- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 29 May 2020 13:47
- Hits: 3214
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-5-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ผันผวนบวกสลับลบ โดยมีแรงซื้อมากในกลุ่มธนาคารพาณิชย์พยุงตลาด ในขณะที่กลุ่มพลังงานถูกขายทำกำไรตอบรับราคาน้ำมันดิบที่ย่อตัวสั้น โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,337.51 (-7.60 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 763 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,464 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 1,069 สัญญา)
MTC (ราคาเป้าหมาย 55.0 บาท) สรรพสามิตสรุปยังไม่ลดภาษีรถยนต์ใหม่ ส่งผลให้กลุ่มที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันคลายความกังวล หนุนราคาหุ้นฟื้นตัว ผสานกับการได้รับอานิสงส์บวกจากดอกเบี้ยต่ำ และสินเชื่อที่ยังขยายตัวดี เพิ่มความน่าสนใจในการเก็งกำไร
แกว่งสร้างฐาน / จับตา MSCI อาจผันผวนท้ายตลาด : ภาวะของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นยังคงแกว่งตัวผันผวน โดยสำหรับทางด้านอุปสงศ์น้ำมันดิบโลกคาดยังคงขึ้นอยู่กับความคาดหวังของการปลด Lockdown กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่ง ณ ปัจจุบันทั่วโลกก็กำลังทยอยเปิดอย่างต่อเนื่อง ส่วนไทย วันนี้ทาง ศคบ. จะมีการประชุมใหญ่เพื่อพิจารณาการปลด Lockdown ในระยะที่ 3 รวมถึงการเลื่อนระยะเวลาของ Curfew ด้วย ซึ่งหากพิจารณาจากการควบคุมการแพร่กระจายของไทย ถือว่าทำได้ดีมาก ดังนั้นโอกาสในการเดินหน้าปลดล็อคน่าจะค่อนข้างสูง ดังนั้นโดยสรุปด้านอุปสงศ์มีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ
ส่วนทางด้านอุปทาน จะพบว่าปัจจัยสำคัญคาดจะอยู่ที่การประชุม OPEC+ ในช่วง 9-10 มิถุนายน ซึ่ง ณ ปัจจุบันท่าทีของ OPEC มีโอกาสที่จะเสนอการขยายระยะเวลาในการลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปจนถึงสิ้นปี แต่จุดสำคัญอยู่ที่รัสเซียว่าจะเห็นด้วยกับมาตรการนี้หรือไม่ ดังนั้นในระหว่างนี้จำเป็นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของรัสเซียอย่างใกล้ชิด ส่วนวันนี้ช่วงปลายตลาดอาจจะมีความผันผวนบ้าง เนื่องจากจะมีการปรับน้ำหนักของดัชนี MSCI (หุ้นเข้าใหม่ : BAM, AWC, KTC / หุ้นออก : BANPU / หุ้นถูกเพิ่มน้ำหนัก : BTS, RATCH, MTC / หุ้นถูกลดน้ำหนัก : GULF, EA, PTT) โดยรอบนี้ประเมินเม็ดเงินจะไหลออกสุทธิราว 250 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้มากนัก
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่งผันผวนในกรอบ แนวรับ 1,320 ต้าน 1,360 จุด เน้นหุ้นที่ยังคงมีสตอรี่บวก โดยวันนี้แนะนำ “MTC, BBL, GLOBAL, SPRC”
โดนัล ทรัมป์ เตรียมแถลงตอบโต้ประเด็นฮ่องกง-จีน วันนี้ หลังจีนผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงเพิ่มกดดันตลาดหุ้น US พลิกมาปิดในแดนลบ
US รายงาน GDP ไตรมาส 1Q63 ที่ -5.0%QoQ ใกล้เคียงคาดที่ -4.8%QoQ
ปัจจัยในประเทศ :
ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19
1 มิ.ย. PMI การผลิตไทย (พ.ค.)
5 มิ.ย. CPI ของไทย (พ.ค.)
