- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 April 2020 12:00
- Hits: 2631
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-4-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate and DCA on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์ได้แรงกว่าที่เราและตลาดคาดหลังจากปรับฐานลงวันก่อนหน้าโดยสามารถปิดบวกถึง 39.09 จุด ณ สิ้นวัน ตอบรับข่าวยา Remdesivir ของ Gilead ให้ผลการรักษาที่ดี สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิสูงถึง 4.3 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายบางลงเหลือ 197 ลบ. (สถานะของต่างชาติใน Index Futures วันศุกร์ไม่มีนัยยะ แต่สถาบัน Net Long 1.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว้งตัว Sideways ในกรอบ 1,220-1,260 จุด ประเด็นที่หนุนตลาดคือตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันที่เพิ่มในอัตราที่ชะลอ ทำให้หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และทยอยเปิดเศรษฐกิจ สภาคองเกรสใกล้ได้ข้อสรุปเงินช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กเพิ่มเติม ขณะที่ในประเทศพ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านประกาศลงราชกิจจาฯแล้วซึ่งถือว่าเร็วกว่าคาด อย่างไรก็ตามเราประเมินว่าดัชนีที่ปรับตัวขึ้นแรงสัปดาห์ก่อนได้รับประเด็นดังกล่าวไปพอสมควร ทำให้ยังมอง Upside ของดัชนีในระยะสั้นจำกัด รวมถึงต้องติดตามว่าหลังผ่อนคลาย Lockdown จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเร่งตัวขึ้นหรือไม่ ส่วนสัปดาห์นี้ให้จับตาผลประกอบการ 1Q20 ของกลุ่มธนาคารซึ่งหากออกมาแย่กว่าคาดมีโอกาสที่ตลาดจะเกิดการพักฐานอีกครั้ง เราแนะนำให้รอจังหวะสะสมหุ้นรอบใหม่ในช่วงตลาดปรับตัวลง
กลยุทธ์ : รอทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐานหลังทำกำไรไปแล้ว
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCH, BEM, CPALL, RBF, SFLEX
หุ้นเด่นวันนี้: CBG
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 107 บาท
- แม้จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และการ lockdown ซึ่งกระทบส่งออกไป CLMV แต่ผลกระทบก็ยังน้อยกว่าธุรกิจอื่นเพราะเครื่องดื่มชูกำลังไม่แปรผันตามภาวะศก.มากนัก กำไร 1Q20 เชื่อว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
- อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนลดลงทั้งอลูมิเนียม ก๊าซธรรมชาติ และน้ำตาล และการทำรง. Packaging เองจะช่วยลดต้นทุนได้อีก
- C+lock ที่เริ่มวางขายตั้งแต่ มี.ค. ได้รับการตอบรับดี เรายังไม่ได้รวมในประมาณการ ปัจจุบันมี PE เพียง 19 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ 21 เท่าและต่ำกว่า OSP มาก
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$808ล้าน โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวันและเกาหลีใต้สูงถึง US$651ล้านและ US$231ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยยังมีเม็ดเงินไหลออกแต่บางลงเหลือ US$6ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังมีโอกาสไหลเข้าระยะสั้นหลังหลายๆประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรการ Lockdown และทยอยเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่คาดปริมาณการไหลเข้าบางลงหลังรับประเด็นต่างๆไปพอสมควร
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) หลายประเทศทยอยเปิดศก. สถานการณ์ COVID-19 ยังคงดีขึ้นต่อเนื่องทั่วโลก (ยกเว้นสหรัฐ รัสเซีย ตุรกี) รวมถึงไทย ขณะที่การทดลองวัคซีนมีความคืบหน้ามากขึ้น (แต่ใช้เวลา 12-18 เดือนในการผลิตเชิงพาณิชย์) หลายประเทศในยุโรปเริ่มทยอยเปิดสถานที่ ไทยมีโอกาสสูงที่จะเปิดบางสถานที่เดือนหน้า โดยนายกฯจะตัดสินใจในสัปดาห์สุดท้าย ข่าวดีคือธุรกิจเริ่มกลับมามีรายได้ แต่ขณะเดียวกันต้องระวังการระบาด wave 2 เหมือนที่เกิดในญี่ปุ่นและสิงคโปร์
