บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 27-5-2020

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Wednesday, 27 May 2020 16:34; Hits: 2214

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 27-5-2020

กลยุทธ์วันนี้ >> Focus on Laggard Play//Wait to Accumulate on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องโดยระหว่างวันบวกได้ถึง 25 จุดก่อนที่จะมีแรงขายช่วงท้ายตลาดและทำให้ปิดบวกแคบลงเหลือ 15.11 จุด ณ สิ้นวัน กลุ่มที่ปรับตัวโดดเด่นคือกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มรับเหมาฯ เป็นต้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิเร่งตัวขึ้นเป็น 4.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.3 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 2.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down พักฐานระยะสั้นในกรอบ 1,320-1,345 จุดหลังจากปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 2 วันก่อนหน้า ดัชนีปรับตัวขึ้นรับประเด็นบวกจากการ Reopen Economy และทยอยคลาย Lockdown อย่างต่อเนื่องของหลายๆประเทศหลักทั่วโลกรวมถึงความคืบหน้าด้านวัคซีน อย่างไรก็ตามประเด็นกดดันและจำกัด Upside ของดัชนีคือสถานการณ์ตึกเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยล่าสุดทรัมป์จะแถลงจุดยืนและอาจคว่ำบาตรจีนในเรื่องกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง ขณะที่ PER2020-2021 ที่กว่า 19 เท่า และ 15.7 เท่า ตามลำดับ ค่อนข้างสูง ระยะสั้นเน้นเลือกลงทุนในกลุ่มที่ยัง Laggard เช่น กลุ่มการแพทย์ สื่อสาร อสังหาฯ รับเหมา และธนาคาร ส่วนระยะกลาง-ยาวยังรอจังหวะพักฐานก่อนเข้าสะสมอีกครั้ง

กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นตามการแกว่งตัวโดยเน้น Laggard Play//รอจังหวะปรับฐานของดัชนีก่อนทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP

หุ้นเด่นวันนี้: BDMS

- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท

- ผู้บริหารคาดรายได้ปีนี้อาจหดตัว 10-15% แต่มีแนวทางบริหารจัดการต้นทุน โดยใน 3 ไตรมาสที่เหลือจะลดต้นทุนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันลบ. ทั้งนี้ กำไร 1Q20 ที่ดีกว่าคาดมาจากค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่ลดลงอย่างมีนัยยะ

- จำนวนผู้ใช้บริการเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน พ.ค. หลังเริ่มทยอยผ่อนคลายการ Lockdown แต่ลูกค้าต่างชาติ Fly-in ต้องรอการเปิดน่านฟ้าและคาดใช้ว่าจะเริ่มทยอยกลับมาในครึ่งปีหลัง

- เรายังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี -15% Y-Y และฟื้นตัว +21 Y-Y ปีหน้า

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$329ล้าน โดยไหลเข้ากระจุกตัวที่ไต้หวันประเทศเดียว US$421ล้าน ขณะที่ประเทศอื่นๆไหลออกทั้งหมด โดยประเทศไทยเม็ดเงินไหลออก US$40ล้าน มากที่สุดในกลุ่มTIPS แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะพลิกมาไหลออกบางๆสลับไหลเข้าในระยะนี้ โดยตลาดอยู่ระหว่างชั่งน้ำหนักประเด็น Reopen Economy และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่สูงขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ลุ้นกิจการใดบ้างได้ผ่อนปรนระยะที่ 3 สมช.จะสรุปผลประชุมวันนี้เกี่ยวกับการผ่อนปรนระยะที่ 3 ว่าจะมีกิจการหรือกิจกรรมใดบ้างได้รับการผ่อนปรน รวมถึงพิจารณาการปรับลดเวลาเคอร์ฟิว ก่อนมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ เป็น sentiment บวกต่อ MAJOR, SPA, IMPACT และ CPALL หากลดเวลาเคอร์ฟิว

(0) ไทยเปิดประชุมสภาวันแรกวันนี้ 27-31 พ.ค. เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 4 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านลบ. ต้องติดตามว่าจะเพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองหรือไม่ ขณะที่นายกฯยืนยันว่าแต่ละโครงการมีแผนงานชัดเจน มีคณะกรรมการกลั่นกรอง และมีระบบตรวจสอบหลายส่วน

