WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-5-2020บล.เออีซี2 420x280

: Daily Focus AECS Daily Focus

Market Outlook

วันนี้คาด SET Index แกว่งพักตัวในกรอบ1,270-1,290 จุด โดยมีปัจจัยกดดันจากผลกระทบสถานการณ์ COVID-19 ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังสะท้อนผ่านรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ Jobless Claim ที่ประกาศออกมามากกว่าตลาดคาด ขณะที่ในประเทศหนุนด้วยประเด็นความชัดเจนมาตรการผ่อนคลาย Lock Down เฟสสองวันนี้

Market Factor

  • •   (-) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่ 2.981 ล้านรายมากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 2.5 ล้านรายทำให้ตัวเลขรวม 8 สัปดาห์อยู่ที่ 36.5ล้านราย จากผลกระทบของเชื้อไวรัส COVID-19 อีกทั้งตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่คาดจะกระทบด้วยจากที่ตลาดคาดหดตัว 12% จากหดตัว 8.4% ในเดือน มี.ค.
  • •   (+) ทำเนียบขาวเตรียมมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินรอบ 2 เพื่อบรรเทาผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
  • •   (-) WHO ได้ออกมาเตือนการแพร่ระบาดจะสามารถควบคุมได้ในช่วง 4-5 ปีจากจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกราว 4.3 ล้านรายและจำนวนผู้เสียชีวิตราย 3 แสนราย
  • •   (watch) จับตาตัวเลขดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.ของจีนตลาดคาดพลิกกลับมาเป็นบวก 1.5% จากลบ 1.1% ในเดือน มี.ค. หลังจีนเริ่มเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
  • •   (+) นายอุตตม รมว.กระทรวงคลังเผยคลังอยู่ระหว่างการออกแบบมาตรการเสริมที่เป็นกลไกในลักษณะกองทุน วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสถาบันการเงิน และไม่ได้ครอบคลุมอยู่ในมาตรการช่วยเหลือเยียวยาก่อนหน้านี้ (ประชาชาติธุรกิจ)
  • •   (watch) ติดตามข้อสรุปมาตรการผ่อนคลาย Lock Down เฟสสอง ครอบคลุมประเด็นกลุ่มกิจการที่จะกลับมาเปิดทำการ และแนวทางการปฏิบัติ โดยจะมีผลบังคับใช้ 17 พ.ค.นี้
  • •   รายงาน สธ.ประจำวันที่ 14 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,018 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย
  • •   อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.83% (1.2%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.16% (-2.7% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.62% (-3.1% DoD)
  • •   ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 70.2 บ. หรือลดลง 31.0%YTD
  • •   Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ 1,947.8 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 19,476.98 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันพลิกขายสุทธิ 955.91 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 4,029.95 ลบ.

Investment Strategy

สัปดาห์นี้เราประเมิน SET แกว่ง Sideway กรอบการเคลื่อนไหว 1,240- 1,300 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจาก

1) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการว่างประกาศออกมาลดลงน้อยกว่าคาดการณ์            

2) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มคลี่คลายทั้งด้านอุปสงค์จากการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังมาตรการผ่อน Lockdown และด้านอุปทานหลัง OPEC+ ปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลง บวกกับรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง

3) ไทยตรียม Reopen เฟสสอง 17 พ.ค.นี้ ผ่อนคลายให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการครอบคลุมกลุ่มธุรกิจกว้างขึ้น อย่างไรก็ดีคาดจะถูกกดดันด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิดประเด็นความสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง นอกจากแนะนำติดตามการรายงานผลประการบริษัทจดทะเบียนฯ ไทยช่วง 1Q63 ที่มีแนวโน้มอ่อนแอตามสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งจะกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน1Q63 กำไร 94.41ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร

กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ

โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)

  • •  
  • •   Trading Idea
  • •   กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน 7-11 และ MAKRO โดยวานนี้CPALLแจ้งตลท ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์หลัก7-11ในประเทศกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา30ปี มองเป็นปัจจัยบวก สร้างการเติบโตในระยะกลาง โดยกัมพูชามีประชากรราว 17 ล้านคน ขณะที่ไทย 70ล้านคน มีสาขาประมาณ 17,000 สาขา โดยก่อนน้านี้ MAKRO เข้าไปเปิดสาขาในกัมพูชามาแล้ว จะช่วยให้ 7-11 ได้ประโยชน์จากข้อมูลผู้บริโภคในประเทศกัมพูชา ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จาก BIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของ COVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ   บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
  • •   กลุ่มผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน : แนะนำเก็งกำไร SUSCO, PTG ด้วยสองปัจจัยหนุน 1) ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันมากขึ้นหนุนอุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2) อุปทานที่ลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้นตอบรับการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ Russia เริ่มลดกำลังผลิตแล้วในเดือน พ.ค.นี้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดทุนสต็อกน้ำมันในช่วง 2Q63

14-May-20   Change (pts.)   13-May-20

SET Index   1,280.40   -14.15   1,294.55

SET50 Index   856.11   -11.25   867.36

SET100 Index   1,876.37   -24.43   1,900.80

High   1,290.24   Gainers   418

Low         1,275.85       Unchanged   292

Value (Bt m)   46,654.45   Losers   916

Volume (*000)   12,514,791        

Market Valuation

SET Data   2019F   2020F   Long Term

Fwd PER (x)   18.2   14.9   14.9

EPS Growth (%)   13.9   9.3   -18.4

EV/EBITDA (x)   12.0   10.5   9.6

FWD PBV (x)   1.4   1.4   1.3

Dividend Yield (%)   3.0   3.3   3.6

ROE   7.1   7.9   8.6

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt   14-May-20   WTD   MTD   YTD

Institution   (955.91)   6,574.48   4,029.94   53,778.02

Proprietary   (259.59)   (798.34)   (1,183.18)   (4,020.82)

Foreign     (1,947.80)   (10,542.62)   (19,476.99)   (181,807.76)

Individual   3,163.31   4,766.49   16,630.23   132,050.56

AECS ( Fundamental and Strategic Team )

ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)   [email protected]

ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

ชัยรัตน์ คงสุนทร

สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!