- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 May 2020 12:23
- Hits: 3155
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-5-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET แกว่งตัวในแดนบวก ขานรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาด โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,286.53 (+5.77 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 5.1 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 2,075 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,060 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 2,267 สัญญา)
SPRC (ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ 8.0 บาท) คาดกำไร 2Q63 โดดเด่นขานรับ ค่าการกลั่นในไตรมาส 2Q20 ที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (4-5 USD/bbl เทียบ 1.28 USD ช่วง 1Q20) จากการฟื้นตัวของ gasoline spreadและส่วนลดราคาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง
GDP ไทย หดตัวน้อยกว่าคาด หนุนตลาดแกว่งขึ้นต่อ: วานนี้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงาน GDP 1Q63 ไทย ชะลอตัว -1.8% YoY และ -2.2% QoQ โดยได้รับแรงกดดันหลักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยกระทบต่อภาคบริการปรับตัวลดลงถึง -29.8% YoY อีกทั้งการลงทุนภาครัฐฯชะลอตัว -9.3% YoY หลังการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ล่าช้า เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัว -5.3% YoY มาจากการก่อสร้างลดลง แต่ด้านการบริโภคยังขยายตัวได้ราว 3% จากการใช้จ่ายด้านอาหาร, ไฟฟ้า, สื่อสารที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีแม้ว่า GDP 1Q63 จะหดตัว -1.8% YoY แต่ก็ถือว่าดีกว่าที่ Consensus ประเมินไว้ว่าจะหดตัวถึง -3.8% YoY ดังนั้นจุดนี้เองอาจนำไปสู่การตัดสินใจในการประชุม กนง. ในวันพุธนี้ ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ โดยอาจเก็บเครื่องมือนี้ไว้ใช้ในยามจำเป็น เช่นช่วง 2Q63 ที่คาดตัวเลขเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบมากกว่า 1Q63 อีกทั้งเรายังเชื่อว่า ณ สถานการณ์ปัจจุบันการนำมาตรการทางการคลังมาใช้น่าจะเหมาะสมมากกว่ามาตรการทางการเงินที่เห็นผลช้า โดยสรุปเราคาด กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% ตามเดิมในวันพุธนี้
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ประเมิน แนวรับ 1,270 ต้าน 1,310 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นรับโมเมนตัม COVID-19 คลี่คลายขึ้น โดยวันนี้แนะนำ “SPRC, AOT, TASCO, SCB”
ปัจจัยในประเทศ :
ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19
20 พ.ค. การประชุม กนง.
22 พ.ค. การส่งออกไทย (เม.ย.)
SET Index : แกว่งตัวแคบลง รอเลือกทิศทาง
SET Index ปิด 1286.53 (+5.77 จุด)
- • ช่วงนี้ดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ บริเวณ 1260-1300 จุด
- • สัญญาณ MACD เริ่มชะลอ แต่ดัชนียังสามารถเคลื่อนไหวเหนือ 20-DAY SMA
- • ดังนั้นเป็นการสะสมกำลัง รอการ Breakout เพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต
มีหุ้น : ระยะสั้น ถือต่อ สามารถลุ้นทะลุ 1300 จุด แต่กรณีหลุด 1270 จุด ให้ทำการ Trailing Stop เก็บกำไรบางส่วนออกมา
ไม่มีหุ้น : รอย่อเล่นเด้งแถว 1280 จุด หรือ รอ Breakout ผ่าน 1300 จุด แล้ว Follow buy ตาม
BAM กำ 7 พันล้านรับรู้ปีนี้ NPA หมื่นล้านประมูล Q3 (ทันหุ้น)
