- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 October 2014 19:54
- Hits: 2148
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เด้ง&ยืนเหนือ SMA10 ถือต่อ, ไม่ผ่านควรขายก่อน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยมีรีบาวน์ โดยบวกขึ้น 4.43 จุด ปิดที่ 1546.78 ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดของวันที่ 1544.65 ไม่มาก ทั้งนี้เพราะนักลงทุนบางส่วนรอขายปรับพอร์ตจังหวะที่ราคาหุ้น & ตลาดเด้ง นักลงทุนสถาบัน & ต่างชาตซื้อสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ ภาพที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นของตลาดยังไม่แข็งแกร่ง และตลาดต้องการปัจจัยบวกใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ากระตุ้น ซึ่งในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องการทำPreview & รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดไปจนถึงกลางเดือนพ.ย.57 ทั้งนี้หาก SET Indexสามารถปรับขึ้นต่อและขึ้นไปยืนเหนือ SMA10 ได้ก็น่าลุ้นถือต่อเพื่อหวัง 1580+/-
และถ้ายืนเหนือ 1580 ได้ก็ค่อยลุ้น Step ต่อไปที่ 1600 จุดหรือสูงกว่าสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราเห็นว่าน่าสนใจทยอยซื้อลงทุนในจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว ได้แก่ ค้าปลีก & อาหาร (หุ้นเด่น CPALL, CPF, GFPT, TUF),ท่องเที่ยว โรงแรม (CENTEL, MINT), ขนส่ง (AOT, BTS, BECL), อสังหาริมทรัพย์ (CK, STEC, AP, PS, SPALI, ROJNA) สำหรับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ระยะสั้นมากยังถูกกดดันด้วยราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง (ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปัจจุบัน -26%YTD, -10%QTD ส่วนระดับปิดของ3Q57 ก็ -16%QoQ) เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจำกัด ขณะที่อุปทานออกมามากขึ้น เน้นซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หุ้น Top pick ของกลุ่มนี้เป็น PTT สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TMB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมในระยะสั้นมากพลิกเป็นบวกเล็กๆ และมีโอกาสรีบาวด์ต่อ โดยมีแนวต้าน 1555-1560 ค่าลบของหุ้นและ SET Index ดูไม่ดี มีสิทธิลงไปทำ New Low ที่ 1500 (+/-10 จุด) ดังนั้นในการเข้าซื้อใหม่จึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวก สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ NewHigh ทางเทคนิคและให้ถือต่อ ได้แก่ SEAOIL, HEMRAJ, MAJOR, SAMART, RATCH, CGS, SST, MIDA ส่วนที่เข้าใหม่เป็น SUPER, EFORLหุ้นที่หลุด List คือ -ไม่มี- และหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit ประกอบด้วย TPOLY
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
- ยูโรโซน & เยอรมนี : เศรษฐกิจชะลอตัวลง ยูโรสแตทรายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนร่วง 1.8%MoM ในเดือนส.ค. ด้านรัฐบาลเยอรมนีลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 57 เหลือ 1.2% (เดิม1.8%) ส่วนปี 58 เป็น 1.3% (เดิม 2.0%)
• ตลาดหุ้นสหรัฐทรงตัว ดัชนี DJIA ปิดทรงตัว (-5.88 จุด) ส่วนS&P500 บวกเล็กน้อย (+2.96 จุด) ปัจจัยหนุน คือ รายงานผลประกอบการที่สดใสของธนาคารใหญ่ เช่น เจพี มอร์แกน, เวลส์ ฟาโก,ซิตี้กรุ๊ป เป็นต้น
- สัญญาน้ำมันดิบดิ่งแรง...กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีต่อWTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วง 3.90 ดอลลาร์ ปิด 81.84 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วน BRENT ดิ่ง 3.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ IEA คาดการใช้น้ำมันทั่วโลกปี 57 จะเพิ่มเพียง 6.5 แสนบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 9 แสนบาร์เรล/วัน
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ขยับขึ้นต่อ โดยสัญญาส่งมอบธ.ค.
