- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 May 2020 19:29
- Hits: 3134
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-5-2020
“ดาวโจนส์พลิกบวกแม้มีปัญหาว่างงานสูง ราคาน้ำมันพุ่ง”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PSH (จากถือเป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับลง กังวลประธานเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐเป็นขาลง ปิด -14.15 จุด ที่ 1280.40 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 47พันลบ. ตลาดปรับลงคล้ายภูมิภาค มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ เช่น CPALL,BAM,PTT ยกเว้น CPF ที่กำไร 1Q63 ออกมาดีเกินคาด และติดตามสถานการณ์แก้ปัญหาการบินไทย ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงขึ้นอีกเป็น 181.8 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นมีโอกาสรีบาวด์ ดาวโจนส์ฟื้นตัว น้ำมันปรับขึ้น วันนี้คุยคลายล็อคดาวน์ ปัจจัยบวกคือดาวโจนส์พลิกกับมาเพิ่ม 377 จุดมีการซื้อหุ้นกลุ่มแบงค์และพลังงาน น้ำมันปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ สต็อคที่สหรัฐน้อย ไทยมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตต่ำแล้ว วันนี้ภาครัฐและฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีการคุยคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าห้างสรรพสินค้าจะกลับมาเปิดได้ และเช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่รีบาวด์ ด้านปัจจัยลบคือ ตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นอย่างมากที่สหรัฐ ยอดสะสมเป็น 1 ใน 4 ของผู้ใช้แรงงานแล้ว มูดี้ส์ลดประมาณการยอดขายรถยนตทั่วโลก -20% ราคาทองคำทะยาน นักลงทุนยังไม่ไว้ใจสถานการณ์
สำหรับดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าเช้านี้ปรับตัวลง กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1270-1300 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นเข้าMSCI คือ AWC,KTC,BAM ส่วนหุ้นออกเคือ BANPU มีผล 29 พ.ค.63 สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTW SET100-SISB, RBF (ข่าวหุ้น) และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้าง 17 พ.ค. (ทราบผลวันนี้) เช่น CPN,CPNREIT,CRC,COM7,HMPRO,DOHOME,GLOBAL แต่หุ้นที่ฟื้นตัวช้าจะเป็นสายการบิน โรงแรม เพราะยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในไทย มีแต่การบินในประเทศ แนวรับคือ 1250 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1290-1300จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1280 จุด
# Stock Pick Today : CPF ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 41 บาท ปรับประมาณการดีขึ้น ปีนี้และปีหน้าเป็น +38%/+14% สะท้อนอัตรากำไรที่ทำได้สูง ธุรกิจเนื้อหมูที่ราคาขายสูงโดยเฉพาะเวียดนามผลักดัน ด้านการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ และจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มก็จะมีส่วนเสริมทำให้มีการเติบโตที่ดีในระยะยาวได้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับขึ้นเป็น 41.00 บาท และใช้ Forward P/E เฉลี่ยปี 63-64 ที่ 16.5 เท่า (-0.5 SD จากค่าเฉลี่ย P/E 5 ปี ย้อนหลัง)การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเปลี่ยนเป็นลบเล็กๆ ให้น้ำหนักกับการลง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเปลี่ยนเป็นลบ(ยัง)เล็กๆ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1290 (หรือ 1300) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า1280” (แนวรับย่อย “1250 / 1230, 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BCH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
BEM (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.10)
CPF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 41.00)
PSH (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 9.50)
QH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 2.40)
STI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 5.90)
Flash Note : AIMIRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 14.60)
AMATA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 14.60)
BJC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 45.00)
CENTEL (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 19.00)
COM7 (ถือ -ราคาพื้นฐาน 20.00)
ERW (ถือ -ราคาพื้นฐาน 3.20)
LALIN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 5.05)
MODERN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 2.60)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่าน รวมทั้งหุ้นพลังงาน
# นักวิเคราะห์จากบริษัททีดี อเมริเทรด กล่าวว่า นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาและการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาคธนาคาร และซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI
-สหรัฐ: ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมากกว่าคาด ยอดสะสมสูงมาก
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.981 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5 ล้านราย
# ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานโดยรวมพุ่งขึ้นเกือบ 36.5 ล้านราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของประชากรในวัยทำงานทั้งหมดของสหรัฐ นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปีนี้ลง 20%
# สื่อต่างประเทศรายงานว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปีนี้ลง 20% จากเดิมที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 14% ขณะที่มูดี้ส์คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้น 11.5% ในปี 2564
# ผลกระทบ: เป็นลบกับหลักทรัพย์ชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กโทรนิกส์ไทย ที่มีความต้องการลดลง ยังคงแนะนำในเชิงลบกับ KCE และ HANA
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 377.37 จุด รับแรงซื้อหุ้นแบงก์,พลังงาน
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นธนาคารรายใหญ่ที่ถูกเทขายในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 9% ซึ่งคำสั่งซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นทั้งสองกลุ่มได้ช่วยพยุงตลาดขึ้นปิดในแดนบวกหลังจากที่ถูกกดดันในช่วงแรกจากรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่สูงเกินคาด
+ น้ำมัน : WTI ปิดพุ่ง $2.27 รับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง,คาดการณ์สต็อกน้ำมันทั่วโลกร่วง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.)ขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล(IEA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $24.50 นลท.รุกซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลแรงงานสหรัฐซบเซา
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานกว่า 2.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire StateManufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 ราย ไม่พบเสียชีวิตเพิ่ม
# ศบค.เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,018 ราย ผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 6 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,850 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 112 ราย ขณะที่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 56 ราย
+ วันนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาการผ่อนปรนมาตรการคลายล็อกกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ในระยะที่ 2
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) เต็มคณะในวันนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาการผ่อนปรนมาตรการคลายล็อกกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ในระยะที่ 2
-ภาวะเศรษฐกิจไทย: อัตราการเติบโตทาเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้มีแนวโน้มจะติดลบ
# รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมการทบทวนภาวะเศรษฐกิจที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่า อัตราการเติบโตทาเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้คาดว่าจะติดลบอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้คงคาดการณ์ลำบาก เนื่องจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว มีคนตกงานแล้ว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแลด้วยการออกมาตรการต่าง ๆ มาช่วยเหลือและลดผลกระทบให้กับประชาชน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web