- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 22 May 2020 12:42
- Hits: 2241
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 22-5-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET แกว่ง sideway แดนบวกสลับลบ แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ยังคงแกว่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดีตลาดยังคงกังวลต่อ Valuation SET ที่ตึงตัว โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,320.69 (-1.51 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.0 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.8 หมื่นล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 3,349 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,049 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 866 สัญญา)
TOP (ราคาเป้าหมาย 48.0 บาท) คาดกำไรปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วง 1Q63 และจะกลับมาฟื้นตัวใน 2Q63 แรงหนุนจากค่าการกลั่นดีขึ้น หลังราคา Gasoline ฟื้นตัว และในช่วงถัดไปคาด Diesel และ Jet oil จะปรับตัวขึ้นตามมา อีกทั้งค่าขนส่งเรือ และต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งคาดการขาดทุน Stock loss สูง ใน 1Q63 จะไม่เกิดซ้ำใน 2Q63
PMI ทั้ง US &EU ฟื้นตัว แต่ต้องจับตาต่ออย่างใกล้ชิด : วานนี้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน คือ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งแม้ว่าจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด แต่เริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการฟื้นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 อาจสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่เริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง หลังการปลด Lockdown เป็นปัจจัยที่หนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดีคงต้องจับตาการแพร่ระบาดในระยะที่สองในประเทศต่างๆทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากสถานการณ์ดังกล่าวกลับมารุนแรงอีกครั้ง (second wave) และนำไปสู่การปิดเมืองอีกรอบ ส่วนประเด็นความตึงเครียด สหรัฐฯ-จีน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องติดตาม โดยล่าสุดวุฒิสภา US ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบริษัทจีนที่จดทะเบียนใน US ซึ่งอาจนำไปสู่ความตึงเครียดเพิ่มเติมได้ โดยวันนี้จะมีการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน จับตาว่าจะมีท่าทีเกี่ยวกับ US อย่างไรบ้าง ส่วนปัจจัยในประเทศ วันนี้แนะติดตามยอดการส่งออกสินค้าของไทย เดือนเมษายน โดย consensus คาดที่ -3.0%YoY หดตัวตอบรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างรุนแรง
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่ง sideway ประเมิน แนวรับ 1,310 ต้าน 1,330 จุด แนะมาเน้นหุ้น Quality มากขึ้น โดยวันนี้แนะนำ “TOP, CHG, CBG, TTW”
ประเมิน แนวรับ 1,310 ต้าน 1,330 จุด แนะมาเน้นหุ้น Quality มากขึ้น โดยวันนี้แนะนำ “TOP, CHG, CBG, TTW”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ถือต่อ รอทยอยทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1360 จุด หากหลุด 1295 จุด แนะนำเก็บกำไรทั้งหมด
ไม่มีหุ้น : รอดัชนีย่อตัวลงมาใกล้แนวรับ 1317 จุด หากดัชนีกลับลงมาหลุด 1295 จุด ให้ตัดขาดทุนทันที
EA อัพงบลงทุนปีนี้ สูง 1.23 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : อย่างไรก็ดี การเลื่อนแผนการส่งมอบรถ EV car ทำให้ประมาณการกำไรของตลาด และ เราในปี 2563 มี downside โดยในส่วนเรา จะกระทบรายได้ราว 3,000 ลบ. หรือ 16% ของคาดการณ์รายได้รวมปี 2563 ของเราที่ 1.86 หมื่น ลบ. เรายังคง เรตติ้งไว้ระดับ T-BUY (47.75) เท่านั้น
DELTA ขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ดันออเดอร์ต่างแดน (ทันหุ้น)
ความเห็น : แนวโน้มรายได้ใน 2Q63 คาดสามารถยืนทรงตัวได้เทียบ QoQ จากอุปสงค์ในธุรกิจ Data center (ราว 1 ใน 3 ของรายได้) ที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่ถูกหักลบด้วยธุรกิจ Power supply ของ EV ที่ชะลอตัวในระยะสั้น แม้ผลประกอบการ 1H63 กำลังสร้างฐานที่สูง ที่ไม่เห็นผลกระทบจาก COVID-19 มากนัก และยังมีคำสั่งซื้อคงค้าง แต่เรามองอุปสงค์ใหม่อาจชะลอจากในครึ่งปีหลัง ขณะที่ราคาได้ปรับตัวขึ้นมาจาก Target price อิง Consensus ที่เฉลี่ย 47 บาท/หุ้น เชิงกลยุทธ์เราแนะ Wait &see
