- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 June 2020 13:18
- Hits: 3485
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 4-6-2020
“จ้างงานเอกชนดีกว่าคาด คาดหุ้นวัฎจักร-หุ้นฟื้นตัวมา”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันอังคารปรับขึ้นต่อ มี Flow เข้ามาในเอเซีย ปิด +21.81 จุด ที่ 1374.18 จุด มูลค่าซื้อขายสูงขึ้น 71 พันลบ.ตลาดปรับขึ้นเหมือนภูมิภาค มีเม็ดเงินไหลเข้า ต่างชาติซื้อสุทธิมากขึ้น เงินบาทแข็งค่า ยังรับข่าวบวกจากการคลายล็อกดาวน์ระยะ 3 และทั่วโลก ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ช่วงบ่ายมีข่าวดีครม.ให้ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 90% ซื้อสุทธิมาก-ต่างชาติ ขายสุทธิมาก-รายย่อย ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายลดลงเป็น 190 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET มีโมนตัมจะไปต่อได้ ตัวเลขจ้างงานสหรัฐดี ติดตามจ้างงานนอกภาคการเกษตร ประชุมโอเปกพลัส ปัจจัยบวกมีมาก ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและดัชนีภาคบริการออกมาดี การชุมนุมสหรัฐเป็นแบบสงบ ราคาน้ำมันวานนี้ปรับขึ้นต่อ ดาวโจนส์บวกต่อเนื่อง วานนี้ +527 จุด ขายทองคำเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง เช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สและตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับขึ้นดี ด้านไทยมีการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ถึง 90% วันนี้ประชุมช่วยเหลือ 5 พันบาท สำหรับผู้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ และมีแรงซื้อจาก SSFX หมด มิ.ย.นี้ สำหรับปัจจัยลบคือ หากมีผู้ติดเชื้อ Second Wave การกีดกันการค้าจีน-สหรัฐ การประชุมโอเปกพลัสจะเลื่อนหรือไม่ น้ำมันล่วงหน้าเช้านี้กลับปรับลง และแรงกระเพื่อมการเมืองไทย หลังกรรมการบริหารพรรค พปชร.ลาออก กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1350-1400 จุด ตัวเลขสหรัฐดี คาดว่าจะมีการเก็งกำไรหุ้นวัฎจักร เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี และหุ้นฟื้นตัว เช่น สนามบิน โรงแรมและการบินระยะนี้เก็งกำไร SET-50, SET-100 เข้า-ออก ประกาศกลาง มิ.ย.63 ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIFF,AIMIRT,HREIT หุ้นได้ประโยชน์คลายล็อคดาวน์เฟส 3- SPA,MAJOR,CPN ด้านหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี- จะมีการประชุมโอเป็กพลัส ลดกำลังการผลิตนานขึ้นหรือไม่วันนี้หรือ 4 มิ.ย.63 และจับตาท่าทีรัสเซีย ติดตามผลการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 จะมี SECOND WAVE หรือไหม่ ทราบผลราว 15 มิ.ย.63 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ 1 มิ.ย.63 (ฟักตัว 14 วัน) และอาจเก็งกำไรผ่อนคลายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในกลุ่มอสังหาฯและนิคมฯ แนวรับคือ 1300-1280 จุด และ แนวต้าน 1380-1400 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1340 จุด
# Stock Pick Today : PTT เก็งกำไรราคาน้ำมันขึ้น OPEC+ ประชุมวันนี้ คาด 2Q63F จะดีขึ้น QoQ เพราะค่าการกลั่นฟื้นตัวจากราคาน้ำมันดิบลดลง, ความผันผวนของราคาน้ำมันน้อยลงทำให้จะขาดทุนสต็อกไม่มากเท่ากับไตรมาสแรกปีนี้, สเปรดปิโตรเคมีกลุ่มโอเลฟินส์ดีขึ้นจากต้นทุนที่ต่ำลง (แต่อะโรเมติกส์อ่อนลง) รวมถึง FXกระทบน้อยลง แต่บางส่วนจะถูกชดเชยด้วยขาดทุน NGV เพิ่ม แม้ราคาพื้นฐานเท่าราคาปิด 37 บาท แต่อยู่ในช่วงปรับให้สูงขึ้น แนวต้านถัดไป 40 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นบวก อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเป็นบวก แบบพร้อมเปลี่ยนเป็นลบตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1380 (หรือ 1390 – 1400) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1340” (แนวรับย่อย “1300 / 1280 –1250”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มพลังงาน : ราคาน้ำมันปรับขึ้นจากคาดหวังอุปสงค์ฟื้นตัวมาเร็วกว่าที่คาด
Company Guide : STI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.46)
VGI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 7.13)
