WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-4-2020ASP

กลยุทธ์การลงทุน วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563

เชื่อว่า SET Index มีโอกาสที่จะต้องปรับฐานในระยะสั้น ทั้งนี้เป็นผลจากการดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนที่ระดับปัจจุบันแทบไม่เหลือ Upside จาก Valuation ทางปัจจัยพื้นฐาน อีกทั้งยังเริ่มเห็น Downside ในส่วนของประมาณการกำไรอีกครั้ง กลยุทธ์ในช่วงนี้เลือกหุ้น Laggard ในช่วงการดีดตัวขึ้น โดยนำหุ้น EA เข้าพอร์ต และขายทำกำไร BAM และ DCC อย่างละ 5% ของพอร์ต Top Picks เลือก EA (FV@B 49) และ STA (FV@B 14)

       SET Index   1,261.81

       เปลี่ยนแปลง (จุด)   8.89

       มูลค่าการซื้อขาย (ล้านบาท)   76,817

          

ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย จับสัญญาณวันนี้

วานนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนและปรับตัวขึ้นในช่วงบ่าย จากจํานวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศที่เพิ่มขึ้นเพียง 15 ราย รวมถึงคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการภาครัฐ เรื่อง การผ่อนคลาย Lockdown ในบางธุรกิจซึ่งต้องติดตามการประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า จึงทำให้ตลาดหุ้นปิดในแดนบวกที่ระดับ 1261.81 จุด เพิ่มขึ้น 8.89 จุด หรือ +0.71% มูลค่าการซื้อขาย 7.68 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่หนุนตลาดหลักๆ คือ กลุ่มพลังงานได้แก่ GULF(+6.85%) GPSC(+8.71%) BGRIM(+5.14%) TOP(+2.55%) กลุ่มสื่อสารเช่น ADVANC(+3.32%) INTUCH(+4.00%) DTAC(+4.82%) JAS(+3.66%) และกลุ่มขนส่ง อาทิ AOT(+1.24%) BEM(+1.66%) BTS(+1.85%) รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่อย่างเช่น SCC(+2.82%) CPF(+2.78%) และ OSP(+5.00%) เป็นต้น

ฝ่ายวิจัยเชื่อในระยะสั้น SET Index มีความเสี่ยงต่อการที่จะต้องปรับฐานราคาลง ทั้งนี้มีเหตุผลสนับสนุนอยู่ 3 ประการหลักกล่าวคือ 1) นับจากที่ SET Index ปรับตัวลดลงไปที่จุดต่ำสุด 969.08 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากฐานบริเวณ 1500 จุด คิดเป็นการปรับลดลงกว่า 530 จุด หลังจากนั้น SET Index ก็ดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมาอยู่ที่ 1261.81 จุด คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดกว่า 30% หรืออีกมุมหนึ่งคิดเป็นการปรับตัวกลับขึ้นมา 55% ของระยะทั้งหมดที่ปรับตัวลดลงมา (จาก 1500 จุด ถึง 969.08 จุด รวมระยะทางการปรับลงทั้งหมด 530 จุด) ซึ่งด้วยหลักการทาง Technical ก็เป็นจุดที่เตือนว่ามีโอกาสที่จะปรับฐานลงมา ประการที่ 2) พิจารณาจาก Valuation ทางพื้นฐาน ซึ่งกำหนดบนคาดการณ์ EPS ของตลาดปี 2563 ที 72.62 บาท/หุ้น และให้ Market Earning Yield Gap ที่ 5% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 17.4 เท่า คิดเป็น SET Index เป้าหมายที่ 1264 จุด เท่ากับว่าที่ระดับ SET Index ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือ Upside ประการที่ 3) มีความเป็นไปได้มากที่ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจเกิด Downside ทำให้ต้องปรับลดประมาณการ ซึ่งก็จะทำให้ระดับดัชนีเป้าหมายปรับลดลง และ ประการที่ 4) สภาพแวดล้อมเรื่องการระบาดของ Covid-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย ทำให้เกิดความคาดหวังว่าจะเห็นการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่จากการติดตามพัฒนาการเชื่อว่าอาจไม่เห็นการผ่อนคลายมากอย่างที่คาด ซึ่ง Sentiment ดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งการลงทุนในตลาดหุ้น และภาพรวมเศรษฐกิจ จากมุมมองดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยมีการปรับกลยุทธ์การเลือกหุ้นมาหา หุ้นประเภทที่ประเภทที่ยัง Laggard ในการดีดตัวขึ้น โดยวันนี้เลือกหุ้น EA ขึ้นมาเป็น Top Pick และนำเข้าในพอร์ตจำลองด้วยน้ำหนัก 10% โดยใช้เม็ดเบงินที่ได้จากการขายทำกำไร BAM และ DCC ด้วยน้ำหนักอย่างละ 5% ส่วนหุ้น Top Pick อีกบริษัทหนึ่งได้แก่ STA

