ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)บวกต่อ แต่น่าจะมีแรงขายสวนมามากขึ้นเช่นกัน

           KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ปรับขึ้นต่อ พร้อมความผันผวนที่จะสูงขึ้นต่อเนื่อง... หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ดัชนีฯ แรลลี่ต่อแรงกว่าที่เราคาด ปิดบวกอีก 1.75%... ทั้งนี้เรามองว่าสภาพคล่องที่หนุนตลาดหุ้น (liquidity-driven rally) น่าจะยังเป็นประเด็นหนุนตลาดหุ้นต่อในระยะสั้น ด้วยเหตุผลดังนี้ i) มีความคาดหวังมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเร็ว หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค. ออกมาดีเกินคาดอย่างมาก โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ล้านตำแหน่ง ii) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสประกาศขยายระยะเวลาการลดปริมาณการผลิตในระดับปัจจุบันไปอีก 1 เดือน หนุนราคาน้ำมันฟื้นตัวต่อในช่วงที่ภาวะอุปสงค์น้ำมันดูดีขึ้นด้วยเช่นกัน iii)

           เราประเมินว่าการประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ ในวันที่ 9-10 มิ.ย. นี้จะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมในส่วนของการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SME) ในสหรัฐฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางเฟดได้ออกมาตรการสนับสนุนในส่วนของตลาดการเงินไปมากแล้ว... อนึ่ง ดัชนี SET Index ได้ปรับขึ้นทะลุเป้าหมายปี 2563 ที่เดิมเราประเมินไว้ที่ 1,370 จุดในสัปดาห์ที่แล้ว และด้วยปัจจัยเพิ่มเติมได้แก่ การที่ฝั่งยุโรปเพิ่มขนาดของมาตรการ QE (หนุนสภาพคล่องและดันเป้าหมาย PE ของตลาดให้สูงขึ้น) และการที่จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศหลักๆ ไม่เร่งตัวขึ้น และหนุนความมั่นใจของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2563 และปี 2564 ฝ่ายวิจัยฯ จึงเพิ่มเป้าหมายดัชนีฯ สิ้นปี 2563 เป็น 1,512 จุด อิงเป้า PE ที่ 18 เท่า (เดิมใช้ 17.6 เท่า) และ EPS แบบ bottom-up ปี 2564 ที่ 84.0 จุด (เดิมเราอิง EPS แบบ top-down ที่ 78.0 จุด) ส่วนภาพตลาดระยะสั้นน่าจะผันผวนมากขึ้นตามระดับความสูง หากมีปัจจัยลบเข้าสู่ตลาดน่าจะเกิดการปรับฐานที่แรงและเร็วได้เช่นกัน

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)

เก็งกำไร TOP*, AMATA*, STEC*

TOP* (เป้าพื้นฐาน 68 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 50 บาท และ 48 บาท / แนวต้าน 52.5 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 55 บาท (Stop loss 45 บาท) 2) วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กลุ่มพลังงาน โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อการต่ออายุมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ส่งผลให้ราคาน้ำมันล่าสุดปรับขึ้นมา +40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q63 Turnaround จาก i) ไม่มีผลขาดทุนสต๊อกเช่นใน 1Q63 (อิงราคาน้ำมันปัจจุบัน) ii) ค่าการกลั่นดีขึ้น QoQ ... นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร หุ้นโรงกลั่นอื่น อาทิ SPRC* (รับ 7.5 / ต้าน 7.9 - 8.45 / Stop loss 7.15 บาท), ESSO* (รับ 7.0 / ต้าน 7.5 - 7.6 / Stop loss 6.5 บาท)

AMATA* (เป้าพื้นฐาน 15.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.6 บาท / แนวต้านแรก 16.2 บาท หากผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 17 บาท (Trailing stop 14.6 บาท) 2) คาดรับ Sentiment บวกจาก i) ภาครัฐฯเตรียมเซ็นสัญญาก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา (เดินหน้าโครงการอีอีซี) ii) การย้ายฐานการผลิต (ญี่ปุ่นย้ายฐานจากจีนมาไทย) iii) รัฐบาลออกนโยบายลดภาษีที่ดินปีนี้ 3) Valuation ยังไม่แพง PE ปีนี้ 13.7 เท่า (เฉลี่ยอดีต 17.8 เท่า), PBV 1.19 เท่า (เฉลี่ยอดีต 1.3 เท่า) ... นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร WHA* แนวรับ 3.26 บาท / แนวต้าน 3.4 - 3.6 บาท (Stop loss 3.2 บาท) 

STEC* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 16.3 บาท / แนวต้าน 17.0 - 17.7 บาท (Stop loss 15.3 บาท) 2) คาดรับ Sentiment บวกจากการที่ภาครัฐฯเตรียมเซ็นสัญญาโครงการสนามบินอูตะเภา (คาดงานก่อสร้างเฟสแรก 2 หมื่นล้านบาท) และงานมอเตอร์เวย์ (5 พันล้านบาท) โดย Backlog ปัจจุบัน 7.3 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมงานที่กำลังจะเซ็น) 3) 2H63 ผลการดำเนินงานจะดีขึ้น HoH จากการเริ่มงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าของ GULF*

หุ้นมีข่าว

(+) MINT* ย้ำการเงินแกร่ง อัดแคมเปญดึงท่องเที่ยว (ไทยโพสต์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ในการแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่การดำรงอัตราส่วนทางการเงินที่ระบุในข้อกำหนดสิทธิ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 2-4 เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้กับบริษัท และไม่ให้บริษัทผิดข้อกำหนดในการดำรงอัตราส่วนทางการเงินภายใต้ข้อกำหนดสิทธิ

