- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 May 2020 15:08
- Hits: 2802
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 11-5-2020
“จ้างงานนอกภาคเกษตรแย่น้อยกว่าคาด เจรจาการค้าดี”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TOP (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์รีบาวด์ บวกตามต่างประเทศ รอตัวเลขจ้างงาน-เจรจาการค้า ปิด +8.04 จุด ที่ 1266.02 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 44 พันลบ. แม้ผลประกอบการกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯออกมาไม่สดใส แต่ตลาดฯยังปรับขึ้นได้ เหมือนรับรู้ข่าวมาก่อนหน้าแล้ว ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์โควิด-19หลังหลายประเทศมีการรีโอเพน ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงขึ้นอีกเป็น 171 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นมีโอกาสรีบาวด์ต่อ แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานแย่น้อยกว่าคาด เจรจการค้าเป็นบวก ปัจจัยบวกคือ ตัวเลขตำแหน่งจ้างงานนอกภาคการเกษตรลดลงเป็น 20.5 ล้านคนและอัตราว่างงาน 14% แย่น้อยกว่าตลาดคาด และจีนกับสหรัฐจะร่วมมือกันทำการค้าในลักษณะส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาค ดาวโจนส์ตอบรับ +455 จุด น้ำมันปรับขึ้นหลังจำนวนแท่นขุดเจาะสหรัฐลดลง ทองคำปรับลงเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ปรับขึ้น ด้านไทย ศบค.จะมีการทดลองทำ sandbox การเปิดห้าง 1 แห่ง ก่อนจะหารือกันใน 15 พ.ค.นี้ และธปท.ให้แบงค์คิดดอกเบี้ยผิดนัดเฉพาะก้อนนั้น ไม่ให้คิดทั้งหมด ด้านปัจจัยลบคือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดรอบ 21 ปี น้ำมันล่วงหน้าเช้านี้ลดลง และดัชนีเรือเทกอง (BDI) อ่อนลงต่อเนื่อง กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1250-1280 จุด
ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPFขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ระยะนี้เก็งกำไรหุ้นเข้า MSCI คือ AWC,KTC,TOA ส่วนหุ้นออกเป็นลบคือ BANPU สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTW SET100-SISB, RBF (ข่าวหุ้น) และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้าง 17 พ.ค. เช่น CPN,CPNREIT,CRC,COM7, HMPRO, DOHOME, GLOBAL แต่หุ้นที่ฟื้นตัวช้าจะเป็นสายการบิน โรงแรม เพราะยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในไทย มีแต่การบินในประเทศ แนวรับคือ 1240 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1270-1280 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1255 จุด
# Stock Pick Today :
MTC กำไรสุทธิ 1Q63 ทำสถิติสูงสุดใหม่และดีกว่าคาด การเติบโตมาจากการขยายสาขา (+187 แห่งใน 1Q63 เป็น 4,294 แห่งในสิ้นมี.ค.63) การตั้งสำรองฯน้อยลง สินเชื่อเติบโต +23.9%YoY NPL ratio ยังคงต่ำที่ 1.18% ในสิ้น 1Q63 เพราะจัดชั้นสินทรัพย์ใหม่ตามเกณฑ์ TFRS9 แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 58 บาท ซึ่งอิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 6.0 เท่า (-2SD) ทาง DBS คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 63F และ 64F จะเติบโตได้ต่อเนื่อง +18% และ +20% ตามลำดับการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบ และระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators ยังให้ภาพที่เป็นลบ {แม้“ปิดบวก(ก็เล็กน้อย)ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“แนวรับย่อย1250+/-”คอยหนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1270 – 1280 (หรือ 1290) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1255” (แนวรับย่อย “1240 – 1230 / 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 211.00)
SVI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 2.70)
SYNEX (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.55)
TOP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 41.00)
Flash Note : MC (Under Review)
MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 58.00)
PTTGC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 33.00)
TSCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 22.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+สหรัฐ: ตัวแทนเจรจาการค้าจีน สหรัฐ ตกลงร่วมมือกันส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาค
# นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และหัวหน้าคณะเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเมื่อวันศุกร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างบรรยากาศและภาวะต่างๆ ที่เอื้ออำนวยกับการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐ
-/+ สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคการเกษตรเม.ย.และอัตราว่างงานสูง แต่ยังต่ำกว่าที่คาดไว้
# กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย.ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจร่วงลงถึง 21.5 ล้านตำแหน่ง
# ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 24.9% ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่ตัวเลขอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงเกิดวิกฤตการเงินในเดือนต.ค. 2552 อยู่ที่ระดับ 10% ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 16%
+ สหรัฐ: นักลงทุนมองภาวะย่ำแย่ของโควิด-19 ได้ผ่านไปแล้ว และมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์
# แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา แต่นักลงทุนมองว่า ภาวะย่ำแย่ที่สุดที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว และตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ และประเทศต่างๆ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 20% แล้วในสัปดาห์นี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 455.43 จุด ขานรับข้อมูลจ้างงานร่วงน้อยกว่าคาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ร่วงลงน้อยกว่าที่วิตกกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐและจีนได้หารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะปรับปรุงบรรยากาศเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว
+ น้ำมัน : WTI เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์หรือ 5.1% แท่นขุดเจาะลดลง ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลงอีกในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการปรับลดการผลิต และความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
- • ทองคำ: สัญญาทองคำตลาด COMEX ลดลง 11.9 ดอลลาร์ หรือ 0.69% กลับเข้าหาตลาดหุ้น
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นขานรับกระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ร่วงลงน้อยกว่าคาด
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ศบค.เผยผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 5 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม,รอประชุม15 พ.ค.ก่อนคลายล็อกดาวน์ระยะ 2
# ส่วนการผ่อนปรนทดลองเปิดห้างในวันที่ 14-15 นี้ การทดลองที่พูดไปว่าเป็นการทดลองเป็น SANDBOX เป็น 1 ห้าง 2ห้าง ตกลงแล้วเป็นเพียงแค่ 1 การออกแบบในรูปแบบวิธีการที่จะมีการทดลองดำเนินการ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป ข้อสรุปจะเกิดขึ้นในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
# ส่วนโรงภาพยนตร์จะเปิดหรือไม่ ต้องผ่านกระบวนการของการประชุมปรึกษาแล้วเข้าศบค.ชุดใหญ่ก่อน
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย.63 อยู่ที่ 47.2 ต่ำสุดในรอบ 21 ปี 7 เดือน
# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย.63 อยู่ที่ 47.2 จากเดือน มี.ค. 63 ที่อยู่ในระดับ 50.3 ลดลงต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 259 เดือน หรือ 21 ปี 7 เดือน รวมทั้งความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมและรายได้โดยรวมต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 22 ปี จากการที่เศรษฐกิจถูกบั่นทอนมานานจากสงครามการค้า ทำให้ขยายตัวต่ำมาตั้งแต่ไตรมาส 3/61 ซึ่งเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่า 4% และปี 62 ทั้งปีเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่า 3%
+ ธปท.: ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่ที่คิดบนฐานของเงินต้นของค่างวดที่ผิดนัดชำระจริง
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่ที่คิดบนฐานของเงินต้นของค่างวดที่ผิดนัดชำระจริง สถาบันการเงินเริ่มใช้ไปแล้ว (เดิมคิดจากเงินต้นคงค้างทั้งหมด) การปรับปรุงในครั้งนี้จะช่วยให้แนวปฏิบัติในเรื่องนี้เป็นธรรมมากขึ้น และช่วยลดภาระของประชาชน รวมทั้งลดโอกาสที่ลูกหนี้จะไม่สามารถชำระหนี้คืนได้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web