- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 May 2020 12:15
- Hits: 2692
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 8-5-2020
“เพื่อนบ้านบวกดี-ติดตามจ้างงาน-เจรจาการค้า-กำไร1Q”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : IRPC, ROJNA (จากถือเป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันพฤหัสดิ่งลง กังวลสงครามการค้า การจ้างงานสหรัฐย่ำแย่ ปิด -20.65 จุด ที่ 1257.98 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 56 พันลบ.ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประกาศศุกร์นี้ และคาดว่าการประกาศงบการเงินหุ้นกลุ่มพลังงาน 1Q63 จะออกมาไม่ดี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาก ในระยะนั้น เช่น PTT และ GULF เป็นขาดทุน ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-สถาบัน ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงเป็น 169 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นมีโอกาสรีบาวด์ หลังลงลึก แต่ยังมีปัจจัยลบรออยู่ ปัจจัยบวกคือ จีนกับสหรัฐจะมีการเจรจาการค้ากันสัปดาห์หน้า หลังสหรัฐกล่าวหาจีนต้นตอโควิด-19 วานนี้ตัวเลขส่งออกจีน เม.ย.ดีกว่าคาด +3.5% ดาวโจนส์ +211 จุด ซื้อหุ้นแบงค์และพลังงาน ดัชนีกังวลดลงเป็น 31.4 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ดาวโจนส์-น้ำมันล่วงหน้าปรับตัวขึ้นดี และไทยผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเป็นเลขหลักเดียว (แต่นักลงทุนรอดูวันที่ 15 พ.ค.เป็นต้นไป)
ด้านปัจจัยลบคือ การว่างงานสหรัฐล่าสุดเป็นตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มาก และวันนี้ประกาศจ้างงานนอกภาคการเกษตร คาดว่าจะออกมาย่ำแย่ ประเทศในกลุ่มยุโรปโดนหนักจากโควิด-19 น้ำมันวานนี้ปรับลง 1.8% กังวลอุปสงค์ที่ต่ำ และไทย กกร.ปรับลด GDP ปีนี้อีกเป็น ลบ 3-5%
กลยุทธ์ระยะสั้น
เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1240-1280จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ระยะนี้เก็งกำไรหุ้นเข้า MSCI คือAWC,KTC,TOA ส่วนหุ้นออกเป็นลบคือ BANPU สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTW SET100-SISB, RBF (ข่าวหุ้น) หุ้นกลุ่มโรงแรม สายการบินอาจรีบาวด์ได้บ้างหลังลงลึก เพราะฟิ้นตัวช้าจากโควิด-19 และหุ้นกลุ่มเดินเรือ PSL, TTA ที่ได้รับผลลบ หากสงครามการค้ากลับมาปะทุอีกครั้ง ขณะที่ PSL มีปัญหาเรื่องหุ้นกู้ และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้าง 17 พ.ค. เช่น CPN,CPNREIT,CRC,COM7,HMPRO,DOHOME,GLOBAL แนวรับคือ 1240 หรือ1230 จุด และ แนวต้าน 1270-1280 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1250 จุด
# Stock Pick Today :
BTS ผู้โดยสารฟื้นตัวเร็วจากการทยอยคลายล็อคดาวน์ คาดงบสิ้นปี มี.ค.63 จะออกมาอลังการณ์มาก เพราะบันทึกกำไรขาย Bayswater ถึง3 พันล้านบาท แม้โดนไวรัสไป 1 เดือน อีกทั้งผู้โดยสารที่ลดมาก กระทบส่วนเดียว เพราะถือหุ้นใน BTSGIF เพียง 1 ใน 3 และมีส่วนธุรกิจที่ไม่กระทบคือ บริหารเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีรายได้คงที่ กลับเปิดเพิ่มสถานี และรายได้ก่อสร้างและนำเข้ารถไฟฟ้า (E&M) ชมพู-เหลือง แนะซื้อ ราคาพื้นฐาน 12.80 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบ และระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเป็นลบ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“แนวรับย่อยที่1250+/-”หนุน) อาจจะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1270 (หรือ 1280 – 1290) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1250” (แนวรับย่อย “1240 –1230 / 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Initial Coverage : BGRIM (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 58.00)
Company Guide : DREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.90)
GPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 95.00)
HMPRO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 15.20)
IRPC (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.95)
ROJNA (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.78)
WHART (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 16.50)
Flash Note : LPN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 2.40)
MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 58.00)
Key Takeaways : BH (ถือ - ราคาพื้นฐาน 118)
Turnover List Watch : คาดไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance ส่วน CHAYO ไม่เข้าเกณฑ์
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-สหรัฐ: ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเป็น 3.17 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่านักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 3.17 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.05 ล้านราย
# ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานโดยรวมพุ่งขึ้นสู่ระดับ 33.5 ล้านรายในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- สหรัฐ: จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเม.ย.วันศุกร์นี้ คาดกันว่าจะย่ำแย่มาก
# นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิดขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเป็นหนึ่งในตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยคาดว่าอัตราว่างงานอาจสูงกว่า 20% ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดิ่งลง 21.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 16%
-ยุโรป: ทั้งอังกฤษและเยอรมันนีต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นอย่างมาก
# ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เผยจากการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) บ่งชี้ว่า ธนาคารชั้นนำของอังกฤษยังคงสามารถปล่อยเงินกู้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะร่วงลงเกือบ 30% ในไตรมาส 2/63 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 และจะฟื้นตัวขึ้นเมื่อมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
# สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีร่วงลง 9.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในเดือนม.ค.2534 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
+/• จีน: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบริการ-ส่งออกเม.ย.ดีขึ้น แต่จีนอยู่ในระหว่างทบทวนเป้าเศรษฐกิจลง
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินอยู่ที่ระดับ 44.4 ในเดือน เม.ย. ซึ่งแม้ว่าปรับตัวขึ้นจากระดับ43ในเดือนมี.ค.แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
# สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจลดลง 11%
# ผลกระทบ: ล่าสุดมีข่าวว่าจีนกำลังปรับเป้าหมายตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆในปีนี้ลง เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆแย่กว่าที่คาดไว้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 211.25 จุด รับแรงซื้อหุ้นแบงก์,พลังงาน
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากค่าสเปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีและ 10 ปีขยายกว้างขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยี โดยแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นเหล่านี้ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- น้ำมัน : WTI ปิดลบ 44 เซนต์ หรือ 1.8% วิตกเศรษฐกิจทรุดฉุดดีมานด์ชะลอตัว
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) ทำสถิติปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 6วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้มีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $37.3 นลท.แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลแรงงานสหรัฐซบเซา
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์ได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
# ศบค.เผยวานนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,992 ราย ขณะที่รักษาหายเพิ่มขึ้น 11 ราย รวมผู้ป่วยที่หายป่วยกลับบ้านได้แล้ว 2,772 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 165 ราย โดยวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 55 ราย
# ผลกระทบ: แม้จะมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตน้อย แต่ต้องติดตามหลัง 14 วันที่เป็นวันหยุดยาว สักวันที่ 15-18 พ.ค.63เพราะมีการเดินทางมาก และเริ่มคลายล็อคดาวน์ จะกลับมามีผู้ติดเชื้อมาก (Second Wave) หรือไม่
- กกร.ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไทยปีนี้ลงเป็น -3% ถึง -5%
# คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศไทยในปีนี้จะหดตัว -3% ถึง -5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน มี.ค.ว่าจะเติบโตที่ระดับ 1.5-2.0% หลังจากในช่วงไตรมาส 1/63 คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว -5% ขณะที่การส่งออกทั้งปีประเมินว่าจะหดตัว -5% ถึง -10%
-PSL:ราคาหุ้นวานนี้ร่วงลงถึง 9.2% วิตกเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
# วานนี้มีข่าวว่าบมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ขอต่ออายุหุ้นกู้ที่จะถึงกำหนดไถ่ถอน 9 มิ.ย.63 ไปอีก18 เดือน (9 ธ.ค.64) ซึ่งแม้ผู้ถือหุ้นกู้อนุมัติ แต่ก็ต้องไปขออนุมัติจากที่ประชุมเจ้าหนี้ ซึ่งหากไม่อนุมัติและไม่มีแหล่งเงินทุนอื่น ก็จะทำให้บริษัทเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระ (default) ได้ (Aspen)
# ผลกระทบ: เราไม่ได้ทำการวิเคราะห์ (Not Rated) แต่ควรชะลอการลงทุน เรื่องข้างต้นแสดงว่าบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแล้ว และในอนาคตหากสหรัฐมีมาตรการกีดกันการค้ากับจีนเพิ่มอีก จะกระทบการขนส่งเรือเทกองได้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web