- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 May 2020 15:13
- Hits: 2001
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 13-5-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Short-Term Trading//Wait to Accumulate and DCA on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าที่เราและตลาดคาดปิดบวกอีก 12.39 จุด ณ สิ้นวัน ทดสอบระดับแนวต้านสำคัญ 1,300 จุดอีกครั้ง หุ้นขนาดใหญ่ยังคงหนุนตลาดโดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิอีก 3 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 3.2 พันลบ. (แต่ Long Index Futures 331 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index แกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,285-1,305 จุดหลังปรับตัวของต่อเนื่อง 2 วันล่าสุด ขณะที่บรรยากาศการลงทุนเริ่มเป็นลบมากขึ้น โดยปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้นต่อการ Reopen Economy ของทั่วโลกหลังตอบรับประเด็นดังกล่าวไปมาก และเริ่มให้น้ำหนักกับการจับตาสถานการณ์ติดเชื้อว่าจะเกิดการระบาดระลอกที่ 2 หรือไม่ เช่นเดียวกับไทยที่อยู่ระหว่างประเมินมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 2 ขณะที่ประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังต้องติดตามว่าจะมีการออกมาโจมตีระหว่างกันและทำได้ตามข้อตกลงเฟสแรกหรือไม่ซึ่งเป็นอีกความเสี่ยง ขณะที่ฝั่ง Valuation ของ SET ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 17.8 เท่าซึ่งค่อนข้างแพง เราจึงยังมอง Upside ของดัชนียังจำกัด โดยยังแนะนำให้รอการพักฐานในเดือนนี้เพื่อสะสมหุ้นรอบใหม่ ส่วนระยะสั้นแนะนำ Trading ตามการแกว่งตัวของดัชนี
กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นตามการแกว่งตัวของตลาด//ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP
หุ้นเด่นวันนี้: CPF
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 36 บาท
- ประกาศงบวันนี้ แนวโน้มกำไร 1Q20 สดใส ผลกระทบจาก COVID-19 จำกัด แต่ได้อานิสงส์จากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับสูงขึ้น เราคาดกำไรปกติ 4.2 พันลบ. สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส
- แนวโน้ม 2Q20 อาจชะลอ Q-Q เพราะราคาเนื้อสัตว์ลดลงในเดือน เม.ย. แต่ปัจจุบันขยับขึ้นมาเล็กน้อย
- ปัจจุบันมี PE 13 เท่า ต่ำกว่าอดีตที่ 15-17 เท่าและ PBV ต่ำเพียง 1.2 เท่า
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคและเร่งตัวขึ้นเป็น US$1,328ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีใต้ US$851ล้านและ US$293ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยไหลออกเช่นกัน US$100ล้าน และยังคงมากที่สุดในกลุ่ม TIPS แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก โดยนักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้นต่อการ Reopen Economy ทั่วโลกซึ่งอาจทำให้เกิดการระบาดระลอกที่ 2
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) CPALL กำไรเป็นไปตามคาด 5.6 พันลบ. -9% Q-Q, -2% Y-Y กำไรที่ดีของ MAKRO ชดเชย CPALL ไม่ได้ ร้าน 7-11 มี SSSG -4% Y-Y เพราะจำนวนลูกค้าเข้าร้านน้อยลง แนวโน้มกำไร 2Q20 ลดลงเพราะ COVID-19 กระทบมากขึ้นในเดือน เม.ย. บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนแผนเปิดสาขาใหม่ กำไร 1Q20 คิดเป็น 25% ของกำไรทั้งที่คาด 2.26 หมื่นลบ. +1% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 78 บาท แนะซื้ออ่อนตัว
(0) OSP กำไรต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดยกำไรปกติอยู่ที่ 837 ลบ. +2% Q-Q, -6% Y-Y แม้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ไม่สามารถหักล้างค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้หมด ซึ่งมาจากการส่งเสริมการขายและการเตรียมเปิดรง.เครื่องดื่มแห่งใหม่ที่พม่า กำไร 1Q20 คิดเป็น 21% ของกำไรทั้งปีที่คาด 3.9 พันลบ. +21% Y-Y คงเป้า 46 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนเหลือ upside 6% ลดคำแนะนำเป็นถือ จากซื้อ