+4.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,234.3 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+ ก.พาณิชย์เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ย.57 เพิ่มเป็น 45.8จาก 44.0 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุดในรอบ 115 เดือน ปัจจัยหนุน คือ ความหวังว่าจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 58 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงกระตุ้นการอุปโภคบริโภค & ท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง
+ ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ...เป็นบวกแต่ก็เป็นไปตามคาด บุคคลธรรมดาให้นำค่าที่พักและไกด์มาลดหย่อนได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท นิติบุคคลหักค่าใช้จ่ายอบรมสัมมนาได้ 100% มีผลถึงสิ้นธ.ค.57...นับเป็นบวกแต่ก็ไม่ได้ Surprise ตลาดเพราะทราบกันมาก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับหุ้นที่ DBS ทำการวิเคราะห์และคาดว่าจะได้ประโยขน์จากเรื่องนี้ คือ AOT (TP : 255 บาท), CENTEL (TP : 43 บาท), MINT(TP : 40 บาท), CPALL (TP : 48 บาท)
•/- หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงถึง 84% ของ GDP กระทบกลุ่มไหน? จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการและผู้บริโภคใกล้ตัว ในเบื้องต้นเราพบว่าหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงจะมีผลกระทบต่อ 1) ธุรกิจรายย่อยของสถาบันการเงิน เช่น บัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อเช่าซื้อ ฯลฯเพราะแบงค์ต้องเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และกำลังผ่อนชำระของผู้บริโภคน้อยลง, 2) ยอดขายที่พักอาศัยระดับกลาง-ล่าง ยอดขายรถยนต์ &รถจักรยานยนต์จะแผ่วลง, 3) ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สินค้าแบรนด์เนม, โทรศัพท์มือถือ & แทปเล็ตราคาแพง, เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาสูง ฯลฯ จะลดลง , 4) ธุรกิจบันเทิง เช่น โรงภาพยนตร์, โบวลิ่ง ก็อาจถูกกระทบด้วยอย่างไรก็ตาม ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันจะถูกกระทบไม่มาก เนื่องจากเป็นของจำเป็นและเกี่ยวข้องกับความต้องการขั้นพื้นฐานดังนั้นในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเลือกซื้อ หุ้นเด่นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคเป็น CPALL (TP : 48 บาท), VGI (TP : 14.46 บาท)
+ ตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มฟื้นแต่ยังไม่แกร่งมาก เห็นได้จากยอดขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 31 (9-12 ต.ค.) พบว่ามียอดขายในงาน 3.5พันล้านบาท (+20% จากครั้งก่อน) แต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4 พันล้านบาทสัดส่วนยอดขายรูปตัวเงินของบ้านเดี่ยว-คอนโด-ทาวเฮ้าส์ เท่ากับ 45%-35%-20% ส่วนรูปยูนิตเป็น 50%-25%-25% ทั้งนี้วงการฯประเมินว่ากำลังซื้อของกลุ่มเริ่มทำงานอ่อนลง ส่วนหนึ่งมาจากโครงการรถยนต์คันแรก แต่โดยรวมดีขึ้นหลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว หุ้นเด่นในกลุ่มที่พักอาศัยเป็นAP (TP : 8.6 บาท), PS (TP : 43 บาท), SPALI (TP : 33.7 บาท)
+ DELTA ... ราคาหุ้น Underperform Sector เนื่องจาก 1. ธุรกิจพาวเวอร์ซับพลายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคราวน์ (เก็บข้อมูล) ซึ่งคิดเป็นรายได้ 40% ของบริษัท มีคู่แข่งขันเข้ามามากมากขึ้น ทั้งรายใหญ่และรายเล็กๆ มาร์จิ้นจึงมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 2. มีการตั้งข้อสงสัยว่าการเก็บข้อมูลผ่านคราวน์มีความปลอดภัยแค่ไหน หลังจากมีข่าวคลิปหลุดของคนดังหลายคนออกมา ซึ่งหากยังแก้ไขจุดนี้ไม่ได้ ก็อาจทำให้ธุรกิจเสื่อมถอยลง เราคาดว่าบริษัทอาจมีการปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในส่วนนี้ลงจากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 15-20% เชิงกลยุทธ์ แนะนำ Switch ออกจาก DELTA แล้วเข้าไปลงทุนใน KCE แทน เพราะธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี57-59 โดยมาจากธุรกิจยานยนต์ที่ฟื้นตัว ขยายไปยังธุรกิจเครื่องมือแพทย์ที่ให้กำไรดี และมีการขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องในปี 58
+ TMB : กำไร 3Q57 ดีกว่าคาด ธนาคารรายงานกำไรสุทธิ 3Q57 เท่ากับ2.4 พันล้านบาท เติบโต 28%YoY และ -7%QoQ ดีกว่า BloombergConsensus 13% ดีก่วาที่เราคาด 5% โดยการเติบโตที่แข็งแกร่งมาจากNIM ที่สูงขึ้น และตั้งสำรองค่าเผื่อฯน้อยกว่าคาด ยังคงแนะนำซื้อ และให้เป็น Top Pick ในแบงค์ขนาดกลาง ราคาพื้นฐาน 3.60 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]