WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-5-2020FSS2

กลยุทธ์วันนี้ >> Energy and Petro Trading//Wait to Accumulate and DCA on Dip

         ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เคลื่อนไหว Sideways ออกข้างและปิดทรงตัว+0.36 จุด โดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีประคองตลาดได้ตามคาดจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงบวกต่อมาตรการคลาย Lockdown ระยะที่ 2 นัก สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.7 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 6.8 พันสัญญา)

         แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,270-1,290 จุด กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีคาดว่ายังนำตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ยังพุ่งขึ้นจากการ Reopen Economy และการลดกำลังการผลิต ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้คือตัวเลข GDP 1Q20 (ตลาดคาด -4% Y-Y) รวมถึงการประชุมกนง.ในวันพุธว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกยังต้องเฝ้าดูความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 2 หลังทยอยเปิดเมือง เรายังมอง Valuation ของ SET ที่ PER 17.5-18 เท่ายังค่อนข้างแพง จึงยังแนะนำให้รอการพักฐานก่อนทยอยสะสมหุ้นรอบใหม่ ส่วนระยะสั้นแนะนำ Trading ตามการแกว่งตัวของดัชนี

         กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นตามการแกว่งตัวของตลาด//ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน

         หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP

หุ้นเด่นวันนี้: RBF

         - แนะนำซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.30 บาท

         - กำไรดีกว่าคาดมากโดยอยู่ที่ 147 ลบ. ถ้าหักรายการพิเศษ กำไรปกติเป็น 154 ลบ. +54% Q-Q, +77% Y-Y แม้ธุรกิจโรงแรมจะถูกกระทบจาก COVID-19 แต่ชดเชยได้จากธุรกิจหลักคือวัตถุแต่งสีแต่งกลิ่นและกลุ่มแป้งและซอสที่เติบโตดีมาก ขณะที่อัตรากำไรดีขึ้นจากการคุมต้นทุนและรายจ่าย และปรับ product mix

         - แนวโน้มกำไร 2Q20 ชะลอ Q-Q เพราะ lockdown แต่บริษัทเน้นคุมค่าใช้จ่ายเข้มข้น ล่าสุดรง.ที่อินโดนีเซียเริ่มผลิตแล้ว เราปรับกำไรปีนี้ขึ้น 16% เป็น 505 ลบ. +32% Y-Y ปัจจุบันมี PE 19 เท่า PEG เพียง 0.6 และ EV/EBITDA ต่ำเพียง 10 เท่า

         Fund Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$600ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีไต้ US$426ล้าน ขณะที่ไทยไหลออกเช่นกันอีก US$83ล้านสูงที่สุดในกลุ่ม TIPS แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกแต่เบาบางลง โดยนักลงทุนจับตาดูระหว่างความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 2 และการ Reopen Economy รวมถึงสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังตึงเครียดเล็กน้อย

ประเด็นสำคัญวันนี้

         (0) ลดเวลาเคอร์ฟิว-เปิดห้างวานนี้ บรรยากาศเปิดห้างวันแรกคึกคัก ประชาชนรอคิวเข้าใช้บริการ โดยที่ห้างมีมาตรการเข้มงวดตามคำแนะนำของศบค. หลังจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกหลังการเปิดศก.ในหลายๆประเทศ

         (0) ติดตาม GDP 1Q20 เช้านี้ และแนวโน้มศก.ทั้งปี ทั้งนี้ ธปท.คาด GDP ปีนี้ -5.3% ติดตามการประชุม กนง.วันพุธ ตลาดคาดว่ากนง.จะปรับลดดอกเบี้ย แต่เราคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% และวันศุกร์มีตัวเลขส่งออก เม.ย. ซึ่ง lockdown เต็มเดือน

