- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 May 2020 11:09
- Hits: 3627
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-5-2020
กลยุทธ์การลงทุน
Sentiment เชิงบวกจากตลาดุห้นต่างประเทศ น่าจะหนุน SET Index ให้ปรับขึ้นไปยืนเหนือ 1300 จุดได้ แต่ในชิงกลยุทธ์ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจาก Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างแพงโดยมีค่า PER สิ้นปี 2563 สูงถึง 19.5–19.8 เท่า วานนี้พอร์ตจำลองได้ขาย DCC เพื่อ Stop Profit รับกำไร 18.2% แนะนำให้นำเงินที่ได้สลับเข้าลงทุนใน LH รอรับโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ยที่กำลังเกิดขึ้น Top Picks เลือก PTT (FV@B 42) และ LH (FV@B 8)
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย …จับสัญญาณวันนี้
วานนี้ ตลาดหุ้นไทยปิดตัวในแดนบวกเล็กน้อยเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากมีมาตรการคลาย Lockdown ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา จึงทำให้ตลาดหุ้นปิดตัวในแดนบวกที่ระดับ 1286.76 จุด เพิ่มขึ้น 5.61 จุด หรือ +0.44%(จากที่บวกสูงสุดระหว่างวัน 15.1 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่หนุนตลาดหลักๆ คือ กลุ่มค้าปลีก ได้อานิสงค์จากการคลายล็อคดาวน์ ,กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี จากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น หุ้น Toppick ที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ Outperform ตลาดฯมาก และให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้ง 3 บริษัท คือ COM7 +6.98%, CPN +3.19% และ PTT +1.4% ด้วยกลยุทธ์หุ้นเด่นธีม Reopen ดังนั้นหากลูกค้าลงทุนตามน่าจะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจตามสมควร ส่วนกลยุทธ์ภาพรวมตลาดและหุ้น Toppick ที่น่าสนใจจะมีอะไรอีก สามารถติดตามได้ในบทวิเคราะห์ Market Talk ในวันพรุ่งนี้ ครับ
ตัวเลข GDP Growth ในงวด 1Q63 ติดลบเพียง 1.8% YoY และ -2.2% QoQ ซึ่งถือว่าดีกว่าความคาดหมายที่คาดว่าจะติดลบ 4% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการบริโภคภาคครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เพียงช่วงครึ่งหลังของเดือน มี.ค.63 อีกทั้งยังมีการเร่งตัวจากการกักตุนสินค้า และการบริโภคพลังงานที่สูงขึ้นจากการทำ Work from Home อย่าไรก็ตามสภาพัฒน์ฯ ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth งวดปี 2563 ลงมาเป็น ติดลบ 5-6% ซึ่งเป็นมุมมองที่สะท้อนการหดตัวอย่างรุนแรงของ GDP ในช่วงเวลาที่เหลือของปี เฉพาะอย่างยิ่งในงวด 2Q63 สำหรับการประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% โดยปัจจุบัน Bond Yield 1 ปี ได้ปรับตัวลดลงไปรออยู่ที่บริเวณ 0.57% แล้ว ส่วนอีกประเด็นหนึ่งให้ความสนใจกับเรื่อง Valuation ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งหลังการประกาศงบการเงินงวด 1Q63 ออกมาหดตัวถึง 58% YoY แล้ว ทำให้เห็นภาพการปรับลดประมาณการกำไรงวดปี 2563 ลงมาอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจเห็น EPS ปรับลดลงมาจาก 72.62 บาท/หุ้น มาอยู่ที่บริเวณ 65-66 บาท/หุ้น ซึ่งที่ระดับ SET Index ปัจจุบัน จะให้ค่า PER สิ้นปี 2563 อยู่ในช่วง 19.5-19.8 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับที่สูง สำหรับทิศทางของ SET Index วันนี้ เชื่อว่าจะถูกขับเคลื่อนให้ปรับตัวขึ้นไปเหนือระดับ 1300 จุดได้ ด้วย Sentiment เชิงบวกของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นแรงหลังมีพัฒนาการเชิงบวกในเรื่องของวัคซีนป้องกัน Covid-19 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน วานนี้พอร์ตจำลองได้ทำการขาย DCC เพื่อ Stop profit รับกำไร 18.2% วันนี้ให้นำเงินที่ได้จากการขาย เข้าลงทุนใน LH ทั้งนี้บนความคาดหวังว่า LH น่าจะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกทั้งพบว่ายอดขาย Presale ในโครงการแนวราบเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังให้ Dividend Yield สูงกว่า 6% ต่อปี หุ้น Top Pick วันนี้เลือก LH และ PTT
ความคืบหน้าเรื่องวัคซีนป้องกัน Covid-19 หนุนตลาดหุ้นโลก ดีต่อตลาดหุ้นไทย และหุ้นพลังงาน
ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 3.85%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.15% และ NASDAQ เพิ่มขึ้น 2.44% จากกระแสความคาดหวังเรื่องการพัฒนาวัคซีนรักษาไวรัส COVID-19 ภายหลังบริษัท Moderna รายงานผลการทดลองวัคซีนไวรัส COVID-19 เบื้องต้น พบว่าสมารถช่วยให้ร่างกายผลิตภูมิคุ้มกัน (Antibody) ได้ อย่างไรก็ตาม การทดลองวัคซีนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องให้น้ำหนักต่อไป เนื่องจากเป็นเพียงการทดลองในระยะที่ 1 และมีจำนวนอาสาสมัครที่เข้าร่วมเพียง 45 ราย
เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบที่ได้อานิงค์บวกจากประเด็นดังกล่าว ต่อ นอกจากปัจจัยหนุนทางพื้นฐานทั้ง ฝั่งDemand น้ำมัน 1.)หลายประเทศเริ่มทยอยกลับมาดำเนินธุรกิจมากขึ้น (Reopen) 2.เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว และฝั่ง Supply จาก กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้พมัน OPEC+ ที่ทำตามข้อตกลงปรับลดการผลิต และในวันนี้ สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า (Crude oil Future) เดือน มิ.ย. 2563 จะหมดอายุ คาดว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำแรง เหมือนในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
โดยรวมราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและฟื้นจากจุดต่ำสุดเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. 2563 หรือเพิ่มขึ้นราว 80% บวกต่อหุ้นพลังงาน โดยแนะนำลงทุน PTTEP (FV@B>100) และ PTT (FV@B>42) และกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ASPS คาด Spread โตรเคมีน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน เม.ย. โดยคาด 1Q63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2563 ยังคงเลือก IVL (FV@B>37)
GDP 1Q63 ติดลบเพียง 1.8%ดีกว่าคาด แต่งวด 2Q63 คาดหดตัวแรง
- • การบริโภคครัวเรือน(ราว 50% ของ GDP) ขยายตัว 3%ดีกว่าคาด เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้รัฐสั่งประชาชนส่วนใหญ่กักตัวอยู่ในบ้าน จึงมีการกักตุนอาหาร,เครื่องดื่ม และมีการใช้สาธารณูปโภค (ไฟฟ้า, ประปา)เพิ่มขึ้น ขณะที่การบริโภคกลุ่มอื่นๆชะลอตัวลง
- • ยอดส่งออกสินค้าในงวด 1Q63 ขยายตัว 1.5% เนื่องจากมีการส่งออกทองคำ และมีการส่งออกอาวุธยุทธโธปกรณ์กลับไปยังสหรัฐ หลังเสร็จสิ้นการซ้อมรบ
- • Change Inventories งวด 1Q63 เพิ่มขึ้นเป็น 8.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4 เท่า เทียบกับ 1Q62 อยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท บ่งชี้ได้ว่ามีสินค้าที่ผลิตมีมากกว่าสินค้าที่ขายได้
MINT เพิ่มทุนกว่า 1 พันล้านหุ้น
3.)เพื่อรองรับการปรับอัตราใช้สิทธิ MINT – W6 จำนวน 8 ล้านหุ้น
กลยุทธ์เด่น ธีมเปิดเมือง + ลดดอกเบี้ย ชอบหุ้น PTT และ LH
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังมี Momentum ผลักดันตลาดอยู่ 2 ประเด็น คือ
- บางธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินงาน บวกกับความคืบหน้าของวัคซีนป้องกัน COVD-19 ที่ทางบริษัท Moderna ได้พัฒนาขึ้น หนุนหุ้นสหรัฐหลาย Sector ที่ถูกผลกระทบจาก Covid-19 โดยตรง กลับมาฟื้นตัวเด่นอีกครั้ง เช่น หุ้นกลุ่มพลังงานใน S&P500 วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 7.6%, ตามมาด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม 6.6%, กลุ่มการเงิน 5.3% และกลุ่มอสังหาฯ 4.9% เป็นต้น ประเด็นดังกล่าวถือว่าสร้างความหวังใหม่ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และน่าจะหนุนให้หุ้นในไทยที่ Underperform ในช่วงที่ผ่านมา น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้บ้าง
- มีโอกาสสูงที่กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง ในวันที่ 20 พ.ค. 63 สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังมีทิศทางชะลอตัวอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2 บวกกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 1ปี ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ 0.57% (ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย) ซึ่งตามกลไกปกติถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้น เนื่องจากดอกเบี้ยฯลดลงทุกๆ 0.25% จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายบน PE ที่สูงขึ้น 0.79 เท่า ถือการเปิด Upside ของดัชนี SET index ราวๆ 52 จุด หากลดดอกเบี้ลง 0.25% เป้าหมาย SET มีโอกาสขยับขึ้น 52 จุด
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน, ปัจจัยทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web