(+) ราชกิจจาฯประกาศพรก.เงินกู้ 1.9 ล้านลบ. ให้อำนาจก.คลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูศก.ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยแบ่งออกเป็น พรก.เงินกู้ 1 ล้านลบ. (6 แสนลบ.ใช้ในงานสาธารณสุข เยียวยาประชาชน และเกษตรกร + 4 แสนลบ. ฟื้นฟูศก.) พรก.ของธปท. 9 แสนลบ. (5 แสนลบ. ให้ soft loans แก่ SMEs และพักหนี้ + 4 แสนลบ.ซื้อหุ้นกู้เอกชนเพื่อดูแลสภาพคล่อง)
(+) BCPG เราคาดกำไรปกติ 1Q20 -6% Q-Q, -11% Y-Y แม้จะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวเข้ามา 2 โรง (Nam San 3A เต็มไตรมาสและ Nam San 3B 1 เดือน) แต่เป็นช่วง low season และน้ำน้อยมาก ประกอบกับดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น แต่คาดกำไรสุทธิ +14% Q-Q, +3% Y-Y เพราะมี FX gain ราว 102 ลบ. กำไร 1Q20 ที่เราคาดคิดเป็น 20% ของประมาณการทั้งปี เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้นเพราะโรงโซลาร์ในไทยมี high season ใน 2Q20 และเชื่อว่าบริหารจัดการน้ำได้ กำไรยังมีทิศทางเติบโตอย่างน้อย 2 ปีข้างหน้า ยังแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 17 บาท (ยังไม่รวมโครงการ Swan 2 บาท)
(+) TRUE เราคาดว่า 1Q20 จะขาดทุนปกติ 459 ลบ. จากการแข่งขันที่ยังรุนแรงในตลาด Prepaid และธุรกิจ True Vision ถูกกระทบจาก COVID-19 ทำให้รายได้โฆษณาและงาน Event หดตัวแรง แนวโน้ม 2Q20 จะแย่ลงและเชื่อเป็นจุดต่ำสุดของปีเพราะ COVID-19 และค่าตัดจำหน่ายคลื่น 2600 MHz เต็มไตรมาส ก่อนจะกำไรใน 2H20 แต่คาดทั้งปีขาดทุน 393 ลบ. และกำไร 650 ลบ.ปีหน้า คงราคาเป้าหมาย 4.20 บาท แนะนำซื้อเพราะธุรกิจ Mobile ที่แข็งแกร่ง แต่ชอบ ADVANC มากกว่า (Note: ประธานกรรมการของ FSS เป็นกรรมการของ TRUE)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 704.81 จุด ปิดที่ 24,242.49 จุด หนุนจากรายงานข่าวว่าผลการทดสอบยา Remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences ของสหรัฐนั้นพบว่าสามารถใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนหายดีได้ รวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยแนวทางการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังมีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตในสเปนและอิตาลีลดลง
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ ปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนติดตามธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนเม.ย. ในวันนี้ เวลา 8.30 น.ตามเวลาไทย
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 8.1% ปิดที่ 18.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ปรับลง จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 32.9 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 1,698.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากมีรายงานความคืบหน้าในการพัฒนายารักษาโรคโควิด-19 และรัฐบาลสหรัฐเตรียมเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1021.69 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17-24 เม.ย. - ไทย: ผลประกอบการกลุ่มแบงก์
21 เม.ย. - ยูโรโซน: Zew survey expectations (เม.ย.)
- สหหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (มี.ค.)
22 เม.ย. - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (มี.ค.)
23 เม.ย. - เกาหลีใต้: 1Q20 GDP
- สหรัฐ: Markit US Manufacturing PMI (เม.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (เม.ย.)
27 เม.ย. - ฮ่องกง: ส่งออก-นำเข้า (มี.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web