(+ กลุ่มโรงแรม CENTEL*, ERW*) ททท.นัดถกโรงแรม-แอร์ไลน์ ปิ๊งไอเดีย 'สวอปตั๋ว' เที่ยวไทย (กรุงเทพธุรกิจ) แทนตั๋วเที่ยวนอก เหตุติด ข้อจำกัดเดินทางคุมโรคโควิด "ททท." ปิ๊งไอเดียเล็งนัดผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ ทั้ง "โรงแรม-แอร์ไลน์-โอทีเอ" ถกความเป็นไปได้ เปิดช่องนักท่องเที่ยวไทยสวอปเครดิต วงเงินค่าตั๋วบิน-ที่พักทริปต่างประเทศ พร้อมมอบส่วนลดเพิ่ม หวังเปลี่ยนใจให้หันมาเที่ยวในประเทศแทน

(+) SAWAD* ดันสินเชื่อโต 30% ไร้ปัญหาไถ่ถอนหุ้นกู้ Q3 (ข่าวหุ้น) "ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น" (SAWAD*) มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 20-30% ตามเป้า แม้ผลงานไตรมาส 2/63 ชะลอจากโควิด-19 พร้อมเตรียมเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ครบกำหนดในไตรมาส 3/63 วงเงิน 1.7-1.8 พันล้านบาท ยันสภาพคล่องเพียงพอ

(+) 'สุขุมวิทยา' เก็บ JMART ถือเพิ่มอีก 27.0 ล้านหุ้น (ข่าวหุ้น) รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2563 นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ซื้อหุ้น บมจ.เจมาร์ท (JMART) รวม 19,237,500 หุ้น และนายเอกชัย สุขุมวิทยา ซื้อหุ้นรวม 7,819,479 หุ้น รวมทั้งหมดจำนวน 27,056,979 หุ้น ในช่วงราคาระหว่าง 8.15-9.22 บาท/หุ้น

(+ ECF, SCN, META) GEP เตรียมยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหุ้น หวังระดมทุนลุยโซลาร์ฟาร์มมินบูต่อเนื่อง (ข่าวหุ้น) "SCN-ECF-META" เตรียมดันบริษัทร่วมทุน "GEP" เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังระดมทุนเดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มมินบูในเมียนมา 220 เมกะวัตต์ มูลค่า 7 พันล้านบาท พร้อมลุยขยายกำลังผลิตเพิ่มเท่าตัวใน 3-5 ปีข้างหน้า

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

หุ้นที่แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนดจุดล็อกกำไร Trailing stop: INTUCH* (Trailing stop 54 บาท), TMB (Trailing stop 1.15 บาท), MTC* (Trailing stop 54 บาท), BPP* (Trailing stop 17.3 บาท), CPF* (Trailing stop 31 บาท), TFG (Trailing stop 4.30 บาท), BAFS (Trailing stop 25 บาท)

RS* (เป้าพื้นฐาน 13.2 บาท) แนวรับ 12 บาท / แนวต้าน 12.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 11.5 บาท)

HANA* (เป้าพื้นฐาน 36 บาท) แนวรับ 30 บาท / แนวต้าน 32.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 29 บาท)

EA* (เป้า Consensus 59.5 บาท) แนวรับ 42 บาท / แนวต้าน 44 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 41 บาท)

JMART (เป้าพื้นฐาน 9.8 บาท) แนวรับ 9.35 บาท / แนวต้าน 10.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 9.0 บาท)

CENTEL* (เป้าพื้นฐาน 26 บาท) แนวรับ 24.3 บาท / แนวต้าน 26.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 24.0 บาท) 

BCPG* (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) แนวรับ 17.0 บาท / แนวต้าน 17.5 - 18.0 บาท (Trailing stop 16.5 บาท)

GGC (เป้า Consensus 9.93 บาท) แนวรับ 9.4 บาท / แนวต้าน 9.7 - 10.0 บาท (Trailing stop 9.15 บาท)

EGCO* (เป้าพื้นฐาน 370 บาท) แนวรับ 270 บาท / แนวต้าน 287 - 310 บาท (Stop loss 260 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

กลุ่มพลังงาน น้ำหนักลงทุน "เท่ากับตลาดฯ" ฝ่ายวิจัยฯมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการตัดสินใจต่ออายุมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอกเปกพลัส (OPEC+) ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบล่าสุดปรับขึ้นมา +40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล แนะนำ "เก็งกำไร" PTTEP*, PTT*, และ PTTGC* โดยฝ่ายวิจัยฯปรับคำแนะนำ PTTGC* ขึ้นจากเดิม "ขาย" เป็น "ถือ" (แม้สถานการณ์ของ PTTGC* ล่าสุดจะดีขึ้น แต่ใน 2H63 ยังเสี่ยงปัญหา Oversupply ปิโตรเคมี จึงยังแนะนำเพียง "ถือ") สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มยังเลือก โรงกลั่น TOP*, ESSO* และ SPRC* (คาด 2Q63 เริ่ม Turnaround)

BTS* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 13.5 บาท จากการ Conference call ฝ่ายวิจัยฯประเมินภาพรวมพื้นฐานระยะยาวยังคงเดิม แต่ปัจจัยลบระยะสั้นเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังกดดันผลการดำเนินงาน 1Q64 (มี.ค.-มิ.ย.) ทั้งนี้งานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ปี 2564 (ปิดงบเดือน มี.ค.) ให้เติบโต คงคำแนะนำ "ซื้อ"

ที่มา: บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ประจำวันที่ 8 มิ.ย. 63