แนวรับ : 1330/1300
แนวต้าน : 1350/1360
มีหุ้น : ทยอยทำกำไรหลังเข้าใกล้บริเวณแนวต้าน 1360 จุด รอสะสมเพิ่มอีกครั้งที่บริเวณ 1300 จุด
ไม่มีหุ้น : รอดัชนีย่อตัวมาที่แนวรับ 1330/1300 จุด ค่อยซื้อเล่นรอบใหม่อีกครั้ง
แบม' หวั่นรายได้ตํ่าเป้า 15% พิษ 'โควิด' ฉุดยอดเก็บเงิน (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : ผลกระทบจาก COVID ทำให้เงินสดเรียกเก็บคาดชะลอลง 15-20%QoQ โดยเฉพาะฝั่งธุรกิจสินทรัพย์รอการขาย ซึ่งผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจออกไป อย่างไรก็ดี เรายังเชื่อมั่นต่อความสามารถทำกำไรใน 2H63 และปีหน้า ที่ยอดเงินสดเรียกเก็บจะกลับมาขยายตัวได้จากสินเชื่อด้อยคุณภาพทั้งพอร์ตเดิมและส่วนที่ซื้อเข้ามาใหม่ ที่จะออกมามากหลังวิกฤติ
ความเห็น : ธุรกิจออโตเมชั่น นำหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ยังเป็นแค่เริ่มต้น ในขณะที่ปีนี้จะถูกผลกระทบอย่างหนักจาก Covid-19 ทำให้รายได้ และ กำไรทรุดหนัก ถึง 30% และ 47% ตามลำดับ แต่หุ้นมี Valuation ที่ถูก เงินสดในมือสูง คงแนะนำ ซื้อ ในแง่ลงทุนระยะยาว คาดปีหน้าจะฟื้นตัว เป้าหมาย 15 บาท
ความเห็น : ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกเล็กน้อยที่ลดความกังวลด้านสภาพคล่องของบริษัทที่อยู่ในช่วงการขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ จะสามารถขยายตัวแบบ ไตรมาส-ไตรมาส ได้ตามแผน ทั้งนี้เรายังมองทางบวกต่อแนวโน้มกำไรใน 2Q63 ที่จะขยายตัวเทียบไตรมาส 1 จากยอดขายสินค้าที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 จำกัด แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.40 บาท
สรรพสามิตปัดลดภาษีรถ หวั่นทำ'กลไกตลาด'ป่วน (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : ผลกระทบจาก Covid-19 จะทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ทรุดลงเหลือ 5-7 แสนคัน หรือ ลดลง 30%-50% การลดภาษีสรรพสามิตจะช่วยให้ราคารถยนต์ถูกลง 30,000-100,000 บาท ช่วยกระตุ้นตลาด การที่กรมสรรพสามิตไม่ยอมรับแนวคิดนี้จึงเป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์ เราคงให้น้ำหนักกลุ่มยานยนต์ต่ำกว่าตลาด
Nawarat Patanakarn (NWR)
Backlog และรายได้สูง แต่กำไรยังต่ำ
Company Update
ประเด็นการลงทุน
NWR มีผลประกอบการปกติ 1Q63 ขาดทุนน้อยลง ปัจจุบันมี Backlog ที่สูงถึง 29,917 ล้านบาท รองรับรายได้ 3 ปี หนุนรายได้ในอนาคตเติบโตสูง แต่งานที่ประมูลได้ในปีก่อนมีการแข่งขันสูง คาดจะกดดันผลประกอบการไม่เด่น ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 1.3 บาท เราประเมินราคาเป้าหมาย 0.65 บาท บนฐาน P/BV – 1.0SD = 0.5x แนะนำ ถือ
ผลประกอบการปกติ 1Q63 ขาดทุนน้อยลง
ผลประกอบการ 1Q63 มีกำไรสุทธิเล็กน้อย 10 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 273 ล้านบาท และ ปีก่อนที่ขาดทุน 28 ล้านบาท ถ้าหากหักกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 33 ล้านบาท จะมีผลประกอบการปกติที่ขาดทุน 18 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน แม้ว่ายอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 1Q63 จะสูง 2,410 ล้านบาท (+30%QoQ, +10%YoY) และ มีอัตรากำไรขั้นต้นดี 9% เทียบกับ -5.8% ในไตรมาสก่อน และ 9.1% ในปีก่อน แต่ภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มเป็น 62 ล้านบาท (+10%QoQ, +22%YoY) และ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังอยู่ในระดับสูง 177 ล้านบาท (-5%QoQ, 0%YoY) กดดันผลประกอบการไม่เด่น
Backlog สูง 29,917 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าได้งานใหม่ 2 หมื่นล้านบาท
NWR มี Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1Q63 ที่สูงถึง 29,917 ล้านบาท (รวมงานที่ประมูลได้และยังไม่ได้ลงนาม 15,386 ล้านบาท) สามารถรองรับรายได้ถึง 3 ปี โดยนับจากต้นปีถึงปัจจุบันได้งานใหม่แล้ว 8,710 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะได้งานใหม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท จากงานที่กำลังประมูล5หมื่นล้านบาท ด้านรายได้ปีนี้ผู้บริหารตั้งเป้าหมายจะรับรู้รายได้จากงานก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท จำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต 2,000 ล้านบาท และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 500 ล้านบาท รวมเป็นรายได้ 11,500 ล้านบาท สำหรับประมาณการของเราประเมินจะมีรายได้รวม 10,350 ล้านบาท เติบโต 34% และ มีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรในระดับต่ำ เนื่องจากงานที่ประมูลได้มีการแข่งขันรุนแรงทำให้มีกำไรที่ต่ำ แต่ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน 515 ล้านบาท
หุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีมาก
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นปี 2562 เท่ากับ 1.3 บาท แต่ฐานะการเงินของ NWR ค่อนข้างอ่อนแอมีหนี้เงินกู้ต่อทุนเท่ากับ 1.65 เท่า เราประเมินราคาเป้าหมาย 0.65 บาท บนฐาน P/BV – 1.0SD = 0.5x ลดลงจากเดิม 1 บาท บนฐาน บนฐาน P/BV – 0.5SD = 0.7x คงแนะนำ ถือ
ความเสี่ยง : อุปสรรคในการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web