- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 May 2020 15:05
- Hits: 3273
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-5-2020
Daily Trading Focus
“คาดเฟดมีมาตรการเพิ่ม-BBLลดดอกเบี้ย-น้ำมันยังแรง”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับตัวขึ้นต่อ กนง.ลดดอกเบี้ยตามคาด ปิด+12.25 จุด ที่ 1322.20 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 68 พันลบ.ตลาดปรับขึ้นดีกว่าภูมิภาค มีการเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ หลัง กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงมากและมีแรงซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า และสื่อสาร ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงขึ้นต่อเป็น 190 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET คาด Sideways Up แต่ระวังแรงขายทำกำไร ปัจจัยบวกคือ หลังรายงานประชุมเฟด 28-29 เม.ย.แนวโน้มเศรษฐกิจออกมาแย่ กลับคาดว่าจะมีมาตการกระตุ้นเพิ่มเติมอีก ส่วนกำไรบ.ค้าปลีกสหรัฐออกมาดี จึงคาดว่าได้ประโยชน์คลายล็อกดาวน์ ดาวโจนส์ +369 จุด ด้านน้ำมันวานนี้ขึ้นต่อสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ ดัชนีความกังวลลดลงมาเป็น 27.99 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับขึ้นถ้วนหน้าแต่บวกไม่ถึง 1% สำหรับปัจจัยลบคือ เฟดมองว่าเศรษฐกิจ 2Qอาจย่ำแย่แบบคาดไม่ถึง ด้านผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จีนตรวจสอบและรักษายากขึ้น ส่วน BBL นำร่องลดดอกเบี้ย กดส่วนต่างกำไรลง เช้านี้ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลงและ P/E SET ปี 63 เข้าสู่โซนแพง 18 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต 14 เท่า กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1300-1340จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ ผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ประกาศออกมาไม่สดใส เป็น 1.09 แสนล้านบาท -59% y-o-y และ -50% q-o-q และเม.ย.จะแย่ที่สุดจากโควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไปกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS
สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTW SET100-SISB, RBF หุ้นหลุด- DELTA และ THAI (ข่าวหุ้น) และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้างตั้งแต่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาเช่น CPN,CRC,COM7,HMPRO,DOHOME,GLOBAL แต่หุ้นที่ฟื้นตัวช้าจะเป็นสายการบิน โรงแรมเพราะยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในไทย ล่าสุดถึง มิ.ย.63 มีแต่การบินภายในประเทศ ติดตามมาตรการคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 3 และการจัดการเรื่องเคอร์ฟิวส์ แนวรับคือ 1250 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1330-1340 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1300 จุด
# Stock Pick Today :
MTC มีโมนตัม เก็งกำไร กนง.ลดดอกเบี้ย ต้นทุนการเงินลด แนวโน้ม NPL 2Q63F คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อ แต่คาดว่าบริหารจัดการได้ส่วนการตั้งสำรองฯใน 2Q63F ขึ้นกับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการตามมาตรการผ่อนคลายธปท. ซึ่งหากเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ก็อาจจะตั้งสำรองฯต่ำกว่าระดับปกติที่ 80-100bps ได้ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 63F และ 64F จะเติบโตได้ต่อเนื่อง +18% และ +20% ตามลำดับ คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 58 บาทการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นบวกแต่พร้อมจะเป็นลบ ยังให้น้ำหนักกับการลง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เป็นบวก แบบพร้อมเปลี่ยนเป็นลบตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน1330 (หรือ 1340 – 1350) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1300” (แนวรับย่อย “1250 / 1230, 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Special Issue: อย่ามองข้าม... หุ้นโรงพยาบาลกลาง-เล็ก
ทองแกว่งไม่หลุด 1725 ยังขึ้นต่อจากสัปดาห์ก่อน
Industry Update: กองทุนอสังหาฯ REITs และ IFFs
Key Takeaways: BBL (ถือ -ราคาพื้นฐาน 104.00)
BGRIM (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 58.00)
CENTEL (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 19.00)
HUMAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.10)
RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 28.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/+ เฟด: ตลาดคาดจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม หลังรายงานการประชุมเฟดเศรษฐกิจแย่
# ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า เฟดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากรายงานการประชุมเฟดซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่กังวลว่าผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญกับความเสี่ยง และความไม่แน่นอนอย่างมากในระยะกลางนี้
-สหรัฐ: เศรษฐกิจในไตรมาส 2 อาจจะทรุดตัวลงในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
# รายงานการประชุมของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 อาจจะทรุดตัวลงในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคครัวเรือนที่ประสบปัญหาด้านการเงินมากที่สุด นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังแสดงความกังวลว่า การเลิกจ้างพนักงานแบบชั่วคราวอาจจะกลายเป็นการถาวร โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างอาจจะสูญเสียทักษะพิเศษในการทำงาน และต้องออกจากตลาดแรงงานในที่สุด
- • สหรัฐ: ผลประกอบการบ.ค้าปลีกแข็งแกร่ง นักลงทุนคาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวจากคลายล็อกดาวน์
