- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 June 2020 15:18
- Hits: 2865
บล.ฟินันเซีย ไซรัส: บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 8-6-2020
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดอย่างต่อเนื่องโดยปิดบวกอีก 24.69 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และสื่อสารฯ ตลาดยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าภูมิภาคแต่เริ่มเบาบางลง สถาบันในประเทศซื้อสุทธิอีก 2.3 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางลงเหลือเพียง 52 ลบ. (และ Short Index Futures 1.5 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,450 จุดนำโดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่องหลังกลุ่ม OPEC+ ตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันไปอีก 1 เดือน (สิ้นสุด ก.ค. 20) ส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTI ปรับขึ้นแรงทำตะระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯพลิกมาเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านตำแหน่ง ดีกว่าคาดมาก สัปดาห์นี้ต้องติดตามการประชุม FED เกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจและคาดว่ายังคงนโยบายการเงินและเน้นย้ำถึงความพร้อมที่จะใช้ทกเครื่องมือให้ผ่านพ้นวิกฤติ COVID-19 เราประเมินกรอบบนของ SET Index ทางพื้นฐานบริเวณ 1,450 จุด+- เทียบเท่า 2021PER ราว 17 เท่า อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าอาจทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานในระยะสั้น จึงแนะนำเก็งกำไรหุ้น Big Cap ตามโมเมนตัมของตลาดและรอทำกำไรเมื่อเห็นสัญญาณกระแสเงินทุนพลิกมาไหลออก
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ตามกระแสเงินทุนทีไหลเข้า//รอทำกำไรเมื่อกระแสเงินทุนเริ่มพลิกมาไหลออก
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : ADVANC, BDMS, CPF, STEC, TVO
หุ้นเด่นวันนี้: SAPPE
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า 22 บาท
- หลัง Reopen คำสั่งซื้อเริ่มฟื้น ขณะที่บริษัทออกสินค้าเดิม ไซส์ลดลง ราคาต่ำลงเน้นลูกค้ากลุ่ม Mass เริ่มขาย B'LUE ในตลาดกัมพูชาและลาว และมีแผนออกสินค้าใหม่ในช่วงที่เหลือของปีทั้งแบรนด์ SAPPE และแบรนด์ร่วมกับ Danone
- ภาษีสรรพสามิตจะปรับลดลงตั้งแต่ 3Q20 เพราะปรับสูตรเครื่องดื่มเสร็จแล้ว
- เราปรับกำไรปกติปี 2020 ลง 7% เพราะ 2Q20 หนักกว่าคาด กำไรปีนี้ -14% คาดปีหน้า +31% ราคาหุ้น Laggard มาก +22% นับแต่ Lockdown เดือน มี.ค. เทียบกับกลุ่มเครื่องดื่มที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 45%
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$231ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวันและเกาหลีใต้ US$232ล้านและ US$21ล้าน ส่วนไทยไหลเข้าเล็กน้อย US$2ล้าน ตลาดยังให้น้ำหนักกับการ Reopen Economy รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าคามาก เราคาดว่ากระแสเงินทุนยังอยู่ในทิศทางไหลเข้าแต่เบาบางลงจากสัปดาห์ก่อน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) โฟลว์เข้าภูมิภาคเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 1 เดือนครึ่ง ด้วยเม็ดเงินสูงกว่า US$2 พันล้าน ซื้อทุกตลาด มากสุดคือไต้หวัน จากความหวังการฟื้นของศก.หลัง Reopen เห็นจาก PMI จีนทั้งภาคการผลิตและบริการที่ฟื้นในเดือน พ.ค. ค่าเงินเอเชียแข็งค่า ส่วนเงินบาทที่แข็งค่า เป็นบวกต่อโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM), TVO, กลุ่มสื่อสาร, สายการบิน เป็นลบต่อกลุ่มส่งออก (เกษตรและอาหาร อิเล็คทรอนิคส์) และภาคท่องเที่ยว
(0) ติดตามมุมมอง Fed ต่อการฟื้นตัวของศก.สหรัฐและทิศทางของดอกเบี้ยในการประชุม 9-10 มิ.ย. ขณะที่ตลาดแรงงานฟื้นเร็วเกินคาด การจ้างงานพุ่ง 8.5 ล้านตำแหน่งในเดือน พ.ค. (จาก เม.ย. ที่ตกงาน 20.5 ล้านตำแหน่ง) อัตราว่างงานลดลงเป็น 13.3%
(+) กลุ่มค้าปลีก เริ่มฟื้นหลัง Reopen โดยเฉพาะ Home Improvement ที่ SSSG ตั้งแต่ 17 พ.ค. พลิกเป็นบวกทั้ง HMPRO (+11%), GLOBAL (+5-8%), DOHOME (+10%) แต่ 2QTD คาดทั้งกลุ่มติดลบสูง -13% Y-Y เทียบ 1Q20 ที่ -3% Y-Y เพราะ เม.ย. หดตัวหนักเฉลี่ย 40-50% ไม่เว้นแม้แต่ Consumer staple (CPALL, BJC, MAKRO) หากมองข้ามกำไรของกลุ่มปีนี้ที่คาด -7% Y-Y ปีหน้าจะกลับมาโต +16% Y-Y PE2021 เฉลี่ยที่ 28 เท่า ต่ำกว่าก่อน COVID-19 ที่ 30-32 เท่า เราจะปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2021 โดย CPALL ราว 85 บ.,BJC 57 บ., HMPRO 17 บ. GLOBAL 19 บ.และ MAKRO 41 บ. ชอบสุดคือ CPALL และ GLOBAL เพราะ Valuation ยังถูก
(+) SFLEX เราปรับเพิ่มการเติบโตของรายได้และกำไรในระยะยาวปี 2021-2024 เป็นเฉลี่ย 9.7% และ 11.5% CAGR ตามลำดับ จากเดิม 8.4% และ 9.2% ตามลำดับ จากตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible packaging) ที่โตรวดเร็วตามความต้องการในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก รวมไปถึงตลาดเวชภัณฑ์และยาก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพ สำหรับกำไรปี 2020 คาด +91% เป็น 150 ลบ. ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 11 บาทจากเดิม 7 บาท (DCF) แนะนำซื้อ
(0) SET50/100 Rebalance รอบ 2H20 เราคาด SET50 มีหุ้นเข้าคือ TTW หุ้นออกคือ DELTA ส่วน SET100 หุ้นเข้าได้แก่ ACE, BFIT, DOHOME, RBF หุ้นออกได้แก่ DELTA, MBK, PSL, THG ตลาดฯจะประกาศรายชื่อสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนี้
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปรับขึ้น 829.16 จุด ปิดที่ 27,110.98 จุด หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลจากรัฐบาลสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ดีกว่าคาด
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น จากความคาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และได้แรงหนุนจากการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา บรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงเดือนก.ค. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.นี้
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.14 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 39.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนกลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันที่ 6 มิ.ย. เพื่อหารือเรื่องการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก รวมถึงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังการตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ดีกว่าคาด
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 44.4 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 1,683 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดดาวโจนส์ปรับขึ้น และการแข็งค่าของดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1128.11 / -4.09
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 มิ.ย. - ญี่ปุ่น: 1Q20 GDP
9-10 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
15 มิ.ย. - จีน: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.)
16 มิ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สหรัฐ: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.)
17 มิ.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
18 มิ.ย. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 8 มิ.ย. 2563
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web