ความเห็น : แม้ระยะสั้นเงินสดเรียกเก็บจะได้รับผลกระทบจากลูกหนี้ผ่อนชำระเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ และการชะลอตัวของอุปสงค์สินทรัพย์รอการขาย เรายังเชื่อว่าภายในสิ้นปีจะสามารถมีเงินสดเรียกเก็บได้สูงกว่า 10,000 ลบ. ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายเงินปันผลระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.00 บ/หุ้น เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 25.00 บาท
ออนไลน์-ลดต้นทุน-ออกสินค้าใหม่ (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : จากการปรับไลน์การผลิตบางส่วนมาเป็นการผลิตหน้ากากผ้า ชดเชยรายได้ที่ลดลงได้เพียงบางส่วน เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ โดยคาดว่าผลประกอบการจะต่ำสุดใน 2Q63 จากการปิดสาขา แต่คาดว่ากำไรจะเริ่มฟื้นตัวใน 2H63 จากการผ่อนคลาย ล็อกดาวน์ ราคาหุ้นลดลงเป็นโอกาสในการลงทุน
TMT Steel (TMT)
สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายตามที่กังวล
Company Update
ประเด็นการลงทุน
สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายตามที่ประเมินก่อนหน้า ปริมาณขายเหล็กในเดือน เม.ย. – พ.ค. กลับสู่ระดับเกือบปกติ หลังลดลงในเดือน มี.ค. เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น คาดปีนี้กำไรจะฟื้นตัว 359 ล้านบาท +56%YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้น เนื่องจากราคาเหล็กในปีนี้ไม่ได้ดิ่งลงหนักเหมือนปีก่อน TMT มีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 8.2% เราแนะนำ ถือ จากราคาปัจจุบันใกล้ราคาเป้าหมาย 4.12 บาท และ ภาวะเหล็กมีความไม่แน่นอนสูง
สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายตามที่ประเมินก่อนหน้า
TMT ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน (18 พ.ค.) สถานการณ์ในเดือน เม.ย.-พ.ค. ไม่ได้เลวร้าย ตามที่ได้ประเมิน เมื่อการประชุมในวันที่ 16 มี.ค. ซึ่งผู้บริหารประเมินผลกระทบของ Covid-19 จะทำให้ยอดขายลดลงเหลือ 50,000 ตันต่อเดือน แต่เดือน เม.ย. กลับทำยอดขายได้ 59,000 ตัน และ เดือน พ.ค. มีแนวโน้มจะทำให้ยอดขายได้ 62,000-63,000 ตัน ซึ่งเป็นระดับปกติ เนื่องจาก TMT มีจุดเด่นคือ มีการขายเหล็กเป็นแบบ Solution ไปยังอุตสาหกรรมการผลิต เป็นศูนย์บริการเหล็กครบวงจร และ เนื่องจากกำไรไตรมาสแรกสูงถึง 123 ล้านบาท คิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปีเดิม เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น เดิมคาดปริมาณขายจะลดลง 10%YoY ราคาขายลดลง 13%YoY เป็น ปริมาณขายลดลง 5%YoY ราคาขายลดลง 12%YoY รวมแล้วประเมินยอดขาย 13,860 ล้านบาท ลดลง 16%YoY และ คาดจะมีกำไรสุทธิ 359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56%YoY
คาดกำไร 2Q63 จะชะลอตัวลงเหลือ ประมาณ 70 ล้านบาท
ปริมาณขายเหล็กในไตรมาส 2Q63 คาดจะใกล้ไตรมาสก่อนและปีก่อนเท่ากับ 183,000 ตัน แต่ราคาขายเฉลี่ยคาดจะปรับลดลงตามภาวะราคาเหล็กในตลาดโลกเหลือประมาณ 18,500 บาท/ตัน (-4%QoQ, -18%YoY) ทำให้มูลค่ายอดขายคาดจะปรับลดลงเหลือ 3,386 ล้านบาท (-4%QoQ, -18%YoY) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลง 7% จาก 8.9% ในไตรมาสก่อน และ 7.1% ในปีก่อน ซึ่งจะทำให้กำไรปรับลดลงเหลือประมาณ 70 ล้านบาท (-43%QoQ, -34%YoY)
หุ้นปันผลดี คงแนะนำ ถือ จากเหล็กมีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยง
ปีนี้ TMT ไม่มีการลงทุนที่สำคัญ หลังจากที่ขยายโรงท่อเหล็กในช่วงสองปีก่อน คาดจะจ่ายปันผล 80% ของกำไร จึงมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 8.2% จากประมาณการที่ปรับขึ้นและบนฐานค่าเฉลีย 10 ปี Forward P/E 10 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 4.12 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 3.50 บาท จากเหล็กมีความไม่แน่นอนสูง และ ราคาหุ้นใกล้ราคาเป้าหมาย เราคงแนะนำ ถือ
