บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 5-5-2020

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Tuesday, 05 May 2020 16:04; Hits: 3751

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 5-5-2020

กลยุทธ์วันนี้ >> Wait to Accumulate and DCA on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องตามคาดบวก 18.98 จุด ณ สิ้นวัน รวมถึงสามารถทะลุและยืนเหนือแนวต้านสำคัญ 1,300 จุดได้อย่างแข็งแรงหลัง Gilead แถลงผลการทดสอบยา Remdesivir ที่ให้ผลลัพธ์เชิงบวก แรงซื้อหลักยังมาจากสถาบันประเทศซึ่งซื้อสุทธิสูงถึง 5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.2 พันลบ. (และ Short Index Futures อีก 2.2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะปรับตัวลงในกรอบ 1,280-1,300 จุดหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรงวานนี้ ประเด็นกดดันกลับมาอยู่ที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยสหรัฐฯโจมตีจีนเป็นต้นตอการระบาดของ COVID-19 รวมถึงปกปิดข้อมูลและกักตุนอุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ยังลามไปถึงประเด็นการค้าโดยทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้ารอบใหม่เพื่อตอบโต้ แต่กลุ่มพลังงานคาดว่าจะช่วยประคองตลาดได้บ้างหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทั้งการคลาย Lockdown และกลุ่ม OPEC+ เริ่มลดกำลังการผลิตในเดือน พ.ค. อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่า Upside ของดัชนียังจำกัดจาก Valuation ที่สุง (PER 17.5 เท่า) แพงเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค จึงยังรอการพักฐานในเดือนนี้เพื่อสะสมหุ้นรอบใหม่ ส่วนระยะสั้นแนะนำเพียง Trading ตามการแกว่งตัวของดัชนี

กลยุทธ์ : ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP

หุ้นเด่นวันนี้: AP

- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท

- ซื้อรับเงินปันผล 0.40 บาท Yield 7.9% XD 12 พ.ค. จ่ายเงิน 27 พ.ค.

- แม้ถูกกระทบจาก COVID-19 ซึ่งคาดว่ายอดขายในปีนี้จะหดตัว 23% ยอดโอนหดตัว 14% แต่กำไรลดลงเพียง 10% ดีกว่ากลุ่มที่ลดลงเฉลี่ยถึง 25%

- กระจายพอร์ตดีทั้งแนวราบและคอนโดในตลาดทุกเซกเมนต์ มีจุดเด่นในการขายแนวราบซึ่งเป็น Real demand (1Q20 มียอดขายถึง 6 พันลบ. 84% เป็นแนวราบ) มี Backlog แข็งแกร่ง 1.5 หมื่นลบ.ทยอยรับรู้ถึงปี 2023 มีลูกค้าต่างชาติเพียง 15% ลดความเสี่ยงการโอน ฐานะการเงินแข็งแรง IBD/E 1.1x และ PE ต่ำ 5.8x

Fund Flow กระแสเงินทุนเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมาไหลเข้าภูมิภาครวมทั้งสิ้น US$613ล้าน แต่พลิกกลับมาไหลออกหนาแน่นวานนี้ US$2040ล้าน เม็ดเงินโดยรวม 2 วันไหลออกจากเกาหลีไต้และไต้หวัน US$764ล้านและ US$590ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยปิดทำการ ส่วนตลาด TIPS เม็ดเงินไหลเข้า-ออกเบาบาง แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าอยู่ในทิศทางไหลออกโดยตลาดจับตาการเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งของหลายประเทศทั่วโลกว่าจะฟื้นตัวเร็วเพียงใดและจะเกิด 2nd Wave หรือไม่

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ศก.ไทยหดตัวมากขึ้นเดือน มี.ค. จะลึกขึ้นเดือน เม.ย. ทุกองค์ประกอบหดตัวยกเว้นการใช้จ่ายภาครัฐหลังเบิกจ่ายงบฯได้ ท่องเที่ยวหดตัวแรงสุด นักท่องเที่ยวเหลือเพียง 8 แสนกว่าคน -76.4% Y-Y ส่งออกไม่รวมทองคำ -6.5% Y-Y การบริโภคและลงทุนเอกชนลดลงตามความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ คนตกงานมากขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงเกือบใกล้ศูนย์ สภาพัฒน์จะประกาศ GDP 1Q20 18 พ.ค.

