- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 June 2020 12:08
- Hits: 4026
บล.ทรีนีตี้ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 4-6-2020
ปรากฏการณ์ Risk-on ทั่วโลกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังนักลงทุนยังคงเลือกที่จะโฟกัสแต่ปัจจัยด้านบวกอย่างเช่น การเปิดประเทศหรือ Reopening ซึ่งน่าจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยปรับตัวดีขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยถูกเทขายอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทองคำ เงินเยนญี่ปุ่น หรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และทำให้การแกว่งตัวของสินทรัพย์เสี่ยงยังคงทรงตัวในระดับสูงรวมถึงราคาน้ำมัน ถึงแม้จะมีข่าวลบออกมาล่าสุด (รายละเอียดด้านล่าง) มองปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ นำโดยกลุ่มที่มีน้ำหนักสูงสุดในตะกร้าหุ้น MSCI Thailand ได้แก่ CPALL, PTT, SCC, AOT, ADVANC, BDMS, CPF, PTTEP, INTUCH, KBANK
ในเชิงกลยุทธ์ ประเมิน SET Index มีลุ้นปรับขึ้นยืนเหนือระดับ 1,400 จุดในวันนี้ ดังนั้นจึงแนะนำ Let profit run หุ้นในพอร์ตต่อไป จนกว่าดัชนีจะปรับขึ้นถึงเป้าหมายแนวต้านของเราในเดือนนี้ที่ 1,420 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ตึงตัวในเชิง Valuation และไม่สามารถปรับขึ้นได้อีกแล้ว เนื่องจากอิงกรณี Forward PE ดีสุดของเราที่ 16.8 เท่าแล้ว ซึ่งในระยะสั้นคงจะไม่สามารถอาศัยธีม PE Expansion ได้อีก เนื่องจากเราคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยไปก่อนในการประชุมเดือนนี้ (รายละเอียดด้านล่าง) รวมถึงอิงกับประมาณการ EPS ปีหน้าที่ 84.5 บาท ซึ่งล่าสุดใน Bloomberg consensus ถูกปรับลงเหลือเพียง 83.9 บาทเท่านั้น
Fund flow มีสัญญาณดีขึ้นตามลำดับ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยถึงเกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ระยะยาว ในขณะที่ตลาดหุ้นก็ซื้อสุทธิราว 2 พันล้านบาท มองการเข้ามาของ Fund flow รอบล่าสุดนี้เกิดจากปรากฏการณ์ Carry trade ที่มีที่มาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่า จนทำให้ล่าสุดสกุลเงินต่างๆในเอเชียปรับตัวแข็งค่ากันถ้วนหน้า ไม่ใช่เฉพาะเงินบาทของไทยแต่อย่างเดียว
Oil: คาดราคาน้ำมันดิบปรับตัวผันผวนในระยะสั้นหลังมีข่าวลบออกมาวานนี้ว่าการประชุม OPEC+ ที่ตอนแรกหลายฝ่ายคาดว่าอาจเลื่อนเข้ามาเป็นวันนี้อาจไม่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากซาอุฯและรัสเซียไม่มั่นใจว่าหากทางกลุ่มมีมติต่ออายุการลดกำลังการผลิตที่ 9.7 ล้านบาร์เรลออกไปอีก 1 เดือน ประเทศอื่นๆในกลุ่มอย่างเช่นอิรักและไนจีเรีย จะมีการฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่ นอกจากนั้นการประชุมที่จะมีกำหนดเดิมในวันที่ 9-10 มิ.ย.อาจจะไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ หากยังมีความไม่ลงรอยเกิดขึ้นในกลุ่ม ในส่วนมุมมองของเรา ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบันได้มีการ Price in สองประเด็นบวกไปพอสมควร นั่นก็คือ 1) การเปิดเมืองทั่วโลก และ 2) การต่ออายุการลดกำลังการผลิตวันละ 9.7 ล้านบาร์เรลของกลุ่ม OPEC+ ออกไปอีก 1 เดือน ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ 'Overweight' กลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมีในช่วงนี้แล้ว และหันเข้า Focus กลุ่มหุ้น Domestic play แทน ซึ่งในเดือนนี้ ยังคงมีกลุ่มที่เราแนะนำได้แก่ 1) โรงไฟฟ้า เช่น BGRIM, GPSC, GULF, RATCH, EGCO 2) สื่อสาร เช่น ADVANC, INTUCH 3) ขนส่งมวลชน ได้แก่ BEM, BTS 4) อาหาร เช่น CPF และ 5) ธุรกิจ AMC ได้แก่ JMT
CPI: สำหรับปัจจัยวันนี้ แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปของไทยประจำเดือนพ.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์การเติบโตที่ระดับ 0.3% และ -3.2% ตามลำดับ หากเงินเฟ้อทั่วไปออกมาในระดับติดลบจริง จะถือเป็นการหดตัวเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนในแง่ Implication ต่อการลงทุนนั้น จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรแท้จริงของไทยยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาค ซึ่งทำให้พันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าสนใจ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web