ความเสี่ยง : ราคาเหล็กผันผวน / ภาวะเหล็กล้นตลาด / สัดส่วนหนี้ต่อทุนที่สูง
Star Petroleum Refining (SPRC TB)
เข้าเกียร์เดินหน้า
รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันเบนซิน
การปลดล็อกดาวน์ทั่วโลกเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันหุ้นกลุ่มพลังงานของไทย (ปลายน้ำ) ปรับตัวขึ้นเด่น (15% เทียบกับ 1% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ MTD) สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของการผ่อนคลายคือการจราจรกลับมาคึกคักสะท้อนจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของสเปรดน้ำมันเบนซิน (+4.39 USD / บาร์เรล MoM) SPRC ได้ประโยชน์สูงสุดจากการฟื้นตัวรอบนี้เนื่องจากมีน้ำมันเบนซินมากสุด (24% ของผลิตภัณฑ์ ขณะที่ TOP ใหญ่สุดอันดับสองที่ 15%) เราคาดว่าค่าการกลั่นในไตรมาส 2Q20 จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (4-5 USD/ บาร์เรล เทียบกับ 1.28 USD ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1Q20) จากการฟื้นตัวของน้ำมันเบนซินและส่วนลดราคาน้ำมันดิบ ME (SPRC ซื้อนำมันดิบจากตะวันออกกลาง -82%)
การปลดล็อกดาวน์ทั่วโลก - ระดับการจราจรเพิ่มขึ้น
ระดับการจราจรทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์คลี่คลายลง โดยระดับการจราจรของจีนสูงถึง 90% จากระดับก่อนโควิดระบาด ในขณะที่สหรัฐมีระดับ 76% เทียบกับ 55% เดือนก่อน (สหรัฐฯ เป็นผู้บริโภคน้ำมันเบนซินรายใหญ่ที่สุดในโลก –15% ตามด้วยจีน) เราคาดว่าการจราจรจะคับคั่งกว่าช่วงก่อน Covid 19 ระบาด เนื่องจากผู้ใช้รถเลือกที่จะขับรถมากกว่าที่จะใช้ระบบขนส่งสาธารณะหรือบิน เนื่องจากกลัวติดไวรัส ข้อมูลการจราจรล่าสุด (Bloomberg) เปิดเผยว่าจราจรแออัดในชั่วโมงเร่งด่วนในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้แย่ลง 10-20% YoY หากแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ เรามองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การฟื้นตัวของน้ำมันเบนซินจะแข็งแกร่งและฟื้นตัวนานขึ้นแม้ว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
SPRC มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพกระแสเงินสด
ท่ามกลางผลกำไรที่อ่อนแอและไม่แน่นอน SPRC จะมุ่งเน้นไปที่การบริหารต้นทุน / ค่าใช้จ่าย (สอดคล้องกับภาคธุรกิจ) ผู้บริหารระบุว่าจะลดค่าใช้จ่ายลง 1,700 ลบ. โดย 1) ลดสต็อกน้ำมันลง 1,000 ลบ. (สำรองตามกฎหมายลดลงจาก 6% เป็น 4%) 2) ลดเงินลงทุน 300 ลบ. (โครงการย่อย) 3) ลด Opex ลง 200 ลบ. 4) การเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่น 200 ลบ.แผนเหล่านี้เป็นบวกต่อกระแสเงินสด แต่มีผลกระทบจำกัดต่อผลกำไร
คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 8.0 บาท
คงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากการฟื้นตัวของน้ำมันเบนซินและเงินปันผลปี 64 ที่น่าพึงพอใจ (นโยบายจ่าย 50% ไม่มีการลงทุนที่สำคัญในอีก 4 ปีหลังจาก 4Q19) เราเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 8.0 บาท (P/B ปี 63 ที่1.0 เท่า -1SD ของค่าเฉลี่ย 10ปี) คงประมาณการไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การปรับราคาเป้าหมายสะท้อนมุมมองของเราว่า SPRC จะเห็นผลการดำเนินงานกลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น หนุนโดยน้ำมันเบนซิน เรามองว่ามีความเสี่ยงจาก upside เล็กน้อยต่อประมาณการ GRM 2020 ของเราที่ 3.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากการลดราคาน้ำมันดิบ ME ในครึ่งปีหลัง