(-) Sell in May 10 ปีที่ผ่านมา SET ปรับลง 8 ใน 10 ครั้ง ปรับลงเฉลี่ย 2.5% ปัจจุบัน SET มี PE 17.5 เท่า PBV 1.4 เท่า Earnings Yield Gap 5% ไม่ถูกเมื่อเทียบความเสี่ยง ซึมซับข่าวดีและความหวังแล้ว คาดตลาดเดือนนี้พักฐานรอปัจจัยบวกใหม่ แนะทยอยลดพอร์ต ติดตามการระบาดระลอก 2 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่อาจเปลี่ยนไป การปรับขึ้นมาจากแรงซื้อของสถาบันในประเทศเพียงรายเดียว แต่กำไรวิ่งตามไม่ทัน (คาดกำไร 1Q20 -24% Y-Y ทั้งปี -13% Y-Y) แรงซื้อของสถาบันลดลงจาก 12.7% เดือน มี.ค. เหลือ 10.9% เดือน เม.ย. ส่วนนักลงทุนรายบุคคลเพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเร็วทำให้ตลาดมีลักษณะเก็งกำไรค่อนข้างสูง เดือนนี้แนะนำ BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP

(+) INTUCH เราคาดกำไรปกติ 1Q20 +11% Q-Q, -2% Y-Y ตามทิศทางของ ADVANC ปรับกำไรทั้งปีของ INTUCH ลงเป็น -6.5% Y-Y ตาม ADVANC ที่ปรับลงไปก่อนหน้า ปรับป้าลงเป็น 69 บาท แนะนำซื้อจากความเป็น Defensive ปันผลสม่ำเสมอ (Div. Yield 5% ต่อปี) และราคา discount จาก NAV ของ ADVANC ถึงเกือบ 30%

(-) GPSC เราคาดกำไรปกติ 1Q20 +11% Q-Q จากรายจ่ายขายและบริหารและดอกเบี้ยจ่ายลด, +58% Y-Y เพราะควบรวม GLOW แนวโน้ม 2Q20 ลดเล็กน้อย Q-Q ตามการใช้ไฟของลูกค้าอุตสาหกรรม กำไรปกติปีนี้ยังเด่น +47% Y-Y ปีหน้าโตต่อเนื่อง +14% Y-Y และมีศักยภาพในระยะยาว คงเป้า 70 บาท แนะนำถือ/ซื้อเพิ่มเมื่ออ่อนตัว

(-) SPALI เราคาดกำไร 1Q20 -66% Q-Q, -59% Y-Y เหลือ 627 ลบ. ทิศทางเดียวกับกลุ่ม แนวโน้มแย่ลงและต่ำสุดใน 2Q20 เราปรับกำไรปีนี้ลง 15% เป็น -16% Y-Y ดีกว่ากลุ่มที่ -25% Y-Y แต่หดตัวมากกว่า AP เพราะยอดโอนต้องพึ่งแนวราบ ขณะที่ AP มีแนวราบและคอนโดที่ขายได้แล้ว 90% ปรับเป้าลงเป็น 15.3 บาท ถือ (XD แล้ว)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 26.07 จุด ปิดที่ 23,749.76 จุด หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังประกาศผลประกอบการ และกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ เพื่อตอบโต้จีนที่เป็นต้นเหตุการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ท่ามกลางนักลงทุนติดตามวันนี้ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย รวมถึงอินโดนีเซียเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน 1Q20 ขณะที่ตลาดหุ้นจีน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (5 พ.ค.)

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 3.1% ปิดที่ 20.39 ดอลลาร์/บาร์เรล จากกลุ่มโอเปกพลัสเริ่มปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันตามข้อตกลงเพื่อรับมือกับภาวะน้ำมันล้นตลาดจากผลกระทบของโควิด-19 รวมถึงได้แรงหนุนจากบริษัทด้านพลังงานของสหรัฐได้ลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 12.4 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,713.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังมีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1071.71 / +15.21

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 พ.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)

- อินโดนีเซีย: 1Q20 GDP

- สหรัฐ: Markit US Services & Composite PMI (เม.ย.)

6 พ.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (เม.ย.)

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Services PMI (เม.ย.), ยอดค้าปลีก (มี.ค.)

7 พ.ค. - จีน: Caixin China Services & Composite PMI (เม.ย.), ส่งออก-นำเข้า (เม.ย.)

- ฟิลิปปินส์: 1Q20 GDP

Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530

Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077

www.fnsyrus.com

FB: Finansia Syrus Research