- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 June 2020 11:49
- Hits: 4179
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 2-6-2020
“PMI การผลิตจีน-สหรัฐดีขึ้น-ต่างชาติซื้อสุทธิต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับตัวสูงขึ้นต่อ ต่างชาติซื้อสุทธิอีก ปิด +9.52 จุด ที่ 1352.37 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 65 พันลบ.ตลาดปรับขึ้นน้อยกว่าภูมิภาค ยังรับข่าวบวกจากการคลายล็อกดาวน์ระยะ 3 ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดีกว่าคาด มีข่าวการเมือง กรรมการบริหารพรรค พปชร.ลาออก มีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มธนาคาร พลังงาน และเก็งกำไร SUPER ซื้อสุทธิมาก-ต่างชาติ ขายสุทธิมาก-รายย่อย ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงเป็น 193 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET ยังมีแนวโน้มดี ภาคการผลิตจีน-สหรัฐดีขึ้น โอเปกพลัสประชุมเร็วขึ้น แต่จีนนำเข้าจากสหรัฐลดลง ปัจจัยบวกคือ ทั้งจีนและสหรัฐประกาศดัชนีภาคการผลิต (PMI) พ.ค.ดีขึ้นกว่าคาด นักลงทุนคาดหวังเศรษฐกิจดีขึ้น หลังทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ ดาวโจนส์ +92 จุด มีแรงขายทองคำเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง ดัชนีกังวลอยู่ในระดับต่ำ 28.2 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิอีก เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแลดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้น ด้านปัจจัยลบคือ จีนสั่งให้บ.รัฐบาลนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐลดลง ตัวเลขการใช้จ่ายก่อสร้างสหรัฐ เม.ย.ปรับลง ราคาน้ำมัน WTI วานนี้ลดลงเล็กน้อย เช้านี้ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลด สำหรับไทย มีความกังวลบาทแข็งค่าเร็ว กระทบส่งออก การเมือง-กรรมการบริหารพรรค พปชร.ลาออก จะมีการปรับครม.หรือไม่ กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1330-1380 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูงขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIFF,AIMIRT,HREIT,BKER,DREIT,TPRIME,TFFIF หุ้นได้ประโยชน์คลายล็อคดาวน์เฟส 3- SPA,MAJOR,CPN ส่วนโรงแรมแม้มีการเก็งกำไรเรื่องจะให้ภาครัฐช่วยเยียวยา ด้วยการออกค่าตั๋วหรือลดค่าที่พักโรงแรมลงถึง 50% ในการท่องเที่ยวในประเทศ แต่ยังมีความไม่แน่นอน จึงเป็นความเสี่ยง ด้าน AAV มีข่าวจะควบรวมกิจการ แต่ยังไม่ชัดเจน ด้านหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี- จะมีการประชุมโอเป็กพลัสลดกำลังการผลิตอีกหรือไม่ 4 มิ.ย.63 และจับตาท่าทีรัสเซีย แนวรับคือ 1300-1280 จุด และ แนวต้าน 1360-1380 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1330 จุด
# Stock Pick Today : HMPRO ได้ประโยชน์ขยายเวลาปิดห้างเป็น 3 ทุ่ม และขยายเวลาเคอร์ฟิวส์ ทำให้ผู้บริโภคมีเวลาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จะทำให้การดำเนินงานทยอยกลับมาดีขึ้นตามลำดับ หลังจากผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง เม.ย.63 ซึ่งมีการปิดห้างสรรพสินค้า จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แม้ปีนี้คาดว่ากำไรลดลง 14% y-o-y แต่ปีหน้าจะกลับมาฟื้นตัวถึง 25% เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 15.20 บาท (DCF)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นบวก อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เป็นบวก แบบพร้อมเปลี่ยนเป็นลบตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน1360 (หรือ 1380) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1330” (แนวรับย่อย “1300 – 1280 / 1250”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Monthly Update : Investment Strategy in New Normal
Company Guide : IMPACT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.50)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ จีน: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนซึ่งดีดตัวขึ้นในเดือนพ.ค.
# วานนี้มีรายงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 50.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 49.4 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 49.6 โดยตัวเลขที่อยู่เหนือระดับ 50บ่งชี้ว่าภาคการผลิตจีนกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
+ โควิด-19: นักลงทุนมองเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังโรคระบาดผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
# เกิดความหวังที่ว่า ผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว และเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวหลังจากนี้
- สงครามการค้าจีน-สหรัฐ: รัฐบาลจีนได้สั่งการระงับการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ
# นักลงทุนจับตาสถานการณ์ระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากสื่อรายงานว่า รัฐบาลจีนได้สั่งการให้บริษัทขนาดใหญ่ของรัฐบาลระงับการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง ทำให้นักลงทุนวิตกว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่จีนทำไว้กับสหรัฐในต้นปีนี้
+ สหรัฐ: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต พ.ค.ปรับตัวขึ้นดี
# ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 36.1 ในเดือนเม.ย.
- สหรัฐ:การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 2.9% ในเดือนเม.ย.ลดลงมากสุดตั้งแต่ ม.ค.52
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 2.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากทรงตัวในเดือนมี.ค.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 91.91 จุด รับความหวังศก.สหรัฐฟื้นตัว
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเมื่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นในเดือนพ.ค. โดยแรงหนุนเหล่านี้ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในสหรัฐและความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน
- น้ำมัน: WTI ปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนจับตาประชุมโอเปกพลัส
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดในแดนบวก ขานรับรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน ก่อนที่การประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
• ทองคำ: ปิดลบ $1.4 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ค.ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งเหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นในสหรัฐ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศออกมา
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.จากADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,ดุลการค้าเดือนเม.ย., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2563 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/+ ธปท. กังวลเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความกังวลว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่า โดยธปท.จะเข้ามาดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งพร้อมพิจารณาดำเนินมาตรการเพื่อไม่ให้การแข็งค่าของเงินบาทซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจ
# ผลกระทบ: เงินบาทแข็งค่ากระทบทางลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านลบ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวเสียประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้น้อยลงเป็น sentiment ลบกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์ได้ประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO,TASCO,TOP,IRPC,BCP,SAT,STANLY,AH, COM7,SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ โรงไฟฟ้าต่างๆเป็นต้น
+ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนพ.ค.63 เพิ่มเล็กน้อย m-o-m
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนพ.ค.63 พบว่า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 34.4เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเม.ย. โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบและในหลายธุรกิจ ทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต ยกเว้นกลุ่มผลิตยานยนต์และกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ดัชนีฯ ยังคงลดลงต่อเนื่อง และอยู่ในระดับต่ำมาก เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้าราคาสูงของผู้บริโภคลดลงภายใต้ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ
-การเมืองไทย: นายกฯ ระบุ กก.บห.พรรค พปชร.เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องภายใน ยังไม่มีผลให้ต้องปรับครม
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ยื่นหนังสือลาออก 18 คน ซึ่งมากกว่ากึ่งหนึ่ง ทำให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งและต้องมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ว่า ถือเป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐ (อินโฟเควสท์)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web