- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 April 2020 11:56
- Hits: 3280
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 30-4-2020
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index ลุ้นขึ้นต่อ โดยแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่กว่าตลาดคาด แต่ถูกชดเชยด้วยประเด็นการหนุนนโยบายผ่อนคลายที่ต่อเนื่องของ FED บวกกับสถานการณ์การแพร่กระจาย COVID-19 มีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง นำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการ Lock Down ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,275-1,300 จุด
Market Factor
- • (+) แม้ Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% แต่อย่างไรก็ดี Fed ยังคงใช้มาตรการทางการเงินที่มีอยู่ให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเพื่อให้อัตราการจ้างงานเต็มที่กลับมาและให้เงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมาย 2% โดยอัตราการว่างงานเดือน มี.ค.อยู่ที่ 4.4% และ Core PCE Price Index เดือน ก.พ.อยู่ที่ระดับ 1.8% โดยมาตรการทางการเงินยังไม่ได้ระบุระยะเวลาสิ้นสุดที่จะใช้ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
- • (0) แม้สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับเพิ่ม 22.0%DoD และ 10.2%DoD ตามลำดับ จาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นที่ระดับ 9 ล้านบาร์เรลต่อสัปดาห์ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 11.7 ล้านบาร์เรลต่อสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ดี อุปสงค์น้ำมันขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเช่นกัน
- • (-) ตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 1 ช่วง 1Q63 ของสหรัฐฯ ออกมาที่ระดับหดตัว 4.8%QoQ มากกว่าที่ตลาดคาดหดตัว 4.0%QoQ และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ตลาดคาดยังคงอยู่ที่ระดับ 3.5 ล้านรายมากกว่าระดับปกติที่ 2-2.5 แสนราย
- • (watch) ติดตามผลการประชุม ECB คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% และจับตามาตรการทางการเงินอื่นๆนอกเหนือจากการประกาศโครงการซื้อหลักทรัพย์ภาคเอกชนและภาครัฐฉุกเฉินในวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร เพื่อรับมือกับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
- • (+) ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการยกเว้นภาษีรวม 3 ฉบับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ โดยเน้นไปที่มาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 50 - 150% ครอบคลุมกิจการที่ลงทุนในระบบอัตโนมัติ การจ้างงานบุคลากรผู้มีทักษะสูง หรือการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 (กรุงเทพธุรกิจ)
- • (-) สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมี.ค.63 อยู่ที่ 102.79 หดตัว -11.25% (YoY) จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและภัยแล้ง ส่งผลให้ดัชนี MPI ช่วง1Q63 หดตัวลง -6.63%YoY พร้อมปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 63 มาที่ -6 ถึง -7% (จากเดิมคาด 2-3%) ขณะที่ปรับ GDP ภาคอุตสาหกรมมาที่ -5.5 ถึง -6.5% (จากเดิม 1.5-2.5%) รับรู้ผลกระทบสถานการณ์ COVID-19 (อินโฟเควสท์)
- • (-) รองอธิบดีกรมชลประทาน เผยเตรียมรับมือภัยแล้งจากผลกระทบลานีญ่า มีความเสี่ยงน้ำอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ
จากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ 447 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 35,574 ล้าน ลบ.ม. หรือ 47% ของความจุอ่างฯ ขณะที่มีปริมาณน้ำใช้การได้ 11,891 ล้านลบ.ม.เพียง 23% ของความจุที่มีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30% ของความจุอ่าง (ประชาชาติธุรกิจ
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 29 เม.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,947 ราย เสียชีวิตรวม 54 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.93% (-2.1%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.25% (-0.8% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.62%(1.3% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 74.0 บ. หรือลดลง 27.4%YTD
- • Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 452.73 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 44,816.7 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันขายสุทธิ 538.89 ลบ.MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 18,699.57 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้เราประเมิน SET แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,220-1,300 จุด โดยแม้มีปัจจัยหนุนจาก 1) สถานการณ์ COVID-19 ทั้งในและ ตปท.ดีขึ้นจากยอดผู้ติดเชื้อที่ชะลอตัว 2) การทยอยกลับมาเริ่มเคลื่อนไหวกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down 3) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มลด Downside หลัง OPEC Plus เริ่มต้นลดกำลังการผลิตลงเดือน พ.ค.นี้ คลายความกังวลด้านอุปทานส่วนเกินได้บางส่วน อย่างไรก็ดีอาจถูกดันจากการรายงานตัวเศรษฐกิจทั้ง GDP ช่วง 1Q 63 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซนที่คาดออกมาอ่อนแอ พร้อมแนะติดตามการประชุมธนาคารกลางจากทั้ง BOJ FED และ ECB ถึงมาตรการการรับมือผลกระทบ COVID-19 เพิ่มเติม แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้นตาม Sentiment ตลาด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
- • หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิ 4Q62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% YoY ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04X
นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL (กำไรปกติ 4Q62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10%YoY, +8%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
- • กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน7-11 และ MAKRO ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จากBIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของCOVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่มส่งออกไก่ : เก็งกำไร CPF TFG GFPT หนุนด้วย 1) ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกไก่สด และแปรรูปเดือน มี.ค.63 และช่วง 1Q63 ที่ 320 และ 882 ล้านเหรียญฯ +7.5%YoY และ +7.2%YoY ตามลำดับ และมีโอกาสโตต่อใน 2Q63 โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจีน และญี่ปุ่น รวมถึงความได้เปรียบด้านแข่งขันหลังคู่แข่งสำคัญบราซิลเผชิญปัญหา COVID-19 กระทบการส่งออก 2)ค่าเงินบาทช่วง 1Q63 อ่อนค่า 4%YoY และ8%YTD 3) ราคาขายไก่เฉลี่ยช่วง 1Q63 อยู่ที่ 34.5 บ/กก.ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 62 ที่ 33.7 บ/กก. และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก เช่น ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองยังทรงตัวในระดับต่ำ เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ
29-Apr-20 Change (pts.) 28-Apr-20
SET Index 1,282.68 7.69 1,274.99
SET50 Index 857.63 3.29 854.34
SET100 Index 1,879.33 9.37 1,869.96
High 1,286.45 Gainers 681
Low 1,275.68 Unchanged 418
Value (Bt m) 49,140.08 Losers 590
Volume (*000) 13,129,453
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 17.3 14.4 14.4
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -16.7
EV/EBITDA (x) 11.0 9.9 9.2FWD PBV (x) 1.4 1.4 1.3
Dividend Yield (%) 3.2 3.6 3.9
ROE 7.3 8.1 8.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 29-Apr-20 WTD MTD YTD
Institution (538.89) (160.94) 18,699.57 44,772.97
Proprietary 510.83 907.82 4,430.32 (2,919.70)
Foreign (452.73) (936.45) (44,816.71) (160,171.62)
Individual 480.79 189.58 21,686.82 118,318.35
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web