราคาหุ้นได้ฟื้นขึ้นมาใกล้เคียงกับก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 ไปแล้ว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web