Stock in Focus : RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 28.00)
Flash Note : BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.80)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: การจ้างงานของภาคเอกชน พ.ค.ลดลงต่ำกว่าคาด มูดี้ส์ อนาลิติกส์ชี้อาจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
# ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 2.76ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. แต่ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 8.75 ล้านตำแหน่ง และดีกว่าในเดือนเม.ย.ที่ตัวเลขจ้างงานทรุดตัวลง 19.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นภาวะการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2545
# นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ อนาลิติกส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนพ.ค.อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานได้ผ่านภาวะย่ำแย่ที่สุดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
+ สหรัฐ: ดัชนีภาคบริการ พ.ค. ดีดตัวขึ้น และดีกว่านักวิเคราะห์คาด
# รายงานผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ45.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 44.0 หลังจากดิ่งลงแตะ 41.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552
+ สหรัฐ: มีความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ และการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ
# ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เคยนำมาใช้อย่างเข้มงวดในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก นอกจากนี้ การชุมนุมประท้วงในสหรัฐที่เริ่มเป็นไปอย่างสงบ ก็เป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเช่นกัน
• สหรัฐ: จับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
# นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%
+ ปัจจัยต่างประเทศวันอังคาร: ดาวโจนส์ น้ำมันปรับขึ้นดี แต่ทองคำปรับลง
# ดาวโจนส์ปิดที่ 25,742.65 จุด พุ่งขึ้น 267.63 จุด นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าการคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ในขณะนี้สหรัฐกำลังเผชิญกับการประท้วงที่รุนแรงก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเกือบ 4% แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรซึ่งรวมถึงรัสเซีย (โอเปกพลัส) จะบรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
# ทองคำตลาด COMEX ลด 16.3 ดอลลาร์ มีแรงขายคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวหลังรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 527.24 จุด รับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนดีกว่าคาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) ขานรับตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก 48 เซนต์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) ขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงเหนือความคาดหมาย อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
# สื่อรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงเดือน ก.ค.จากเดิม เม.ย. ขณะที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเตือนชาติสมาชิกให้ยุติการโกงโควตาการผลิตน้ำมัน มิฉะนั้นโอเปกพลัสอาจระงับการปรับลดกำลังการผลิต
• ทองคำ: ทองปิดร่วง $29.2 นลท.ทุบขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นพุ่ง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศออกมา
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนเม.ย., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2563 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- หุ้นเข้า-ออก SET50 SET100 ประกาศกลาง มิ.ย.63 มีผลครึ่งหลังปี 63
# จาก Consensus SET50 พบว่า (+) หุ้นเข้า: TTW, BPP (-) หุ้นออก: DELTA, BANPU
# ส่วน SET-100 พบว่า (+) หุ้นเข้า: ACE,WHAUP,DOHOME,TVO,SIRI,RBF,SISB,AAV
(-) หุ้นออก: DELTA,MBK,THG,THAI,STPI,BGC,SGP,PSL