(0) กลุ่มท่องเที่ยว หลายประเทศเล็งยกเลิกการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ แน่นอนว่าเป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรม สายการบินและสนามบิน แต่ภายใต้ New normal เป็นยากที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาเฟื่องฟูได้เร็ว ททท.คาดว่าไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้ 1.12 ล้านลบ. ลดลง 1.89 ล้านลบ. หรือ -63% Y-Y ส่วนสายการบินแม้จะปรับค่าตั๋วขึ้น 15-20% แต่ชดเชยไม่ได้จากจำนวนที่นั่งของสายการบินที่หายไป 30-40% เพราะขายตั๋วที่เว้นที่ การห้ามเสริฟ์อาหาร และความถี่ในการบินลดลง ส่วนโรงแรม ต้นทุนการบริการจะเพิ่มขึ้นเพราะต้องเพิ่มมาตรฐานด้านสุขอนามัย ขณะที่ผู้ใช้บริการยังมีน้อยกว่า supply แม้จุดต่ำสุดผ่านไปแล้วในเดือน เม.ย. แต่ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อ

(+) HANA แนวโน้มกำไร 2Q20 จะลดลงมากทั้ง Q-Q, Y-Y แต่จะเป็นจุดต่ำสุด และทยอยฟื้นจนกลับสู่ระดับปกติใกล้เคียงช่วงก่อน COVID-19 ใน 1H21 ล่าสุดเราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของการผลิต การบริโภค และการส่งออกของจีน ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของสินค้า Consumer Product โดยเฉพาะ Smartphone และคาดหวังการฟื้นตัวของลูกค้าในสหรัฐและยุโรปในระยะถัดไป เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2020 -8.5% Y-Y และกลับมาโต +51% Y-Y ในปี 2021 ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย 4 ไตรมาสข้างหน้าที่ 32 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเร็ว สะท้อนการฟื้นตัวไปบ้างแล้ว ซื้อเมื่ออ่อนตัว

(-) TU พบพนักงานในโรงงานในโปรตุเกส 1 คนติดเชื้อ COVID-19 และมีพนักงานที่เกี่ยวข้องต้องถูกกักตัว 200 คนจากทั้งหมด 850 คน เบื้องต้นเหตุการณ์นี้กระทบจำกัด เพราะมีรายได้ 2% ของรายได้รวม แต่เมื่อรวมกับเหตุการณ์ก่อนหน้าทั้งรง.กาน่า และไฟไหม้ที่แคนาดา สัดส่วนรายได้ที่ถูกกระทบเกือบ 5% ของรายได้รวมแล้ว อาจกระทบต่อประมาณการของเราได้

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปรับขึ้น 529.95 จุด ปิดที่ 24,995.11 จุด จากความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมถึงสัญญาณบวกจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ฟื้นตัว หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ปิดระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มการเดินทาง หลังมีรายงานข่าวว่าสเปน และเยอรมนีจะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยว ขณะที่นักลงทุนติดตามคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจยูโรโซนในวันพุธนี้ เพื่อประเมินความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อเสนอของฝรั่งเศสและเยอรมนีในการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านยูโร

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนติดตามความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 34.35 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความเชื่อมั่นว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัว หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่นักลงทุนติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

(-) ราคาทองคำ COMEX ปรับลง 29.9 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 1705.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากมีความหวังเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

DR Gold Trust ถือครองทองคำ 1116.71 / +-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

28 พ.ค. - สหรัฐ: Fed Beige Book, 1Q20 GDP

- ไต้หวัน: 1Q20 GDP

- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม

29 พ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะศก.เดือน เม.ย.

- MSCI Rebalance

31 พ.ค. - จีน: Manufacturing & Non-Mfg. PMI (พ.ค.)

1 มิ.ย. - ไทย: Business Sentiment Index (พ.ค.)

- จีน: Caixin PMI Manfacturing (พ.ค.)

- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ค.)

Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530