- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 April 2020 16:19
- Hits: 1673
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-4-2020
Market Wrap-Up
- • SET ปิดวันที่ 23 เม.ย.63 ปิด +10.72 จุด อยู่ที่ 1,272.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 69,265 ลบ.ต่างชาติขาย 2,765 ลบ. สถาบันซื้อ 1,971 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 670 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 970 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น ADVANC,PTT,SCB,PTTGC,AWC และมียอดขายหุ้น GPSC,CPALL,KBANK,RATCH,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 1,050 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ PTT,GPSC,GULF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 256 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 125,526 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 2,246 ลบ.
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones +0.17%, S&P500 -0.05% ,Nasdaq -0.01% ทรงตัวหลังรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4.427 ล.ราย ส่งผลให้ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐมีคนว่างงาน 26 ล.ราย ดัชนี Stoxx600 ปิด +0.94% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ระหว่างรอการประชุม EU เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ Markit PMI รวมภาคผลิตและบริการของยูโร เบื้องต้น เม.ย. อยู่ที่ 13.5 & มี.ค. 29.7
Market View
- • ภาวะการลงทุนตลาหุ้นสหรัฐทรงตัว หลังมีรายงานผลทดลองยาต้านไวรัส Remdesivir อาจใช้ในการรักษาได้ไม่ดี ขณะที่รายงานทางเศรษฐกิจนั้นดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการสหรัฐ เบื้องต้น เม.ย. ลดลงอยู่ที่ 27.4 เทียบกับ มี.ค. 40.9 เป็นจุดต่ำสุดใหม่ ส่วนคนว่างงานสหรัฐในรอบ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 26 ล.ราย โดยวานนี้สภาผู้แทน ฯ สหรัฐได้ผ่านงบ 8.5 แสน ล.ดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือ SME ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐได้อัดฉีดเม็ดเงินผ่านงบประมาณแล้ว 3 ลล.ดอลลาร์ ส่วนการประชุม EU วานนี้ยังไม่ได้บทสรุปเกี่ยวเม็ดเงินที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน European Recovery Bond เบื้องต้นคาดที่ 2 ลล.ยูโร สำหรับสถานการณ์การระบาดของไวรัสในสหรัฐ ยุโรป อยู่ในระดับทรงตัวดี โดยอิตาลีมีจำนวนผู้ป่วยหายมากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาด ซึ่งระยะต่อไปจะเป็นเริ่มกระบวนการเปิดระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วนดัชนี SET วานนี้ปิด +0.85% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบ โดย PTTGC คาดผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวใน Q2 นี้ จากความเสี่ยงผลขาดทุนสต็อคที่ลดลง ขณะที่ ศบค. รายงานผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มเพียง 13 ราย ส่งผลให้สัปดาห์หน้าที่ประชุม ครม.อาจพิจาณาผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในพื้นที่ 32 จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 14 วัน
Daily Strategy
- • วาง Filter แนวรับ SET ที่ 1,260 เป็นจุด Trailer Stop Loss สำหรับการเก็งกำไร โดยมีแนวต้าน 1,285 – 1,300 จุด แนะนำเก็งกำไร BEM , AWC, CRC, AAV ( +แนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ )
- • STEC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 20.90 บาท) STEC เป็นหนึ่งใน Constructor ที่รายได้จากการก่อสร้างมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องแม้ในภาวะการระบาดของ Covid-19 จาก Backlog ที่ยังแข็งแกร่งในระดับ 9 หมื่น ลบ. โดย Backlog ในระดับนี้ทำให้ STEC สามารถเลือกงานได้มากขึ้นและยังมีความเสี่ยงจากงานใหม่ที่เข้ามาล่าช้าในปีนี้น้อยกว่าผู้รับเหมารายอื่น (คนอื้น Backlog เหลือน้อย) โจทย์ในปีนี้ของ STEC คือการควบคุมต้นทุนการการก่อสร้างให้ลดลงเพื่อยกระดับของอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น สำหรับความคืบหน้าของงานก่อสร้างในงานสำคัญ เริ่มจากรถไฟฟ้าสายสีส้มภาพรวมยังเป็นเป็นไปตามแผน แต่สำหรับสายสีเหลืองและชมพูเกิดความล่าช้าขึ้นจึงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อ ในส่วนของกำไรสุทธิปี 2563-2564 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1.57 พัน ลบ. และ 1.75 ลบ. ในปี 2563 คาดขยายตัวเพียง 5.9%YoY แต่ในปี 2564 ขยายตัวโดดเด่น +11%YoY
