- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 22 May 2020 13:34
- Hits: 4250
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 22-5-2020
: Daily Focus
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index แกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,310-1,330 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะที่ ตปท.มีปัจจัยกดดันจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังอ่อนแอรับผลกระทบสถานการณ์ COVID-19 ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามรายงานตัวเลขส่งออกวันนี้
Market Factor
- • (-) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีขึ้นจากครั้งก่อนหน้าแต่ยังอยู่ในโซนชะลอตัว หลังตัวเลข PMI ภาคผลิตและภาคบริการจาก HIS Markit เปิดเผยที่ระดับ 36.1 และ 26.7 สูงสุดรอบ 2 เดือนแต่ PMI ยังคงต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว อีกทั้งจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ 2.44 ล้านรายชะลอตัวในรอบ 7 สัปดาห์แต่โดยรวมยังมีคนตกงานราว 38.6 ล้านรายซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าภาวะปกติ
- • (-) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาให้ความเห็นจะไม่ปิดประเทศ แม้จะมีการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบที่ 2 (Second wave) แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ยากเนื่องจากมีเชื้อไวรัสตามฤดูกาล อีกทั้ง ดร. แอนโทนี ฟาวชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เตือนถึงการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 จะมีโอกาสเกิดขึ้น
- • (+) ที่ประชุมบอร์ด EEC ครั้งที่ 2/2563 คณะกรรมการได้อนุมัติร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกหลังบรรลุข้อตกลงกับเอกชนร่วมลงทุนกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส เตรียมเสนอ ครม.เพื่อลงนามกับเอกชนภายในต้นเดือนมิ.ย.นี้ และจะเร่งส่งมอบพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จภายในปี 2566 (อินโฟเควสท์)
- • (+) บอร์ดกนอ.เห็นชอบ 3 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมฯ ดังนี้ 1.การลดค่าบำรุงรักษาจากผู้ใช้ที่ดินทุกรายในอัตรา 10 % รวม 4 เดือน(มิ.ย.-ก.ย. 63) 2.ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการอนุญาตการประกอบกิจการในนิคมระยะเวลา 4 เดือน (มิ.ย.-ก.ย. 63) 3.ยกเว้นหรือลดหย่อนค่าเช่าที่ดินและอาคาร แบ่งเป็นกรณีผู้เช่าที่ชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนยกเว้นค่าเช่าเป็นเวลา 3 เดือนและกรณีผู้เช่าที่ชำระเป็นรายปีลดหย่อนค่าเช่าอัตรา 25 % ของค่าเช่าปี 63 (โพสต์ทูเดย์)
- • (0) สมช. เผยมติที่ประชุมวันนี้ เห็นชอบขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน(ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.) เพื่อควมคุมสถานการณ์ในช่วงเตรียมผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 (ไทยรัฐ)
- • (watch) ติดตามรายงานตัวเลขส่งออกรอบเดือน เม.ย.เช้านี้
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 20 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,034 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.75% (-6.3%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.17% (-0.8% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.67% (Unchg. DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 68.7 บ. หรือลดลง 32.6%YTD
- • Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ 3,349.65 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 31,092.98 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 1,049.35 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 12,116.9 ลบ.
Investment Strategy
เราปรับมุมมองช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ เป็นบวกมากขึ้น ประเมิน SET รีบาวด์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหว 1,270- 1,330 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1) ผลการทดลองใช้วัคซีนต้าน COVID-19 ในมนุษย์เฟสแรกให้ผลเป็นที่น่าพอใจ 2) การออกมาตรการช่วยเหลือหลังสภาล่างสหรัฐฯ อนุมัติวงเงิน 3 ล้านล้านเหรียญ 3) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มคลี่คลายทั้งด้านอุปสงค์จากการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังมาตรการผ่อน Lockdown และด้านอุปทานหลัง OPEC+ ปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลง บวกกับรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง 4) รัฐออกมาตรการผ่อนคลายเฟสสอง หนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะศูนย์การค้ากลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง อย่างไรก็ดีคาดจะถูกกดดันด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อท่าทีของโดนัล ทรัมป์ ต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯ และยุโรป ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง
ขณะที่ในประเทศติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ไทยช่วง 1Q63 และการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 63 นอกจากนี้ติดตามการทยอยปรับประมาณการกำไรของบริษัทฯจดทะเบียนหลังสิ้นสุดรายงานผลประกอบการช่วง 1Q63 คาดกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา แนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- • Trading Idea
- • หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคาปจบ.มี discount 18.7%จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงานตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
- • กลุ่มผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน : แนะนำเก็งกำไร SUSCO, PTG ด้วยสองปัจจัยหนุน 1) ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันมากขึ้นหนุนอุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2) อุปทานที่ลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้นตอบรับการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ Russia เริ่มลดกำลังผลิตแล้วในเดือน พ.ค.นี้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดทุนสต็อกน้ำมันในช่วง 2Q63
21-May-20 Change (pts.) 20-May-20
SET Index 1,320.69 -1.51 1,322.20
SET50 Index 881.97 -1.11 883.08
SET100 Index 1,939.50 -2.21 1,941.71
High 1,333.25 Gainers 549
Low 1,315.03 Unchanged 373
Value (Bt m) 70,212.37 Losers 809
Volume (*000) 15,574,046
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 19.2 15.5 15.5
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -18.5
EV/EBITDA (x) 12.5 11.0 9.9
FWD PBV (x) 1.5 1.4 1.4
Dividend Yield (%) 2.9 3.2 3.4
ROE 7.0 8.2 8.7
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 21-May-20 WTD MTD YTD
Institution 1,049.35 9,336.30 12,116.89 61,864.97
Proprietary 123.31 947.59 258.59 (2,579.04)
Foreign (3,349.65) (8,964.98) (31,092.98) (193,423.75)
Individual 2,177.00 (1,318.91) 18,717.49 134,137.82
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web