STECON
ธุรกิจ)
ความเห็น : โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าโครงการ 2.9 แสนล้านบาท กำหนดลงนามกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BA45%, BTS35%, STEC20%) เลื่อนจากเดิมเล็กน้อยจากปลายเดือน พ.ค. เป็น ต้นเดือน มิ.ย. เฟสแรก 4 หมื่นล้านบาท มีงานโยธา 2 หมื่นล้านบาท คาด STEC จะได้งาน คงแนะนำ TRADING BUY ช่วงอ่อนตัว เป้าหมาย 20.00 บาท
JUBILE ชูกลยุทธ์บุกออนไลน์ เตรียมอัดโปรแรงกระตุ้นยอด (ทันหุ้น)
ความเห็น : ยอดขายออนไลน์ ยังคงมีสัดส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับยอดขายในภาวะปกติ ปีละ 1.8 พัน ลบ. ขณะที่อารมณ์การจับจ่ายเครื่องประดับจากลูกค้าระดับกลางคาดจะหดตัวลงไปจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นเรายังไม่คิดว่าประเด็นนี้จะผลักดันราคาหุ้นได้ คงคำแนะนำ ถือ 13.00 บาท
Bangkok Cml. Asset Mgmt. (BAM)
เวลาของสามผู้ซื้อ
Company Update
ประเด็นการลงทุน
ท่ามกลางจุดต่ำสุดใน 2Q63 จากผลกระทบของ COVID-19 เป็นโอกาสของการซื้อทั้ง 3 กลุ่ม i) ซื้อหนี้เสีย (BAM) เริ่มเห็นส่วนลดมากขึ้นกว่าปีก่อน และ NPL ปริมาณที่จะมากขึ้นช่วงปลายปี ii) ซื้อทรัพย์ (อุปสงค์แท้จริง) การปรับลดราคาขาย จะช่วยเร่งเงินสดเรียกเก็บบรรเทาส่วนที่หายไปได้ ii) ซื้อหุ้น (นักลงทุน) เป็นโอกาสทยอยสะสมก่อนภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วง 2H63-2564 บนสถานะทางการเงินและสภาพคล่องบริษัทยังแข็งแกร่ง สามารถจ่ายปันผลคาดหวังใกล้ปีก่อนที่ 4% แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 25 บาท
ผลประกอบการ 1Q63 ออกมาตามคาด
BAM รายงานกำไรสุทธิ 1Q63 ที่ 699 ลบ. -58%QoQ,-78%YoY ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด โดยไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษทางบัญชี (DTA) ยอดเก็บเงินสดที่ 3,169 ลบ. ลดลงจากฐานสูงปีก่อนที่มีขายทรัพย์ก้อนใหญ่ กลับมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) -37% ธุรกิจ NPA ชะลอตัวตามกำลังซื้อ ทำให้กำไรจากการขาย -26%YoY โดยใน 1Q63 ได้ซื้อ NPLใหม่เข้ามา +4,911 พันลบ. (50% ของเป้า) จากหนี้ที่ประมูลขายใน 3 เดือนแรก 4 หมื่นลบ. ที่สูงใกล้เคียง 50% ของปีก่อน คาดสถาบันการเงินนำออกมาขายเพิ่มในช่วงปลายปี (ผล COVID-19,TFRS9) ขณะหลายคู่แข่งเริ่มถอย สะท้อนส่วนลดที่มากขึ้น
ผลกระทบ COVID-19 จะหนักที่สุดใน 2Q63 ก่อนฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง
คาดยอดเก็บเงินสดและกำไรจะชะลอตัวลง 15-20%QoQ โดยเฉพาะฝั่งทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ซึ่งอุปสงค์ได้ชะลอออกไป รวมถึงประเด็นกรมบังคับคดีที่เลื่อนการประมูลไปชั่วคราว ซึ่งเรามองว่าสถานการณ์จะเริ่มเข้าสู่ปกติในต้นเดือน มิ.ย. แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือลูกหนี้ผ่อนชำระ (NPL) 547 ราย หรือ 8% จากทั้งหมดราว 7,000 บัญชี ที่เข้าโครงการพักชำระ 3 เดือน ซึ่งเงินสดเรียกเก็บจากธุรกิจ NPL คิดเป็น 83% ของทั้งหมดใน 1Q63 จะเป็นกระแสเงินสดที่ยังเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งนี้สิ่งที่บริษัททำเพื่อลดผลกระทบ คือการคัดทรัพย์กว่า 3,300 ลบ. ควบคู่กับกลยุทธ์ราคา (5-15% จากราคาประเมิน) ซึ่งจะช่วยเร่งอุปสงค์ให้กลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 25.00 บาท
BAM ยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินทรัพย์ในระยะยาวเฉลี่ย 5-10% ตามแนวโน้ม NPLบน D/E ปัจจุบันที่ 2.2X ยังมีที่ว่างสำหรับการลงทุนเพิ่ม ขณะพร้อมปรับอัตราจ่ายเงินปันผลเพื่อดูแลนักลงทุน เรามองว่าเงินสดเรียกเก็บภายในสิ้นปีจะยังสูงกว่า 10,000 ลบ. (1Q63 ทำได้ 31%) เพียงพอที่บริษัทจะจ่ายปันผลที่ 1.00 บ./หุ้น ใกล้กับปีที่ผ่านมาเราประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี DDM (Zero growth model) จะได้ราคาเหมาะสม 25.00 บาท/หุ้น อิงอัตราปันผลคาดหวัง 4% ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ SET50 3 ปี ย้อนหลัง +2 SD ที่เท่ากับ 3.50% ความเสี่ยงคือ ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง การลดสัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนฟื้นฟูฯ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web