- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 April 2020 15:18
- Hits: 2379
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 27-4-2020
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index แกว่ง Sidewayในกรอบ 1,245-1,270 จุด โดยแม้การควบคุมสถานการณ์การแพร่กระจาย COVID-19 เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง นำไปสู่การเตรียมผ่อนคลายมาตรการ Lock Down ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก แต่ระมัดระวังปัจจัยกดดันจากความกังวลรายตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ที่คาดอ่อนตัวจาก GDP ช่วง 1Q63 ของสหรัฐฯ ยูโรโซน
- • Market Factor
- • (+) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ส่งมอบเดือน มิ.ย. วานนี้ปรับขึ้นต่อ 2.7%DoD และ 0.5%DoD ตามลำดับ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯที่รายงานออกมาลดลง
- • (+) ตัวเลขผู้ติดเชื้อCOVID-19 สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลดลงทั้งฝั่งสหรัฐฯ และประเทศที่แพร่ระบาดหนักเช่น สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส ส่งผลให้รัฐบาลต่างๆ เริ่มออกมาตรการปลดLockdown เริ่มอนุญาตให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านได้ โดยเริ่มในเดือน พ.ค.เป็นต้นไป
- • (+) ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ลดลง -0.2%YoY ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ -6.5%YoY
- • (+) ธอส.ออกมาตรการ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้า SMEs ผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ และผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย(Pre Finance) ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 100 ลบ.มีสถานะบัญชีปกติ และทำนิติกรรมภายในวันที่ 22 เม.ย.63 (ประชาชาติธุรกิจ)
- • (-) การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) สินค้าไทยมีผลระงับใช้ ลงการลงนามของนายทรัมป์ ครบกำหนด 6 เดือนเมื่อวันที่ 25 เม.ย.63 กระทบสินค้าส่งออกไทย 573 รายการ มูลค่ากว่า 40,000 ลบ. ต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยเฉลี่ยทุกสินค้าประมาณ 4.7% (ฐานเศรษฐกิจ)
- • (watch) ติดตามการประชุมทีมรัฐบาลเพื่อหารือมาตรการการผ่อน Lock Down รวมถึงการขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 26 เม.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,922 ราย เสียชีวิตรวม 51 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.92% (-3.6%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.24% (-2.9% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.61% (2.2% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 74.6 บ. หรือลดลง 26.7%YTD
- • Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 3,156.04 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 43,880.25 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันขายสุทธิ 683.96 ลบ.MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 18,560.51 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้เราประเมิน SET แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,220-1,300 จุด โดยแม้มีปัจจัยหนุนจาก 1) สถานการณ์ COVID-19 ทั้งใน และตปท.ดีขึ้นจากยอดผู้ติดเชื้อที่ชะลอตัว 2)การทะยอยกลับมาเริ่มเคลื่อนไหวกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down 3)สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มลด Downside หลัง OPEC Plus เริ่มต้นลดกำลังการผลิตลงเดือน พ.ค.นี้ คลายความกังวลด้านอุปทานส่วนเกินได้บางส่วน อย่างไรก็ดีอาจถูกดันจากการรายงานตัวเศรษฐกิจทั้ง GDP ช่วง 1Q 63 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซนที่คาดออกมาอ่อนแอ พร้อมแนะติดตามการประชุมธนาคารกลางจากทั้ง BOJ FED และ ECB ถึงมาตรการการรับมือผลกระทบ COVID-19 เพิ่มเติม แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้นตาม Sentiment ตลาด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
- • หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิ 4Q62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% YoY ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา
และยังมี Upsideจากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL (กำไรปกติ 4Q62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10%YoY, +8%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
- • กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน7-11 และ MAKRO ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จากBIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของCOVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่มส่งออกไก่ : เก็งกำไร CPF TFG GFPT หนุนด้วย 1) ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกไก่สด และแปรรูปเดือน มี.ค.63 และช่วง 1Q63 ที่ 320 และ 882 ล้านเหรียญฯ +7.5%YoY และ +7.2%YoY ตามลำดับ และมีโอกาสโตต่อใน 2Q63 โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจีน และญี่ปุ่น รวมถึงความได้เปรียบด้านแข่งขันหลังคู่แข่งสำคัญบราซิลเผชิญปัญหา COVID-19 กระทบการส่งออก 2)ค่าเงินบาทช่วง 1Q63 อ่อนค่า 4%YoY และ8%YTD 3) ราคาขายไก่เฉลี่ยช่วง 1Q63 อยู่ที่ 34.5 บ/กก.ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 62 ที่ 33.7 บ/กก. และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก เช่น ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองยังทรงตัวในระดับต่ำ เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ
24-Apr-20 Change (pts.) 23-Apr-20
SET Index 1,258.78 -13.75 1,272.53
SET50 Index 842.03 -12.06 854.09
SET100 Index 1,843.41 -25.85 1,869.26
High 1,280.02 Gainers 493
Low 1,255.73 Unchanged 347
Value (Bt m) 68,704.56 Losers 833
Volume (*000) 15,330,602
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.9 14.0 14.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -16.4
EV/EBITDA (x) 10.8 9.7 9.1
FWD PBV (x) 1.4 1.3 1.3
Dividend Yield (%) 3.3 3.6 4.0
ROE 7.4 8.1 8.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 23-Apr-20 WTD MTD YTD
Institution (683.96) 8,218.33 18,860.50 44,933.91
Proprietary (275.70) 754.11 3,522.50 (3,827.52)
Foreign (3,156.04) (16,609.63) (43,880.25) (159,235.16)
Individual 4,115.70 7,637.19 21,497.25 118,128.77
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary'
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web