- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 May 2020 17:10
- Hits: 3123
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-5-2020
Daily Focus
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index ปรับขึ้นทดสอบ 1,300 จุด หากทะลุได้เปิด Upside ถึงแนวต้าน 1,330 จุด ตามลำดับ หลังได้ Sentiment บวก หนุนจากการทดลองใช้วัคซีนต้าน COVID-19 เฟสแรกในมนุษย์ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงประเด็นสัมภาษณ์ของประธาน FED ชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาฟื้นตัวช่วง 2H63
Market Factor
- • (+) ตลาดมีความหวังวัคซีน COVID-19 หลังบริษัท Moderna จากสหรัฐฯ ทดสอบวัคซีน mRNA-1273 ในจำนวนผู้ทดลอง 45 รายแบ่งเป็น 3 กลุ่มกลุ่มละ 15 รายโดยทดสอบ 25,100 และ 250 ไมโครกรัมในแต่ละกลุ่ม พบว่า ใน 8 รายมีจำนวน Antibody ในระดับเท่ากับหรือมากกว่าคนที่หายตามธรรมชาติโดยจะเริ่มทดสอบครั้งถัดไปในเดือน ก.ค. และคาดจะผลิตได้ อย่างเร็วที่สุดในเดือน ม.ค. 64
- • (+) ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลให้สัมภาษณ์รายการ 60 Minutes ในโทนบวกต่อภาวะเศรษฐกิจที่เชื่อว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2H63 แม้การฟื้นตัวจากภาวะ COVID-19 จะใช้เวลานานถึงปี 64 แต่พร้อมที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอย่างไม่จำกัด
- • (+) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. และ Brent ส่งมอบเดือน ก.ค. วานนี้ปรับเพิ่ม 8.1%DoD และ 7.1%DoD ตามลำดับ หลังตลาดมีความหวังอุปสงค์น้ำมันจะกลับมาจากการคลาย Lockdown และอุปทานที่ลดลงจากกลุ่ม OPEC และพันธมิตรที่เริ่มปรับลดกำลังการผลิตลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.
- • (-) สภาพัฒน์ฯ เผยเศรษฐกิจไทย GDP 1Q63 ติดลบ 1.8% พร้อมประเมินทั้งปี 63 คาด GDP ติดลบ 5-6% (จากคาดการณ์เดิมเดือน ก.พ. ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5-2.5%) ทั้งนี้ค่ากลางที่ -5.5% อยู่ภายเงื่อนไขสถานการณ์โควิดระบาดไม่เกิน 2Q63 นี้ การผ่อนคลายไตรมาสเศรษฐกิจตั้งแต่ 2Q63 และการท่องเที่ยวกลับมาได้ปลายปีนี้ (โพสต์ทูเดย์)
- • (-) ธปท.เผย ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ช่วง 1Q63 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.1% YoY จากสินเชื่อธุรกิจที่ขยายตัว 3.3%YoY ทั้งนี้คิดเป็นสัดส่วน 64.8% ของสินเชื่อรวม ขณะที่คุณภาพสินเชื่อด้อยลงจากสิ้นปี 62 จากผลกระทบทางเศรษฐกิจและการจัดชั้นตามมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 โดยยอด NPL อยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.05% เพิ่มขึ้น 2.98%QoQ (โพสต์ทูเดย์)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 18 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,031 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.81% (1.3%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.16% (UnChg. DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.71% (10.1% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 69.3 บ. หรือลดลง 31.9%YTD
- • Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ 2,074.79 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 24,202.79 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 1,060.46 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 3,841.06 ลบ.
Investment Strategy
เราปรับมุมมองช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ เป็นบวกมากขึ้น ประเมิน SET รีบาวด์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหว 1,270- 1,330 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1) ผลการทดลองใช้วัคซีนต้าน COVID-19 ในมนุษย์เฟสแรกให้ผลเป็นที่น่าพอใจ 2) การออกมาตรการช่วยเหลือหลังสภาล่างสหรัฐฯ อนุมัติวงเงิน 3 ล้านล้านเหรียญ 3) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มคลี่คลายทั้งด้านอุปสงค์จากการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังมาตรการผ่อน Lockdown และด้านอุปทานหลัง OPEC+ ปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลง บวกกับรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง 4) รัฐออกมาตรการผ่อนคลายเฟสสอง หนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะศูนย์การค้ากลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีคาดจะถูกกดดันด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อท่าทีของโดนัล ทรัมป์ ต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯ และยุโรป ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ไทยช่วง 1Q63 และการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 63 นอกจากนี้ติดตามการทยอยปรับประมาณการกำไรของบริษัทฯจดทะเบียนหลังสิ้นสุดรายงานผลประกอบการช่วง 1Q63 คาดกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา แนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน1Q63 กำไร 94.41ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ.
อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ
โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
- • Trading Idea
- • หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7%
- • กลุ่มผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน : แนะนำเก็งกำไร SUSCO, PTG ด้วยสองปัจจัยหนุน 1) ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันมากขึ้นหนุนอุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2) อุปทานที่ลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้นตอบรับการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ Russia เริ่มลดกำลังผลิตแล้วในเดือน พ.ค.นี้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดทุนสต็อกน้ำมันในช่วง 2Q63
18-May-20 Change (pts.) 15-May-20
SET Index 1,286.53 5.77 1,280.76
SET50 Index 858.94 4.37 854.57
SET100 Index 1,885.02 9.83 1,875.19
High 1,295.94 Gainers 613
Low 1,283.60 Unchanged 348
Value (Bt m) 55,905.03 Losers 718
Volume (*000) 13,380,425
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 18.6 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -18.7
EV/EBITDA (x) 12.2 10.7 9.8
FWD PBV (x) 1.4 1.4 1.3
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 7.1 8.0 8.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 18-May-20 WTD MTD YTD
Institution 1,060.46 1,060.46 3,841.06 53,589.13
Proprietary 303.19 303.19 (385.80) (3,223.44)
Foreign (2,074.79) (2,074.79) (24,202.79) (186,533.56)
Individual 711.14 711.14 20,747.54 136,167.87
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web