- • STPI* (ซื้อเมื่ออ่อนตัว / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.74 บาท) ในปี 62 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปี 61 ที่ 629 ล้านบาท อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่เป็นรายการพิเศษจากการชนะคดี 2.6 พันล้านบาท และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 277 ล้านบาท ส่วนในปี 63 นี้จะเป็นปีที่เราคาดว่าผลการดำเนินงานหลักกลับมา Turnaround อย่างแท้จริงด้วยแรงหนุนจาก Backlog งานก่อสร้าง ณ สิ้นปี 62 ที่ 3.3 พันล้านบาท และงานใหม่ที่ได้รับในเดือน มี.ค.63 อีก 2.2 พันล้านบาท รวมปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 63-65 แบ่งเป็นส่วนที่จะรับรู้ในปีนี้คาดว่าเกือบ 1.8-2 พันล้านบาท รวมกับรายได้พื้นที่เช่าศูนย์การค้า Summer Hill เต็มปี ทำให้กำไรปกติมีโอกาสเติบโต QoQ, YoY ทุกไตรมาส ขณะที่ Bidding Projects ที่มีลุ้นเพิ่มจะมาจากงานรับทำอยู่เดิมและงานใหม่ในประเทศเป็นหลักทั้ง Crisp, TOP, PTTEP แต่งานประเภทโครงการ LNG ในแคนาดา ออสเตรเลีย สหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้ FID อาจจะถูกเลื่อนออกไปเพราะราคาน้ำมันตกต่ำทำให้บริษัทพลังงานตัดงบการลงทุนลง อย่างไรก็ตามราคาหุ้นฟื้นตัวมาค่อนข้างมากแล้วหลังบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนด้วยวงเงิน 1,000 ลบ. จำนวนไม่เกิน 162.5 ล้านหุ้น เริ่มวันที่ 3 เม.ย.-2 ต.ค.63 ดังนั้นคำแนะนำจึงเป็นลักษณะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
Daily Key Factors
Oil Update (+) WTI Futures มิ.ย.ปิด+2.72 ดอลลาร์ อยู่ที่ 16.50 ดอลลาร์/บาร์เรล Brent Futures มิ.ย. ปิด+0.96 ดอลลาร์ อยู่ที่ 21.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังผู้นำทหารกองกำลังปฏิวัติรัฐอิสลามอิหร่านเผยพร้อมตอบโต้กองเรือสหรัฐยามฝั่งสหรัฐในอ่าวเปอร์เซีย หลังเกิดเหตุการณ์เรือทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใกล้กัน
Gold Update (+) Gold Futures มิ.ย. ปิด +7.10 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,745.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกเพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่ดัชนี Dollar Index แข็งค่า +0.04% อยู่ที่ 100.4358
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิ -109.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -85.5 ล้านดอลลาร์ ขายหุ้นอินโด -15.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -8.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัว อยู่ที่ 32.36 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(-) ดัชนี BDI ปิด -22 จุด อยู่ที่ 672 จุด
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี อยู่ที่ 0.602 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.229 %
(0) ค่าเงินหยวน off-shore ทรงตัว อยู่ที่ 7.097/USD
(-) สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัส 866,646 ราย เสียชีวิต 49,759 ราย
(-) สเปนมีผู้ติดเชื้อไวรัส 213,024 ราย เสียชีวิต 22,157 ราย
(-) อิตาลีมีผู้ติดเชื้อไวรัส 189,973 ราย เสียชีวิต 25,549 ราย
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที่ 4 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
23 เม.ย. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
30 เม.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ต่างประเทศ
20 เม.ย. CN อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคาร PBoC
21 เม.ย. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มี.ค.)
EU ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจจากสถาบัน ZEW (เม.ย.)
22 เม.ย. US สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์
23 เม.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
US/EU ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต, บริการ, รวมจาก Markit (เม.ย.)
24 เม.ย. US ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มี.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*, BDMS*, BCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในปรเทศ ADVANC, INTUCH*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม BAM*, CHAYO*, JMT*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*
(5) กลุ่มการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจอีอีซี AMATA, WHA
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากราคาน้ำมันขาลง IRPC, TOP, PRM*
(7) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 CK, STEC, SEAFCO*, TASCO*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: PTTGC
Monthly Portfolio Apr 2020: ADVANC, BJC*, BPP*, CPALL*, CPF*, TU*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No.
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web
081741