# ปรากฏว่ามีผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยรายงานระบุว่า ขณะนี้รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์และเตรียมเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ก่อนที่จะถึงวันหยุด Memorial Day ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
-จีน: ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีการเปลี่ยนแปลงทางลบเทียบกับช่วงก่อนหน้า
# จีนพบว่าคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ๆ จะมีการแสดงอาการหรือการฟื้นตัวจากโรคช้ากว่าเดิม และไม่แน่ใจในเรื่องการกลายพันธุ์ด้วย ว่าจะมีผลกระทบมากกว่าเดิมหรือไม่
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 369.04 จุด รับผลประกอบการสดใส,คาดเฟดกระตุ้นศก.เพิ่ม
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนเม.ย.บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
+ น้ำมัน : WTI ปิดพุ่ง $1.53 หรือ 4.8% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) ขานรับรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งความหวังที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น จากการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆพากันผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
- • ทองคำ: ปิดบวก $6.5 รับความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ นอกจากนี้ กระแสความวิตกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าคาด
# ที่ประชุม กนง.ครั้งที่ 3/2563 มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 0.75% เป็น 0.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันทีหลังแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปีนี้หดตัวมากกว่าคาด ขณะที่ 3 เสียงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ต่อปี การตัดสินนโยบายของคณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่หดตัวรุนแรงกว่าที่คาด และผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
# ผลกระทบ: เป็นไปตามคาด ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% หากลดดอกเบี้ย หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลลบเป็น ธนาคาร เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) ลดลง ส่วนที่ได้รับผลบวกเป็น เช่าซื้อ และ Non-Bank เช่น TCAP, MTC, SAWAD, KTC, AEONTS เนื่องจากจะมีต้นทุนทางการเงินที่ลดต่ำลง
-BBL: นำร่องลดดอกเบี้ย MOR-MLR-MRR มีผลวันนี้
# ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 3 ประเภท ลงเหลือต่ำสุด 5.25% เพื่อลดต้นทุน-แบ่งเบาภาระลูกค้า
# ผลกระทบ: แนวโน้ม 2Q63F - การลดดอกเบี้ยเป็นลบต่อ NIM ใน 2Q63F, เมื่อพิจารณาภาวะตลาดเงินตลาดทุนใน2Q63-QTD คาดว่ารายการกำไร/ขาดทุนจากการตีมูลค่าเงินลงทุนจะน้อยลงใน 2Q63F เมื่อเทียบกับ 1Q63 ที่มีขาดทุน1.7 พันล้านบาท, การตั้งสำรองฯ (ECL) ใน 2Q63F คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมใกล้เคียงกับ 1Q63 คือ โดยหลักมาจากธุรกิจประกัน และค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ แนะนำ ถือ ให้ราคาพื้นฐาน 104 บาท
+ สมช.ถกต่อพรก.ฉุกเฉิน คลายล็อกเฟส 3 'ต้นมิ.ย.'
# สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)จ่อประชุมพิจารณาขยาย "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน - มาตรการคลายล็อกเฟส 3" คาดเริ่มช่วงเดือน มิ.ย. ยึดความปลอดภัยควบคู่เศรษฐกิจ ขณะที่ กทม.ถกมาตรการวางแนวปฏิบัติ "หน่วยงานขนส่ง" ล่าสุดไทยพบติดเชื้อใหม่เพิ่ม 1 ราย
-ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.63 ต่ำสุดในรอบ 11 ปี
# สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.63 อยู่ที่ระดับ 75.9ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.0 ในเดือน มี.ค.63 โดยค่าดัชนีฯ ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย.52 เป็นการปรับตัวลดลงในทุกขนาดของอุตสาหกรรมทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
-ยอดส่งออกรถยนต์เม.ย.62 ลดลงถึง 69.71%
# ยอดส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 20,326 คัน ลดลง 69.71% จากเดือน เม.ย.62 โดยยอดส่งออกลดลงในทุกตลาดเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง รวมถึงผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 ราย ไม่พบเสียชีวิต, คนไทยแชมป์ใส่หน้ากากและล้างมือในอาเซียน
# ศบค.เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 รายเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine จำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,034 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 31ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,888 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 90 ราย ต่ำกว่า 100แล้ว ขณะที่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 56 ราย
# สำหรับความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในไทยนั้น ล่าสุดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประสบความสำเร็จการใช้วัคซีนกับหนูทดลองแล้ว และกำลังเตรียมทดสอบวัคซีนกับลิงในสัปดาห์หน้า คาดว่าน่าจะได้ใช้ปีหน้า
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web