สถานการณ์ Covid-19 ในประเทศดีขึ้น แต่ยังหวังการผ่อนคลายมาตรการได้ยาก

จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของไทย ล่าสุดวานนี้ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 15 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันไทยมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสม 2,826 ราย ประกอบกับจำนวนผู้รักษาหายต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวัน อย่างต่อเนื่องถึง 13 วัน โดยล่าสุดจำนวนผู้รักษาหายมี 244 ราย

โดยรวมจำนวนผู้ติดเชื้อ จะมีผลที่รัฐบาลจะพิจารณาต่อว่า อายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ หรือไม่ และ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด รวมถึงการเปิดธุรกิจ   จะมีการพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า 28 เม.ย. 2563 ASPS ความคาดมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือน และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเพื่อให้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการได้คาดจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง

จำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้รักษาหายต่อวัน ของไทย

อีกประเด็นคือ ความคืบหน้าของ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทล่าสุด สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผยรายละเอียดการกู้เงินดังนี้

  • •   การกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท จะแบ่งเป็นการกู้ 6 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2563 (สิ้นสุด ก.ย. 2563) และอีก 4 แสนล้านบาทจะกู้ในปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 2563 - ก.ย. 2564)
  • •   แหล่งที่มาของเงินกู้ (Source of Fund) จะมาจากในประเทศไม่ต่ำกว่า 80% ผ่านการกู้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ หรือการออกตราสารหนี้ ส่วนอีก 20% จะกู้จากต่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก (World Bank) หรือธนาคารพัฒนาเอเซีย (ADB) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา
  • •   เงินกู้ล็อตแรกจะมีจำนวน 7 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 คนละ 5,000 โดยออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) อายุ 4 ปี เสนอต่อธนาคารพาณิชย์ที่สนใจ ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะอิงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกรุงเทพ (BIBOR) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.97%

(+)ASPS ประเมินความคืบหน้าของ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ข้างต้นมองเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าเม็ดเงินหากออกมาได้ไม่สะดุด จะสามารถช่วยพยุงให้เศรษฐกิตของไทยหดตัวน้อยกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้ว่าจะหดตัวราว 5-6% ได้

(-) ผลกระทบของ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทจะทำให้ หนี้สาธารณะของไทย(Public debt/GDP) เพิ่มขึ้น โดย สบน. คาดว่าการกู้เงินจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็น 51.8% ในปี 2563 จากปัจจุบันที่ 42% และในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 58% ซึ่งจะใกล้เคียงกับเพดานหนี้สาธารณะตามกรอบวินัยการคลังที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของ GDP กดดันความสามารถในการกู้เงินในอนาคตของรัฐลดลง เนื่องจากเผชิญข้อจำกัดจากเพดานหนี้ (Debt Ceiling) และความกังวลดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ ซึ่งจะกลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้ Fund Flow ไหลชะลอการไหลเข้าไทย

ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น แต่ยังมีโอกาสผันผวน

ราคาน้ำมันดิบโลกแกว่งตัวผันผวนตลอดสัปดห์   อ้างอิง น้ำมัน WTI สัญญาส่งมอบ เดือน มิ.ย. ล่าสุด ปรับเพิ่มขึ้นราว 20% ล่าสุดแกว่งบริเวณ 14.25 เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากประเด็นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน (ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตขู่จะส่งเรือรบสหรัฐยิง เรือรบอิหร่าน) หักล้างรายงาน สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ล่าสุด ของ EIA คือ ออกมาเพิ่มขึ้น 15.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด 15.1 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม ASPS ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบในระยะยาว ยังคงมีแรงกดดันจาก ฝั่ง Demand น้ำมัน ที่ชะลอลงจากผลกระทบ COVID-19 (อ้างอิง IEA คาด Demand น้ำมันดิบโลก เดือน เม.ย. จะหายไป 30 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากหลายประเทศมีการ Lockdown ประเทศ ระยะเวลาในช่วง เดือน มิ.ย.- พ.ค.   ขณะที่ฝั่ง Supply น้ำมันดิบ ยังเผชิญปัญหา Over Supply แม้ที่ประชุม OPEC+ มีมติตัดลดกำลังการผลิต ซึ่งจะมีผลในเดือน พ.ค. ลงราว 10 ล้านบาร์เรล/วัน และนอกประเทศ OPEC คาดจะตัดลดลงอีก 5 ล้านบาร์เรล/วัน โดยรวมจะปรับลงราว 15 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ไม่สามารถหักล้าง Demand ที่ลดลงแรงมากกว่าได้ โดย ASPS ให้น้ำหนักการประชุม OPEC+ รอบพิเศษวันที่ 10 พ.ค. คาดจะมีการตัดกำลังการผลิตลงจากเดิมอีก

ผลต่อเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง ASPS ประเมินผลบวกคือ ต้นทุนค่าขนส่งจะถูกลง แต่จะถูกจำกัดจากการ Lock down ชะลอการออกจากบ้าน ชะลอการเดินทาง อีกทางหนึ่งจะมีผลกระทบทำให้เกิด