Srisawad Corporation (SAWAD TB)
กังวลประเด็นคุณภาพสินทรัพย์
คงประมาณการ แต่ห่วงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์
เรายังคงประมาณการการเติบโตของกำไรที่ 10-16% สำหรับปีนี้และปีหน้า แต่กังวลเกี่ยวกับสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพขั้นที่ 2 ที่สูงและ NPL coverage ต่ำ แต่เชื่อว่าต้นทุนเครดิตจะทรงตัว QoQ เนื่องจากมาตรการบรรเทาหนี้ของ ธปท. คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 62 บาท (P/E ปี 63 ที่ 20 เท่า P/BV 3.8 เท่า และ LT ROE 22%) ความเสี่ยงหลักของเราคือคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอกว่าที่คาดไว้
กำไร 1Q20 ดีกว่าคาด แต่คุณภาพสินทรัพย์แย่ลง
SAWAD รายงานกำไรสุทธิ 1.0 พันล้านบาทในไตรมาส 1Q20 เพิ่มขึ้น 23% YoY เนื่องจาก NIM ที่แข็งแกร่ง แต่ลดลง 5% จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงและการตั้งสำรองที่สูงขึ้น สินเชื่อขยายตัว 21% YoY และ 4% QoQ เป็น 3.88 หมื่นล้านบาทจากการขยายสาขาในเชิงรุก NIM เพิ่มขึ้น 46bps QoQ เป็น 19.5% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อที่สูงขึ้น ผลจาก SAWAD สามารถเรียกเก็บรายได้ดอกเบี้ยจาก NPL (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 665 ล้านบาทในวันแรกที่เริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน TFRS9 เนื่องจากบริษัทจำเป็นต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมโดยการหักส่วนของผู้ถือหุ้นโดยตรงจากงบดุล อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้นเป็น 5.4% ในไตรมาส 1Q20จาก 3.8% ในไตรมาส 4Q19 ผบห. ระบุ อัตราส่วน NPL ที่สูงขึ้นนั้นเกิดจาก TFRS9 ที่ไม่อนุญาตให้มีการตัดหนี้สูญเร็วกว่ามาตรฐานก่อนหน้านี้
มาตรการของ ธปท.หวังสกัด NPL และต้นทุนเครดิตพุ่ง
คุณภาพสินทรัพย์น่าจะแย่ลงไปอีก แต่ NPL ของ SAWAD อาจไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมาตรการบรรเทาหนี้ของ ธปท. ที่อนุญาตให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเพื่อคงสินเชื่อไว้ในขั้นที่ 1 แม้ว่า SAWAD จะลดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ลงโดยลด LTV ลง แต่เรายังกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพขั้นที่ 2 คิดเป็น 39.4% ของสินเชื่อรวมในไตรมาส 1Q20 เทียบกับ 8.7% ของ MTC (ซื้อ,ราคาเป้าหมาย 55.0 บาท) ดังนั้น สินเชื่อที่มีประสิทธิภาพของ SAWAD จึงมีเพียง 55% ของสินเชื่อรวมเทียบกับ 90% ของ MTC ทั้งนี้ SAWAD มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงและมี NPL Coverage ต่ำเทียบกับเพื่อน
คาดผลดำเนินงานอ่อนตัวใน 2Q-3Q20 และดีขึ้นใน 4Q20
เราคาดว่าการเติบโตของรายได้สินเชื่อและค่าธรรมเนียมจะชะลอตัวเนื่องจากมุ่งเน้นการบรรเทาหนี้มากกว่าการเปิดสาขาใหม่ ผบห.มีแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมประกันภัยเพื่อชดเชยการลดลงของค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้ในไตรมาส 2Q20 เราเห็นว่านี่เป็นงานที่ท้าทายเนื่องจากปัจจุบันมีมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม เราคาดว่าอัตราส่วน NPL จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.3% ในปี 2563 (SAWAD คาดต่ำกว่า 6.0%) จาก 5.4% ในไตรมาส 1Q20 ค่าใช้จ่ายเครดิตน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.0% ในปีนี้จากมาตรการของ ธปท.
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web