+ ครม.วันอังคารมีมติเห็นชอบออก พ.ร.ฎ.ลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90%
# วันอังคารที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบออก พ.ร.ฎ.ลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% เฉพาะปีภาษี2563 เพราะหากเก็บเต็มอัตราตามพ.ร.บ.ฉบับใหม่จะส่งผลให้ประชาชนก็มีความเดือดร้อนในช่วงนี้ จึงให้ปรับลดภาษีนี้ก่อน และการขยายเวลาชำระภาษีไปเป็นเดือน ส.ค.63 (Aspen)
#วิธีคำนวณการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 90% สมมุติที่ดินรกร้างมูลค่า 5 ล้านบาท จัดเก็บภาษี 0.3% = 15,000บาท ลด 90% จะเสียเพียง 1,500 บาท แต่พิจารณาว่าเป็นประเภทใดเช่น เกษตรกรรม ที่อยู่อาศัยฯ ซึ่งอัตราภาษีต่างกันแล้วคิด 10% สำหรับที่อยู่อาศัย ปัจจุบันเสีย 0.02%-0.1%
# ผลกระทบ: เป็นบวก ฝั่งประชาชนมีภาระน้อยลง กำลังซื้อดีขึ้น ผู้ประกอบการประหยัดภาษีได้ ก็จะดีกับหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย ที่แนะนำซื้อคือ LH,AP,SENA,LALIN,PRIN แต่คนมี land bank มากเป็น PF อาจมีการเก็งกำไร แต่พื้นฐานยังแนะนำ เต็มมูลค่า (FV) อย่างไรก็ตามยังไม่กระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัย เท่ามาตรการอื่นๆ เช่น การผ่อนคลายเกณฑ์ LTVซึ่งทำให้มีภาระดาวน์สูง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนิคมฯที่ได้ประโยชน์จาก Land Bank ที่มีอยู่จำนวนมาก แนะนำเก็งกำไรAMATA,WHA และ ROJNA
+ ครม.เห็นชอบกลุ่มบีบีเอสร่วมทุนพัฒนาอู่ตะเภา
# แหล่งข่าวจากคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออกเปิดเผยวันอังคารว่า ครม. ให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนคือ กลุ่มบีบีเอส ซึ่งประกอบด้วย BA, BTS และ STECร่วมลงทุนในโครงการฯ มูลค่าลงทุน 2.9 แสนล้านบาท เบื้องต้นกำหนดวันลงนามสัญญากับเอกชนในวันที่ 19 มิ.ย.63เวลาประมาณ 9.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล (อินโฟเควสท์)
# ผลกระทบ: เป็นบวก ทาง BA และ BTS จะได้งานในส่วนบริหารสนามบิน และ STEC จะได้งานในส่วนรับเหมาก่อสร้างในมูลค่าสูง แต่ต้องติดตามการบริหารต้นทุน เพราะเสนอราคาที่ให้ผลประโยชน์ภาครัฐมาก ซึ่งอาจเป็นประเด็นกังวลเรื่องอัตรากำไรที่จะได้รับว่าต่ำหรือไม่ในอนาคต สำหรับคำแนะนำปัจจุบันคือ ซื้อ สำหรับ BA, BTS และ ถือสำหรับ STEC
+ ประชุม 4 มิ.ย.พิจารณาแจกเงิน 5,000 บาท 3 เดือน ให้กับผู้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ
# คณะกรรมการกำกับดูแลด้านผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประกอบด้วยปลัดกระทรวง 10กระทรวง จะมีการประชุมในวันที่ 4 มิ.ย.โดยจะเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาแจกเงิน 5,000 บาท 3 เดือน ให้กับกลุ่มที่ลงทะเบียน "เราไม่ทิ้งกัน" ไม่สำเร็จ 1.7 ล้านราย ซึ่งหากอนุมัติจะต้องมาคัดกรองว่ากลุ่มนี้ผ่านคุณสมบัติจะได้รับเงินกี่รายเพราะไม่ใช้ได้หมดทุกคน เนื่องจากกลุ่มนี้ยังไม่เคยผ่านการตรวจสอบสิทธิ เงื่อนไข
-/+ ธปท. กังวลเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความกังวลว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่า โดยธปท.จะเข้ามาดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งพร้อมพิจารณาดำเนินมาตรการเพื่อไม่ให้การแข็งค่าของเงินบาทซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจ
# ผลกระทบ: เงินบาทแข็งค่ากระทบทางลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านลบ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวเสียประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้น้อยลงเป็น sentiment ลบกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์ได้ประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TASCO, TOP, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH,COM7, SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ โรงไฟฟ้าต่างๆเป็นต้น อีกทั้งในยามตลาดหุ้นดี นักลงทุนต่างชาติจะได้ประโยชน์ 2 ต่อ คือกำไรจากทั้งตลาดหุ้นและตลาด FX (ใช้เงินบาทน้อยลงในการแลกเป็นเงินเหรียญ)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web