   ภาวะเงินฝืด(Deflation) ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อหลายประเทศทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้จะพลิกกลับมาติดลบ   ทำให้อัตราดอกเบี้ย Net ineterst rate เปิดกว้างมาก ทำให้หลายประเทศสามารถใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายได้อีก

ที่มา: Bloomber

   เศรษฐกิจประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังมี Downside เพิ่มขึ้น : โดยเฉพาะประเทศในตะวันออกกลางที่พึ่งพารายได้จากการผลิตน้ำมันเกิน 50%ต่อ GDP , สหรัฐซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันจาก Shale oil ขณะที่ไทย จะกระทบจากการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน

ตลาดยังมี Downside จากองค์ประกอบรอบด้าน ชอบ EA, STA

ตลาดหุ้นยังขยับขึ้นมาเร็ว จากความคาดหวังประเด็น COVID-19 จะคลี่คลายได้เร็วขึ้น จนล่าสุดอยู่ที่ 1261.81 จุด อย่างไรก็ตามหากวิเคราะห์จากองประกอบต่างๆ ในหลายๆมิติ พบว่า SET Index ยังมีความเสี่ยงอาจถูกขายทำกำไรได้จากหลายองค์ประกอบ คือ

   ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาสะท้อนความคาดหวังว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาดำเนินงานตามปกติ จากประเด็น COVID-19 มาในระดับหนึ่งแล้ว แต่สังเกตได้ว่าหลายประเทศยังมีการขยายระยะเวลาในการ Lock Down ออกไปอยู่ เช่น สิงคโปร์ อังกฤษ เป็นต้น

   SET ฟื้นมาอยู่ในระดับแนวต้านทาง Technical คือ หากพิจารณาจากจุดที่ SET Index ย่อตัวจากประเด็น COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 2563 ลดลงมาแล้วกว่า 600 จุด (ระยะเวลาเกือบ 2 เดือน) และฟื้นขึ้นมาแล้ว 292 จุด หรือ ฟื้นขึ้นมาเกือบ 50% จากจุดต่ำสุด (ระยะเวลา 1 เดือน 10 วัน) แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวขึ้นมาเร็วมาก และกำลังทดสอบแนวต้าน ที่ระดับ 50% ของ Fibonacci Retracement

การเคลื่อนไหวของ SET Index ตั้งแต่ 24มี.ค.-ปัจจุบัน

ที่มา : ฝ่ายวิจัย ASPS

ผลประกอบการงวด 1Q63 อาจไม่ค่อยสดใสนัก รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับฐานแรงในช่วงนี้ หากยืดเยื้อ ถือป็น Downside ต่อสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 2563 ของฝ่ายวิจัยที่ประเมินไว้ที่ 40 เหรียญ/บาเรลล์ โดยทุกๆ 5 เหรียญที่ลดลงจะกระทบต่อประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนลดลงถึง 1 หมื่นล้านบาท

                SET Index ณ ปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้มูลค่าพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยประเมิน 1264 จุด โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนต่อหุ้นปี 2563 อยู่ที่ 72.62 บาท/หุ้น

กลยุทธ์เน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี และหุ้นที่ราคา Laggard กลุ่ม แนะนำ 2 บริษัท คือ

STA (FV @ 14.00) แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2563 จะฟื้นตัวโดดเด่นอยู่ที่ 813 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ 149 ล้านบาทในปี 2562 มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ธุรกิจถุงมือยาง (20% ของรายได้รวม) จะเติบโตชัดเจน เนื่องจากได้ประโยชน์จากการระบาดของ COVID-19 หนุนแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้นถึง 40.7% yoy ในปี 2563 และ 2) ธุรกิจยางพารา (80% ของรายได้รวม) ก็จะฟื้นตัวเช่นกัน จากการที่โรงงานแปรรูปยางในไทยหลายแห่งหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราว ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อยางจาก STA เพิ่มขึ้น หนุนแนวโน้มปริมาณขายยางของ STA เพิ่มขึ้นถึง 17.8% yoy ในปี 2563 นอกจากนี้ STA ก็ได้ประโยชน์จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง หนุนประสิทธิภาพการทำกำไรดีขึ้น

EA(FV @ 49.00) ทิศทางกำไรปกติ 1Q63 คาดเติบโตเล็กน้อยจาก 4Q62 หนุนหลักจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่จะผลิตไฟได้มากขึ้น เพราะเข้าสู่ช่วง high season และได้รับผลบวกจากภัยแล้งซึ่งคาดจะทำให้ความเข้มแสงมากกว่าปกติ ส่วนภาพทั้งปี 2563 คาดกำไรปกติเติบโต 8.9%yoy มาอยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ทำ New High อีกครั้ง จากการรับรู้โรงไฟฟ้าลมหนุมาน 260 MWe เต็มที่ทั้งปี อีกทั้งเป็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคา Laggard กลุ่มฯ ถือเป็นโอกาสลงทุน

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม,

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน, ปัจจัยทางเทคนิค

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132

ภราดร เตียรณปราโมทย์

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365

ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636

วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506

ภวัต ภัทราพงศ์

ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!