(+) KCE กำไรดีกว่าคาดมาก กำไรปกติไม่รวม FX gain อยู่ที่ 407 ลบ. +95% Q-Q, +64% Y-Y จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและสูงกว่าคาด กำไร 1Q20 คิดเป็น 34% ของคาดการณ์ทั้งปีและเป็นกำไรก่อน COVID-19 แนวโน้ม 2Q20 น่าจะลดลงพอสมควรเพราะลูกค้าหลายประเทศโดยเฉพาะยุโรปปิดรง.จาก lockdown ยังคงกำไรปีนี้ที่ 1.2 พันลบ. +30% Y-Y ไว้ก่อน คงเป้า 18 บาท จะอัพเดทอีกครั้งหลังประชุมวันนี้
(-) M กำไร 1Q20 ถูกกระทบหนัก -48% Q-Q, -52% Y-Y เหลือ 340 ลบ. แม้ปิดสาขาเพียง 10 วันสุดท้ายของ มี.ค. แต่ SSSG ของ MK -20% Y-Y, Yayoi -21% Y-Y, แหลมเจริญ -38% Y-Y และการทำโปรโมชั่นทาง online ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง แต่ค่าใช้จ่าย (ค่าเช่าและค่าแรง) ลดลงยาก แนวโน้ม 2Q20 อาจขาดทุนเพราะปิดสาขาตลอดเดือน เม.ย. แม้จะกลับมาเปิดในเดือน พ.ค. แต่การที่ลูกค้าต้องนั่งแยกโต๊ะละ 1 คน ทำให้ Capacity ถูกใช้งานเพียง 30% อยู่ระหว่างทบทวนกำไรและเป้าหมาย
(-) WORK แม้กำไรจะดีกว่าเราและตลาดคาดมากแต่แนวโน้มยังไม่สดใส กำไรปกติ 1Q20 อยู่ที่ 61 ลบ. พลิกจากขาดทุน 32 ลบ.ใน 4Q19 แต่ -19% Y-Y รายได้หลักจากช่อง WPTV ยังลดลงต่อเนื่อง แนวโน้มจะแย่ลงต่อใน 2Q20 เพราะผลกระทบของ COVID-19 มากขึ้น เราปรับกำไรปีนี้ขึ้นสะท้อนกำไร 1Q20 ที่ดีกว่าคาด แต่ยังเป็นกำไรที่ -30% Y-Y ปรับเป้าขึ้นเป็น 8.70 บาท ยังคงแนะนำขาย
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 457.21 จุด ปิดที่ 23,764.78 จุด หลังจากนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี นายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว เตือนว่า รัฐต่างๆ ในสหรัฐจะเผชิญกับผลกระทบร้ายแรง และอาจเกิดการแพร่ระบาดเป็นรอบที่สองในสหรัฐ หากมีการเปิดเศรษฐกิจก่อนเวลาอันควร
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังบริษัทจดทะเบียนในยุโรปเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด รวมถึงหนุนด้วยการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม, กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ท่ามกลางภาวะที่ไม่แน่นอนของแพร่ระบาดของโควิด-19
(-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสอง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศปรับขึ้นอีกครั้ง หลังรัฐบาลประกาศคลายมาตรการล็อกดาวน์
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 6.8% ปิดที่ 25.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานข่าววว่า ซาอุดีอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ การเริ่มเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศคาดช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรล
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,706.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1083.66 / +2.59
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 พ.ค. - จีน: Industrial Production, ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
- ฮ่องกง: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -8.9% Y-Y)
- ยูโรโซน: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -3.8% Y-Y)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
18 พ.ค. - ไทย: 1Q20 GDP
- ญี่ปุ่น: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -4.6% Q-Q Annualized)
19 พ.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- สิงคโปร์: 1Q20 GDP
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web