         (-) กำไรปกติ 1Q20 หดตัว 42% Y-Y กลุ่มที่หดตัวแรงคือพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรเคมี โรงแรม สายการบิน สนามบิน ยานยนต์ โรงพยาบาลเฉพาะขนาดใหญ่ และอสังหาฯ กลุ่มที่ยังเติบโตได้แก่ โรงไฟฟ้า ไฟแนนซ์ อิเล็คทรอนิคส์ เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม และโรงพยาบาลขนาดกลาง-เล็ก ปรับประมาณการที่เราปรับล่าสุด EPS ปีนี้ -21% เหลือ 68 บาท ปี 2021 +23% เป็น 84 บาท  

         (-) MINT พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 1.77 พันลบ. หากตัดรายการพิเศษ ผลการดำเนินงานปกติขาดทุนถึง 3.17 พันลบ. หนักกว่าเราและตลาดคาดมาก Rev Par ธุรกิจโรงแรม -27% Y-Y ธุรกิจอาหาร SSSG -10.5% Y-Y เพราะต้องปิดโรงแรมและร้านอาหารชั่วคราว EBITDA Margin พลิกมาลบ -0.5% เราคาดขาดทุนต่ออีก 2 ไตรมาสเป็นอย่างน้อย ปรับประมาณการปีนี้ลงเป็นขาดทุน 1 หมื่นลบ. MINT มีวงเงินที่ยังกู้ได้อีก 3.5 หมื่นลบ. เชื่อว่าจะผ่านวิกฤตนี้ได้ ปรับเป้าลงเป็น 16.60 บาทจาก 25 บาท แนะนำขาย

         (+) SAPPE กำไรดีกว่าคาด ถ้าตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติเป็น 106 ลบ. +136% Q-Q ทรงตัว Y-Y จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาด แม้รายได้ในประเทศจะ -7% Y-Y แต่ส่งออกโตดี +13% Y-Y โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และแม้ต้องเสียภาษีสรรพสามิต 10% เพราะปรับสูตรเครื่องดื่มไม่เสร็จ แต่ utilization rate สูงขึ้น เม็ดพลาสติกถูกลง บาทอ่อน หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น แนวโน้ม 2Q20 ชะลอ แต่เราปรับกำไรทั้งปีขึ้น 12% เป็น 402 ลบ. +3% Y-Y ปรับเป้าขึ้นเป็น 22 บาทจาก 18 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ

          (+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 60.08 จุด ปิดที่ 23,685.42 จุด เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนนี้ อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นถูกจำกัดด้วยความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังสหรัฐออกกฎเพื่อสกัดการส่งออกเซมิคอนดัคเตอร์ให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ของจีน ขณะที่จีนเตรียมตอบโต้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ หากสหรัฐยังคงใช้มาตรการกีดกันบริษัทหัวเว่ย นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกปรับลง 16.4% ในเดือนเม.ย. แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาด

         (+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนเม.ย.ดีกว่าคาด

         (0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด แต่กระบวนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้น อาจต้องใช้เวลาจนถึงสิ้นปี 2564 หรือรอให้มีวัคซีนต้านไวรัสต้านโควิด-19 อย่างไรก็ดี มีปัจจัยลบจากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนติดตามจีนเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.เช้าวันนี้

         (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

         (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.87 ดอลลาร์ หรือ 6.8% ปิดที่ 29.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ปรับลดการผลิตลง และมีสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบ จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

         (+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 15.4 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,756.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปปลอดภัย หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ และความตึงเครียดการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีน

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1113.78 / +9.06

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 พ.ค.       - ไทย: 1Q20 GDP

         - ญี่ปุ่น: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -4.6% Q-Q Annualized)

19 พ.ค.       - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม

          - สิงคโปร์: 1Q20 GDP

20 พ.ค.       - ไทย: กนง. ประชุม

         - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)

21 พ.ค.       - สหรัฐ: FOMC Minutes Meeting, Markit US Manufacturing & Services PMI (พ.ค.)

         - เกาหลีใต้: Exports-Imports 20 Days (พ.ค.)

22 พ.ค.       - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (เม.ย.)

         Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530

         Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077

         www.fnsyrus.com

         FB: Finansia Syrus Research

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!