WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 5-6-2020บล.เออีซี2 420x280

AECS Daily Focus

Market Outlook

วันนี้คาด SET Index ดีดตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้าน EMA 200 วัน บริเวณ 1,430 จุด จากแรงหนุนด้านสภาพคล่องหลัง ECB อัดฉีดเม็ดเงินอีกกว่า 6 แสนล้านยูโร ขณะที่ปัจจัยในประเทศหนุนด้วยมาตรการฟื้นเศรษฐกิจรวมถึงการผ่อนคลายล็อกดาวน์ต่อเนื่องหลังควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ดี ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,400-1,430 จุด

Market Factor

  • •   (+) การประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ระดับ -0.5% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% แต่อย่างไรก็ดี ECB ได้ประกาศเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินอีก 6 แสนล้านยูโรจากเดิม 7.5 แสนล้านยูโรรวมเป็น 1.35 ล้านล้านยูโรและขยายระยะเวลาเข้าซื้อสินทรัพย์จากเดิมสิ้นปี 63 เป็นเดือน มิ.ย. ปี 64 เพื่อลดผลกระทบของการแพร่ระบาด COVID-19
  • •   (-) ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ระดับ 1.877 ล้านรายมากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 1.8 ล้านราย แต่ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงจากการประท้วงภายในประเทศและเชื้อ COVID-19 ที่อาจเร่งตัวขึ้น
  • •   (+) ศบค.เผยเตรียมผ่อนคลายล็อกดาวน์ หรือ ออกมาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 4 ให้กับ 12 กิจการกลุ่มเสี่ยง ครอบคุลมสถานศึกษา สนามกีฬา การจัดแสดงสินค้า งานอีเวนท์ สถานบันเทิง สวนสนุก การถ่ายทำภาพยนต์ เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ)
  • •   (+) ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.63 อยู่ที่ 48.2 จาก 47.2 ในเดือนเม.ย.63 เป็นการฟื้นตัวครั้งแรกรอบ 15 เดือน หลังเริ่มผ่อนคลายภาคธุรกิจ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือน พ.ค. อยู่ที่ 40.2 จากเดือนเม.ย.63 ที่อยู่ในระดับ 39.2 ขณะที่เศรษฐกิจไทยช่วง 2Q63 คาดติดลบ 10% คงเป้าทั้งปีติดลบ 3.5-5% (ประชาชาติธุรกิจ)
  • •   (0) กระทรวงพาณิชย์ เผย ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อ เดือน พ.ค.63 อยู่ที่ 99.76 ลดลง -3.44%YoY แต่ ขยายตัว 0.01%MoM ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ปี 63 เฉลี่ย -1.04% พร้อมคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 63 เคลื่อนไหวในช่วง -1.0 ถึง -0.2% (อินโฟเควสท์)
  • •   รายงาน สธ.ประจำวันที่ 4 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,101 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
  • •   อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.91% (5.8% DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.36% (6.3% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.8% (8.1% DoD)
  • •   ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 67.0 บ. หรือลดลง 34.2%YTD
  • •   Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิเป็นวันที่สี่ติดกันอีก 2,469.57 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิอยู่ที่ 5,953.0 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 3,879.95 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 6,327.98 ลบ.

Investment Strategy

ช่วงที่เหลือสัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 1,390-1,400 จุด จากปัจจัยหนุน 1) การออกมาตรการผ่อนคลายเฟสสาม และแนวโน้มการผ่อนมาตรการควบคุมในเฟสถัดไปหลังรายงานจาก ศบค.สะท้อนการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง 2) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มคลี่คลายทั้งด้านอุปสงค์จากการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังมาตรการผ่อน Lockdown และด้านอุปทานจากปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลงของ OPEC+ บวกกับรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ 3) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก อย่างไรก็ดีควรระมัดระวังแรงขายเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงหลัก ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่อ่อนไหวมากขึ้น หลังฝั่งสหรัฐฯยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ฮ่องกง ตอบโต้ที่จีนอกกฎหมายควบคุมฮ่องกงเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากต่างชาติ   2) สถานการณ์การประท้วงที่รุนแรงและขยายวงกว้างจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของฟลอยด์ และ 3) การทยอยปรับประมาณการกำไรของบริษัทฯ จดทะเบียนหลังสิ้นสุดรายงานผลประกอบการช่วง 1Q63 คาดกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ่งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,360-1,390 จุด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร

กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ     ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)

  • •  
  • •   Trading Idea
  • •   หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงานตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
  • •   กลุ่มผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน : แนะนำเก็งกำไร SUSCO, PTG ด้วยสองปัจจัยหนุน 1) ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันมากขึ้นหนุนอุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2) อุปทานที่ลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้นตอบรับการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ Russia เริ่มลดกำลังผลิตแล้วในเดือน พ.ค.นี้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดทุนสต็อกน้ำมันในช่วง 2Q63

4-Jun-20   Change (pts.)   2-Jun-20

SET Index   1,411.01   36.83   1,374.18

SET50 Index   946.71   27.66   919.05

SET100 Index   2,084.30   57.82   2,026.48

High   1,413.54   Gainers   994

Low         1,393.21       Unchanged   279

Value (Bt m)   122,562.18   Losers   552

Volume (*000)   26,258,940        

Market Valuation

SET Data   2019F   2020F   Long Term

Fwd PER (x)   21.1   16.8   16.8

EPS Growth (%)   13.9   9.3   -20.1

EV/EBITDA (x)   13.1   11.4   10.4

FWD PBV (x)   1.6   1.5   1.5

Dividend Yield (%)   2.7   2.9   3.2

ROE   7.0   8.2   8.5

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt   4-Jun-20   WTD   MTD   YTD

Institution   3,879.95   6,327.98   6,327.98   73,914.07

Proprietary   1,476.71   2,866.05   2,866.05   336.54

Foreign     2,469.57   5,953.00   5,953.00   (187,976.10)

Individual   (7,826.23)   (15,147.03)   (15,147.03)   113,725.50

AECS ( Fundamental and Strategic Team )

ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)   [email protected]

ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

ชัยรัตน์ คงสุนทร

สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!